รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ม.มหิดล กล่าวแถลงข่าว “ห้องเรียนเพื่อการเติบโตจากภายใน : หล่อหลอมเด็กปฐมวัยสังคมการพัฒนาที่ยั่งยืน” ว่า ช่วงปฐมวัยเป็นหน้าต่างแห่งโอกาสที่สำคัญที่สุดในการหล่อหลอม ต้นทุนมนุษย์ การเตรียมเด็กจึงต้องก้าวไปไกลกว่าเพียงความพร้อมสำหรับโรงเรียน แต่ต้องมุ่งสร้างพลเมืองที่มีความสามารถอยู่ร่วมกับโลกอย่างยั่งยืน มีความยืดหยุ่นทางใจ สามารถคิดเชิงเหตุผล ควบคุมอารมณ์ และเข้าใจความสัมพันธ์ของผู้คนและธรรมชาติอย่างลึกซึ้งด้าน รศ.ดร.อธิวัฒน์ เจี่ยวิวรรธน์กุล รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าวว่า โครงสร้างการทำงานของสังคมไทยที่ไม่เอื้อต่อการดูแลเด็กและครอบครัว ส่งผลให้ผู้ปกครองจำนวนมากต้องทำงานภายใต้ความเครียด และเด็กได้รับการดูแลไม่เพียงพอ จึงเสนอกรอบแนวคิด Corporate Child and Family Responsibility (CCFR) โดยองค์กรทุกแห่งร่วมรับผิดชอบต่ออนาคตเด็ก ด้วยการจัดนโยบายลาคลอด-เลี้ยงดูบุตร การทำงานแบบยืดหยุ่น เปิดพื้นที่สำหรับเด็กในสถานที่ทำงาน รวมถึงระบบสนับสนุนสุขภาพและพัฒนาการเด็กอย่างต่อเนื่อง แนวคิดนี้ตั้งอยู่บนฐานของเศรษฐกิจแห่งการดูแล ซึ่งมองว่าการลงทุนในการดูแลเด็กคือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดขณะที่ ดร.นุชนาฎ รักษี รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันแห่งชาติเพื่อพัฒนาเด็กและครอบครัวกล่าวว่า งานวิจัยหลายทิศทางชี้ตรงกันว่าเด็กที่เรียนรู้ผ่านธรรมชาติสม่ำเสมอจะมีสมาธิและความคิดสร้างสรรค์สูงกว่า เพราะการได้สำรวจดิน น้ำ ลม แสง และความเปลี่ยนแปลงรอบตัว ช่วยพัฒนาทั้งสมองและใจอย่างสมดุล ทำให้เกิดระบบคิดเชิงเหตุผลและเชิงจินตนาการในเวลาเดียวกันส่วน ผศ.พญ.แก้วตา นพมณีจำรัสเลิศ ผู้ช่วยผู้อำนวยการงานคลินิกเด็กและวัยรุ่น สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว กล่าวว่า ห้องเรียนรวมที่รองรับเด็กทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเด็กทั่วไป เด็กที่มีความต้องการพิเศษ หรือเด็กที่มีบาดแผลทางใจ ห้องเรียนลักษณะนี้สร้างสภาพแวดล้อมปลอดภัยทางใจ เปิดพื้นที่ให้เด็กได้เรียนรู้ความแตกต่าง.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่