มาถึงวันนี้วงการหนังสือต้องหยุดตัวเองไปแล้วหลายเล่ม จากกระแสการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโลกปัจจุบันยุคสังคมดิจิทัลที่น่าเสียดายที่สุดในสายตาของสังคมคือ คู่สร้าง คู่สม ของ ดำรง พุฒตาล ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเป็นไปตามวิถีที่ควรจะเป็น จึงมี อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโส ของ ททท. ปรารภถึง นิตยสารเล่มหนึ่ง ซึ่งคงอยู่คู่สังคมไทยมานาน คือ อนุสาร อ.ส.ท. ซึ่งเป็นหนังสือของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ คือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ยืนหยัดมาตั้งแต่ปี 2503 สมัยก่อตั้งองค์กร จนถึงปีนี้ 58 ปีเต็มๆโดยไม่หล่นหายตายจากจนวันนี้แม้จะประสบชะตากรรมเดียวกับหนังสือทุนหนาคู่ตลาดมานาน เหมือนฉบับอื่นๆ โดยระบุว่าประวัติหนังสือเล่มนี้เกิดจากวิสัยทัศน์ของคนชื่อพันเอก เฉลิมชัย จารุวัสตร์ (ยศขณะนั้น) อดีตผู้อำนวยการ อ.ส.ท.คนแรก คราก่อตั้งหน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อหารายได้เข้าประเทศ และส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวในประเทศ ป้องกันเงินไหลออกให้ต้องเสียดุลการท่องเที่ยว พันเอก เฉลิมชัย วิเคราะห์ตลาดขณะนั้นแล้ว เห็นว่าการดำเนินงานด้านตลาด ชวนไทยเที่ยวไทย ลำพังแค่การให้ข้อมูลผ่านระบบโทรศัพท์ เปิดเคาน์เตอร์ให้บริการข่าวสาร พิมพ์โปสเตอร์ เอกสารแผ่นพับ แผ่นปลิว ทำภาพยนตร์สารคดีท่องเที่ยวเผยแพร่ คงไม่พอจึงคิดออกหนังสือชื่ออนุสาร อ.ส.ท. เพื่อแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ในเชิงสาระคู่กับคดีที่หมายถึงเรื่อง กลายมาเป็นสารคดีท่องเที่ยว โดยมีลีลาการนำเสนอให้น่าสนใจ จนเกิดความคิดวางแผนเดินทาง ซึ่งก็ได้ผลด้วยมีสมาชิกตอบรับอย่างกว้างขวางในเวลาต่อมามีข้อน่ารู้อีกอย่างหนึ่งว่า การผลิตหนังสือเล่มนี้ที่ผ่านๆมา ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปบันทึกภาพข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว แล้วออกแบบและพิมพ์ด้วยยอดพิมพ์เคยสูงถึงเดือนละ 70,000 ฉบับนั้น มิได้ใช้งบประมาณแผ่นดินประจำปี หากแต่ใช้งบรายได้จากการจำหน่ายหนังสือ ที่มียอดคืนกลับเดือนละ 10% ส่วนหนึ่ง กับการขายพื้นที่โฆษณาอีกส่วนหนึ่งเลี้ยงตัวเองถือเป็นการสร้างมูลค่าด้านส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวในประเทศ สูงไม่ต่างการใช้อุปกรณ์เครื่องมือดำเนินการตลาดด้านอื่นๆวินิจ รังผึ้ง ผู้ทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารคนล่าสุด ยอมรับวิกฤตการณ์ตลาดหนังสือครั้งนี้ มีส่วนกระทบต่ออนุสาร อ.ส.ท.อยู่บ้าง ทางด้านเงินทุนหมุนเวียนการผลิต แต่เมื่อวัตถุประสงค์หลักของหนังสือเล่มนี้ คือต้องการให้เป็นคู่มือสำหรับขายไทยเที่ยวไทย จึงพร้อมจะปรับกระบวนการผลิตให้สอดรับกับงบลงทุน โดยยืนยันจะยังคงดำเนินการต่อไปเช่นปกติโดย ททท. ได้เริ่มนำมาตรการ “อัฐตาซื้อขนมยาย” ด้วยการนำงบส่งเสริมสนับสนุน การจัดกิจกรรมงานวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นต่างๆ มาซื้อพื้นที่โฆษณากิจกรรมนั้นๆ ขณะเดียวกันก็ได้ประสานงานพันธมิตรผู้ประกอบธุรกิจขายสื่อโฆษณามาร่วมดำเนินงานในส่วนนี้บก.วินิจ ยังบอกอีกว่า นอกจากนี้อนุสาร อ.ส.ท.ยังได้สร้างนวัตกรรมใหม่ ให้ทันกับเทรนด์ตลาดท่องเที่ยวยุคปัจจุบัน ด้วยการสร้างช่องทางการสื่อสารผ่านระบบออนไลน์ ให้กับสมาชิกหรือผู้สนใจที่จะบริโภควิธีการขายท่องเที่ยว ของอนุสาร อ.ส.ท.ผ่าน Facebook : อนุสาร อ.ส.ท. และ www.osothomagazine.com ได้อีกด้วยก้าวใหม่ของ อนุสาร อ.ส.ท.คงสร้างความพึงใจให้สมาชิกทั้งดั้งเดิมและหน้าใหม่“ซี.12”