พนักงานสอบสวน บก.ปอศ. คุมตัวนานา ไรบีนา ฝากขังศาลอาญาผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน พร้อมคัดค้านประกันตัว อ้างเหตุผลความเสียหายมูลค่าสูง หวั่นเผ่นหนีไปต่างประเทศ แต่หลังทนายจำเลยยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราววงเงิน 1 ล้านบาท ศาลพิจารณาอนุมัติ ประเมินความเสี่ยงแล้วเชื่อผู้ต้องหาจะไม่หลบหนี หรือไปก่อเหตุอันตรายอื่น พร้อมแต่งตั้งผู้ให้คำปรึกษาในคลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมของศาลอาญาช่วยดูแลสภาพจิตใจด้วย ด้านคดีตำรวจ บก.ปอศ.กำลังเร่งรวบรวมหลักฐาน ยังมีผู้เสียหายอยู่ระหว่างตัดสินใจจะเข้าแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมหรือไม่ ส่วนเวย์ ไทยเทเนี่ยม ยังติดต่อได้ ยืนยันอยู่ในประเทศ นัดให้เข้ามาพบสัปดาห์หน้า เพื่อเปิดกล่องเก็บเงินสกุลดิจิทัลที่ตรวจยึดมามีทรัพย์สินอยู่หรือไม่ พร้อมรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาจะแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีด้วยหรือไม่ มีรายงานด้วย นานาให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด แต่ระหว่างสอบปากคำคืนที่ผ่านมา ให้การภาคเสธยอมรับไม่ได้นำเงินของเพื่อนและผู้เสียหายไปลงทุนจริง แต่เอามาใช้จ่ายส่วนตัวกรณีตำรวจ บก.ปอศ.บุกจับกุมดาราสาวชื่อดังกลุ่มนางฟ้า น.ส.ไรบีนา อินทชัย หรือนานา ไรบีนา อายุ 45 ปี ข้อหาฉ้อโกง และข้อหากู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน หลังผู้เสียหาย 17 คน แจ้งความร้องทุกข์ ความเสียหาย 195 ล้านบาท ความคืบหน้าจากศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 ธ.ค. พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. สั่งการให้ พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ. และพนักงานสอบสวนเบิกตัวนานา-ไรบีนา ออกจากห้องคุมขัง นำตัวส่งฝากขังที่ศาลอาญาผัดแรก ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนจำนวนมาก ขณะถูกนำตัวออกมา นานา-ไรบีนา สวมหมวกแก๊ปสีดำ ใส่แว่นตาดำ คาดแมสก์ดำปกปิดใบหน้า คลุมตัวด้วยผ้าเช็ดตัวสีขาวก้มหน้าตลอดเวลา ก่อนขึ้นรถตู้ควบคุมผู้ต้องหาไปทันที โดยไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวนอกจากนี้ มีรายงานการสอบสวนช่วงคืนที่ผ่านมา นานา-ไรบีนา ให้การรับว่า นำเงินที่หลอกผู้เสียหายไปใช้ส่วนตัวจริง แต่ยอดเงินไม่ถึงตามที่เป็นข่าว เนื่องจากใช้คืนไปบ้างแล้ว สาเหตุที่เกิดเรื่องบานปลายเพราะเป็นลักษณะงูกินหาง นำเงินที่ได้ใหม่ไปใช้หนี้เก่าจนหมุนไม่ทัน ระหว่างถูกคุมขังมีอาการเครียด ความดันขึ้นถึง 180 หน้าซีดมือสั่น ตำรวจต้องนำตัวออกมาพูดคุยพร้อมให้กินยาคลายเครียดประจำตัวเพื่อให้นอนหลับ อาการจึงดีขึ้น ต่อมาช่วงเช้าน้องสาวของนานา-ไรบีนา เดินทางมาเยี่ยมที่ห้องควบคุม ใช้เวลาเกือบ 1 ชม. ก่อนเดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. เผยว่า จากการสอบสวนและตรวจสอบพยานหลักฐานเบื้องต้นพบว่า นานาปลอมแปลงวันที่ในสลิปโอนเงิน เพื่อหลอกผู้ร่วมลงทุนว่าเงินที่ได้มาถูกนำไปลงทุนแล้ว เพื่อสร้างความเชื่อใจ แต่เงินดังกล่าวไม่ได้ถูกนำไปลงทุนจริงตามที่กล่าวอ้าง ส่วนผู้เสียหายเมื่อวานนี้มีเข้ามาแจ้งความเพิ่มเติม แต่ยอดความเสียหายยังอยู่ที่ประมาณ 195 ล้านบาท ยังไม่ขอเปิดเผยยอดผู้เสียหายเนื่องจากอยู่ระหว่างทยอยเข้าให้การ และยังมีบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเข้าแจ้งความหรือไม่ เบื้องต้นนานายังคงให้การปฏิเสธ และไม่ขอให้การในรายละเอียด เนื่องจากต้องจัดเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆจำนวนมาก ขอทำเอกสารประกอบคำให้การมามอบให้ภายหลัง ส่วนนายปริญญา สามี ขอยืนยันว่า ไม่เคยมาพบพนักงานสอบสวนตามกระแสข่าว อยู่ระหว่างตรวจสอบทุกมิติว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีลักษณะไหน ตอนนี้ยังไม่พบหลักฐานเส้นเงินมีรายงานการสืบสวนเพิ่มเติมอีกว่า นานาเริ่มขาดสภาพคล่องทางธุรกิจ ออกอุบายชวนเพื่อนและคนใกล้ชิดร่วมลงทุน อ้างชื่อบุคคลมีชื่อเสียงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แต่มีธุรกิจจริงเพียงอย่างเดียวคือธุรกิจร้านตัดผมที่ทำร่วมกับสามี ส่วนเส้นเงินอื่นเป็นเงินจากการหลอกผู้เสียหาย หลังเริ่มการสอบสวนจนสามารถออกหมายจับ ตำรวจเชื่อว่า นานาไม่ได้ทำคนเดียว ต้องมีผู้ร่วมขบวนการหรือคนใกล้ชิดเกี่ยวข้อง กำลังขยายผล ส่วนของกลางที่ตรวจยึดมาทั้งหมด 7 รายการ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ชุดสืบสวนให้ความสำคัญ ฮาร์ดแวร์ วอลเล็ต รีดเดอร์นาโนเอ็กซ์ ใช้จัดเก็บเงินสกุลดิจิทัล แต่ต้องใช้รหัสผ่านเข้าตรวจสอบ นานาให้การว่าเป็นของนายปริญญา อินทชัย หรือเวย์-ไทยเทเนี่ยม สามี ตำรวจติดต่อได้แล้วแจ้งว่ายังอยู่ประเทศไทย จะเข้ามาให้ปากคำสัปดาห์หน้า และตรวจสอบข้อมูลพร้อมกันด้าน พ.ต.อ.นิตติโชติ เพ็ญจำรัส รอง ผบก.ปอศ. กล่าวเสริมว่า ตัวเอกสารสลิปการโอนเงินที่ตรวจพบ เป็นเอกสารที่ดัดแปลงแก้ไข แล้วนำไปแสดงหรืออ้างกับผู้เสียหายรายหนึ่งว่า โอนเงินไปลงทุนกับบุคคลหนึ่งจริง แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเอกสารปลอม ส่วนผู้เสียหายที่ถูกกระทำเช่นนี้ เบื้องต้นพบ 1 ราย เป็นบุคคลทั่วไปไม่ใช่ดารา อยู่ระหว่างตรวจสอบหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์ที่ยึดมา เพื่อดูว่านอกเหนือจากหลักฐานเหล่านี้ยังมีหลักฐานอื่นเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ส่วนเอกสารการโอนหุ้นเป็นการนำมากล่าวอ้างกับผู้เสียหายเฉยๆว่ามอบหุ้นร้านตัดผมให้ผู้เสียหายรายนี้แล้ว แต่เอกสารหุ้นดังกล่าวไม่ใช่ของนานาจริง ส่วนนี้กำลังตรวจสอบว่าโอนหุ้นให้จริงหรือไม่ ขณะนี้มีผู้เสียหายบางรายพาดพิงถึงนายปริญญา แต่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐานให้แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน หากพบว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดจริง ต้องดำเนินการทางกฎหมายเช่นกันที่ศาลอาญา พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. นำตัวนางไรบีนา อินทชัย หรือนานา-ไรบีนา อายุ 45 ปี ผู้ต้องหากระทำผิดฉ้อโกงทรัพย์ และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนมาฝากขังครั้งแรก พฤติการณ์แห่งคดีประมาณ ต.ค.65 ต่อเนื่องกันไป นางไรบีนาผู้ต้องหามาชักชวน นายเอ (นามสมมติ) ผู้กล่าวหากับพวกและพยานรวม 10 ราย ร่วมลงทุนธุรกิจนําเงินไปปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลร่วมกับนางตาว (นามสมมติ) ให้ผลตอบแทน 4-7 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน มีตัวอย่างผู้มาขอกู้ยืมเงินแสดงให้ผู้กล่าวหาดู เช่น คุณบี 5 ล้านบาท มีระยะเวลาจ่ายผลตอบแทนทุกวันที่ 14 เดือนละ 200,000 บาท นางไรบีนาเสนอแผนการลงทุนพร้อมผลตอบแทนหลายครั้ง ปรากฏตามเอกสารที่ผู้กล่าวหามอบให้พนักงานสอบสวน จึงเชื่อว่ามีการทําธุรกิจจริงตัดสินใจร่วมลงทุน โอนเงินลงทุนผ่านบัญชีชื่อผู้ต้องหา 4 บัญชี ผู้กล่าวหาลงทุนช่วงแรกได้รับผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง จึงลงทุนเพิ่มตามแผนการลงทุนที่นางไรบีนาเสนอแต่ละครั้งประมาณเดือน ม.ค. - ก.พ.68 ผู้ต้องหาหยุดจ่ายผลตอบแทนพร้อมเงินต้น ผู้กล่าวหาทวงถาม นางไรบีนาแจ้งว่า ถูกหน่วยงานรัฐอายัดบัญชีธนาคาร ทําให้ไม่สามารถจ่ายเงินผลตอบแทนและเงินลงทุนได้ บอกว่าประมาณเดือน ต.ค. จะได้เงินคืนทั้งหมด และออกเช็คธนาคารให้ผู้กล่าวหากับพวกเพื่อชําระเงินต้นและผลตอบแทน ผู้กล่าวหานําเช็คไปเรียกเก็บเงินกับธนาคารแต่ถูกปฏิเสธการจ่าย ให้เหตุผลว่าเงินในบัญชีไม่พอ ต่อมาเดือน ก.ย. นางไรบีนาออกมาชี้แจงว่า ไม่ได้นําเงินผู้กล่าวหาไปลงทุนในธุรกิจจริง แต่คนที่กล่าวอ้างถึงมีตัวตนอยู่จริง และนําเงินของผู้กล่าวหาไปใช้ประโยชน์ส่วนตน จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวงแน่แล้ว เข้าแจ้งความร้องทุกข์รวมความเสียหาย 152,907,577 บาทจากการสอบสวนมีการหลอกลวงผู้กล่าวหาและพยานหลายราย ปกปิดข้อเท็จจริงอันควรบอก มีพฤติการณ์หลอกลวงเพื่อให้ได้ทรัพย์สิน เช่น นําเงินไปลงทุนธุรกิจบริษัทเกี่ยวกับกีฬาบาสเกตบอลโดยไม่มีการทําธุรกิจจริง จะให้ผลตอบแทน 40 เปอร์เซ็นต์ หลอกลวงขายหุ้นบริษัทเนเวอร์เซ คัทซ์ จํากัด หุ้นดังกล่าวไม่ใช่หุ้นของนางไรบีนา อ้างว่านําเงินไปลงทุนหุ้นกับบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญและจะนําผลตอบแทนมาให้ ปลอมแปลงเอกสารหลักฐานการโอนเงินเพื่อให้ผู้กล่าวหาหลงเชื่อว่านําเงินไปลงทุนในธุรกิจสินเชื่อ หลอกลงทุนธุรกิจร้านอาหารที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จากพยานหลักฐานดังกล่าวจึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นางไรบีนากระทําความผิด พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับต่อมาวันที่ 3 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนางไรบีนาที่บ้านย่านคลองตันเหนือ ชั้นสอบสวนพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบเพิ่มเติมว่า ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ ร่วมกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ปลอม และใช้เอกสารปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 264 268 3 และ 41 พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 3 4 5 7 และ 12 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2534 มาตรา 3 ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาพนักงานสอบสวนยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา ขอฝากขังระหว่างการสอบสวนเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 4-15 ธ.ค. พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากมูลค่าความเสียหายสูง และคดีอยู่ในความสนใจของประชาชน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นบุคคลมีชื่อเสียง และมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์เพิ่มเติม ประกอบกับมีผู้เสียหายมายื่นขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราวเพราะเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขัง ทนายความไรบีนายื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวชั้นฝากขัง วางเงินประกัน 1 ล้านบาท ศาลอาญาพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า เมื่อพิจารณาประกอบรายงานประเมินความเสี่ยงแล้วเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไม่หลบหนี หรือไปก่อเหตุอันตรายอื่น อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน มีประกันในวงเงิน 1 ล้านบาท และมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล โดยให้แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และให้แต่งตั้งผู้ให้คำปรึกษาในคลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมของศาลอาญา เป็นผู้กำกับดูแลทำหน้าที่ให้คำปรึกษาตามจำนวนครั้งที่ผู้ให้คำปรึกษาเห็นสมควรด้านนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำสั่งศาลอาญาให้แต่งตั้งผู้ให้คำปรึกษา ในคลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมของศาลอาญา เป็นผู้กำกับดูแลทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้ต้องหาระหว่างอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวว่า คำสั่งดังกล่าวสืบเนื่องจากศาลอาญาพิจารณาแล้วเห็นว่า ระหว่างอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว หากผู้ต้องหาได้รับคำปรึกษาจากผู้ให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมที่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่สำนักงานศาลยุติธรรมรับรองแล้ว น่าจะเกิดประโยชน์ต่อการเฝ้าระวังการกระทำความผิดซ้ำแก่สังคม ขณะเดียวกันจะช่วยดูแลสภาพจิตใจให้แก่ผู้ต้องหาด้วย กล่าวคือผู้ให้คำปรึกษาจะเข้าไปช่วยเหลือดูแลผู้ต้องหา ซึ่งถือว่ากำลังประสบวิกฤติในชีวิต อยู่ในสถานการณ์กดดัน สร้างแรงจูงใจให้ผู้ต้องหารู้สึกว่าตนเองไม่โดดเดี่ยว รู้สึกผ่อนคลาย สามารถกลับคืนสู่สภาวะสมดุลทางจิตใจในระยะเวลาอันสั้น อาจสำนึกในสิ่งที่ทำลงไป หาทางแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมมีรายงานด้วยว่า ส่วนกระแสข่าวลือเรื่องการหย่าร้างระหว่างนานา-ไรบีนา และเวย์ ไทยเทเนี่ยม หลังประชาชนติดตามข่าวตั้งข้อสังเกตว่า ไม่เห็นฝ่ายชายเดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจภรรยา รวมทั้งดีเจดาด้า-วรินดา เพื่อนสนิทของนานา พูดในรายการข่าวแหกโค้ง ระบุว่าเมื่อ 1 ปีก่อน นานาเคยบอกว่าหย่ากับเวย์แล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. พิธีกรชื่อดัง หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย กล่าวในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ว่า ตนต่อสายสอบถามกับเวย์ ไทยเทเนี่ยม โดยตรง เวย์ยืนยันว่ายังไม่ได้หย่า ส่วนประเด็นที่ว่าทำไมเวย์ถึงไม่เดินทางไปเยี่ยมหรือปรากฏตัวให้เห็นนั้น เวย์ เผยว่า เป็นความ ต้องการของนานาเอง โดยฝากข้อความผ่านทนายความมาบอกว่า ไม่ต้องมา และกำชับให้เวย์ทำหน้าที่ดูแลลูกทั้ง 2 คนเป็นหลัก ซึ่งเวย์ก็ปฏิบัติตามความต้องการของภรรยาที่อยากให้ความสำคัญกับลูกมากที่สุดนอกจากนี้ ในรายการโหนกระแสดำเนินรายการโดยหนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย หยิบยกกรณีนานา-ไรบีนา มาเป็นประเด็น ในรายการ ทนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความฝั่งผู้เสียหาย เปิดเผยพฤติการณ์สำคัญที่ส่อเจตนาไม่สุจริตหลายประเด็น ทนายสวัสดิ์เผยว่า นอกจากผู้เสียหายจะถูกชักชวนให้ลงทุนปล่อยกู้แล้ว ยังมีกรณีของข้าวโพด เพื่อนสนิทนอกวงการของนานา และผู้เสียหายรายอื่นที่ถูกชวนให้ลงหุ้น โดยเฉพาะข้าวโพดมียอดเงินโอนออกไปลงทุนกว่า 116 ล้านบาท แม้ฝั่งผู้ต้องหาจะอ้างว่ามีการจ่ายผลตอบแทนคืนมาแล้วกว่า 71 ล้านบาท แต่ทนายมองว่าเป็นเพียงการนำเงินมาหมุนจ่ายเพื่อล่อให้เหยื่อตายใจและลงทุนเพิ่ม ส่วนเรื่องที่น่าตกใจคือ เมื่อตรวจสอบหลักฐานการโอนเงินหรือสลิปต่างๆที่ส่งให้ผู้เสียหายพบพิรุธว่ามี “เลขที่อ้างอิง” (Reference Number) เป็นเลขชุดเดียวกันทั้งหมด เพียงแค่เปลี่ยนเวลาและยอดเงิน ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นการปลอมแปลงเอกสารนอกจากเรื่องสลิปโอนเงินแล้วยังมีประเด็นใหญ่ในช่วงเริ่มมีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินคืน นานาเรียกผู้เสียหายรวมถึงข้าวโพดไปพบที่บ้านพักย่านเอกมัย อ้างสาเหตุที่เงินสะดุดว่าเป็นเพราะถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สั่งอายัดบัญชี หรือ “ฟรีซบัญชี” โดยนำหลักฐานในโทรศัพท์มือถือมาเปิดให้ดู อ้างว่าเป็นเอกสารคำสั่งจาก ปปง.เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าตนก็โดนตรวจสอบ แต่กลุ่มผู้เสียหายเกิดความสงสัย จึงนำเรื่องนี้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทาง ปปง.โดยตรง ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ ปปง.ยืนยันว่าไม่มีการอายัดบัญชีของนานาหรือบุคคลใกล้ชิด และหน่วยงานไม่ได้รับรู้เรื่องราวดังกล่าว ทำให้ความจริงถูกเปิดเผยว่า เรื่องการถูกอายัดบัญชีเป็นเพียงข้ออ้างที่สร้างขึ้นเพื่อบ่ายเบี่ยงการชำระหนี้เท่านั้นอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่