วันนี้มีงานสัมมนาใหญ่ส่งท้ายปีในหัวข้อ “Thailand Next Move 2026 : Wealth Creation : ขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ความมั่งคั่งยั่งยืน” จัดโดย วารสารการเงินธนาคาร โดยมีวิทยากรระดับชาติในตลาดเงินตลาดทุนร่วมสัมมนาดังนี้ คุณวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ปาฐกถาหัวข้อ “Driving Thailand Toward Sustainable Wealth : เปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไทยเพื่อความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน” ต่อด้วย คุณอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ หัวข้อ “Rebuilding Trust, Driving Growth : สร้างความเชื่อมั่นตลาดทุนไทยเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน” ต่อด้วย คุณกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ และ คุณนฤมล จิวังกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย หัวข้อ “Wealth for All : ปฏิรูปการเงินเพื่อสร้างความมั่งคั่งอย่างทั่วถึง” และ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร หัวข้อ “Empowering Thailand’s Potential : เสริมศักยภาพเศรษฐกิจไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน”งานสัมมนาเริ่มเวลา 09.30-12.00 น. ณ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี กรุงเทพฯ ชมการถ่ายทอดสด LIVE Streaming ได้ทาง Facebook การเงินธนาคาร/Money and Banking Channel และ YouTube Money and Banking Channel ตลอดรายการวันก่อนผมอ่านบทความของ ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ใน นสพ.ข่าวหุ้น แล้วชอบมาก เลยขออนุญาตตรงนี้นำข้อมูลข้อเสนอบางส่วนในบทความมาแชร์ต่อนะครับ คุณประทีป ได้ตั้งชื่อเรื่องไว้อย่างน่าสนใจว่า “เราจะเพิ่ม GDP ไทยให้โตเกิน 5% ต่อปีได้อย่างไร?” และระบุว่า ไทยต้องมีจีดีพีเติบโตมากกว่า 5% ต่อเนื่องไปเป็นเวลา 15 ปี จึงจะทำให้รายได้เฉลี่ยของคนไทยจากประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 37,000 บาทต่อเดือน ใกล้เคียงกับมาเลเซียในปัจจุบันหลายคนบอกว่า ประเทศไทยกำลังจมปลัก ถอยหลังเข้าคลอง จากเศรษฐกิจที่เคยโตเกิน 5% เดี๋ยวนี้เหลือ 2% มองไม่เห็นอนาคต แล้วเราจะมีวิธีอย่างไร คุณประทีปได้ยกตัวอย่างประเทศที่มีจีดีพีโตเกิน 5% มาให้ดูว่าเขามีวิธีทำกันอย่างไรบ้างจีน-ใช้วิธีการลงทุนพัฒนาสาธารณูปโภคจำนวนมาก รวมทั้งการสร้างเมืองใหญ่อย่าง “เสิ่นเจิ้น” ในยุค 80 “ผู่ตง” ในยุค 90 เอื้ออำนวยการเดินทางให้สะดวกสบายมากขึ้น สร้างงานต่างๆเพิ่มขึ้น ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น การมีรถไฟความเร็วสูงและอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง เป็นการสานสายใยให้ลูกหลานชนบทที่ไปทำงานในเมืองใหญ่ ติดต่อและกลับไปเยี่ยมครอบครัวได้ง่ายขึ้นมากสิงคโปร์-ใช้วิธีการลงทุนในสถาปัตยกรรมและสิ่งแวดล้อม เริ่มตั้งแต่ที่อยู่อาศัยเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในครอบครัวและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ต่อเนื่องด้วย Opera House สนามกีฬายักษ์ Entertainment Complex, Garden by the Bay, Museum ฯลฯ สร้างจุดขายใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ทำตัวเองให้เป็นศูนย์กลางการเงิน การค้าการลงทุน และความง่ายในการทำธุรกิจต่างๆ (Easy of Doing Business) เทียบเท่าประเทศชั้นนำของโลกUAE (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) พลิกทะเลทรายให้กลายเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง ด้วยนวัตกรรมและสถาปัตยกรรมที่ลํ้าสมัย เช่น เมืองกลางทะเล Palm Jumeirah, อาคารระฟ้า Burj Khalifa, The Grand Mosque, Louvre Museum ฯลฯประเทศไทย คุณประทีป ได้ยกตัวอย่างถึง 11 โครงการที่จะ ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศชั้นแนวหน้าได้ และทำให้จีดีพีเติบโตเกิน 5% ประชาชนมีรายได้สูงขึ้นผมเห็นด้วยครับ สิ่งที่ จีน สิงคโปร์ UAE ลงทุนทั้งหมด สรุปสั้นๆก็คือ “การสร้าง Wealth Creation ให้กับประเทศ” ความจริงสภาพแวดล้อมของ จีน สิงคโปร์ UAE มีอุปสรรคยากกว่าไทยเยอะ แต่รัฐบาลเขาก็ไม่ย่อท้อและทุ่มทำจนสำเร็จ สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิด ล้วนมาจากรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ มีรัฐมนตรีที่เก่งและสุจริต ไม่คิดโกงกินตั้งแต่เริ่มโครงการ ถ้า ไทยมีรัฐบาลและรัฐมนตรีที่มีประสิทธิภาพ เหมือน จีน สิงคโปร์ UAE ผมเชื่อว่า จีดีพีไทยโตได้เกิน 5% แน่นอน อยากให้ความหวังกลายเป็นความจริงครับ.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม