สถานการณ์มหาอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ ภาคใต้ 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสงขลา ตรัง สตูล พัทลุง สุราษฎร์ธานี นครศรี ธรรมราช ยะลา ปัตตานี นราธิวาส โดยเฉพาะ ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา บ้านเรือน โรง พยาบาล โรงเรียน สถานประกอบการ ระบบสาธารณูปโภค ราพณาสูร วิกฤติสุดถึงขั้นวิปโยค สังคมทรุด เศรษฐกิจเดี้ยงมูลค่าความเสียหายรวมแล้วมากถึง 1.4 แสนล้านบาท เฉพาะที่จังหวัดสงขลา ได้รับผลกระทบหนักสุด 7.5 หมื่นล้านบาท อ.หาดใหญ่ เสียหายยับเยิน 1.2 หมื่นล้านบาท ที่เป็นผลจากการประเมิน รวม 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 19—27 พฤศจิกายน ของนายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและเศรษฐกิจอาเซียนในขณะที่รัฐบาลก็พยายามกู้ภาพลักษณ์กลับคืนมา โดยเริ่มมีการสั่งบูรณาการช่วยเหลือเยียวยา และฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย ไล่ตั้งแต่ประชาชน แรงงาน และผู้ประกอบการ รวมถึงสาธารณูปโภคต่างๆ โดยเน้นการออกมาตรการช่วยเหลือ ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยหวังให้ทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยสู่สภาวะปกติบนเสียงเตือนเสี่ยงเป็นวิกฤติเศรษฐกิจระดับภูมิภาค โดยทางสำนักงาน ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เสนอให้มีมาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูเอ็สเอ็มอี ประมาณ 2 แสนราย ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจประเภทตึกแถว ร้านค้าเทรดเดอร์ กิจการที่มีสต๊อกจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ต่างได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ไปเต็มๆสำหรับแผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภาคใต้ ทางด้านสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ได้ขอให้รัฐบาลวางเป้าหมายให้พื้นที่ท่องเที่ยวกลับมาเปิดบริการเต็มรูปแบบภายใน 60 วัน ขีดเส้นให้ทันช่วงเทศกาลตรุษจีน เพื่อรักษาภาพลักษณ์อุตสาหกรรมท่องเที่ยว สร้างรายได้พยุงเศรษฐกิจของประเทศวันนี้ทุกภาคส่วนรวมถึงประชาชน อยากเห็นรัฐบาลกางพิมพ์เขียวแผนยุทธ ศาสตร์ฟื้นฟูสังคมและเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรม หลังจากที่ได้มีการทยอยประกาศออกมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะสิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนหลังน้ำลด คือ มาตรการในการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภค ตรวจสอบระบบไฟทุกหลังคาเรือนรวมถึงมาตรการในการเร่งฟื้นฟู จิตใจชาวบ้าน โดยจัดทีมด้านจิตเวชลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมตามศูนย์พักพิงชั่วคราว ชุมชน บ้านเรือน เพื่อประเมินสภาวะความเครียด ซึมเศร้า ที่เป็นความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะสมาชิกในครอบครัวของผู้สูญเสีย ที่ยังอยู่ในภาวะช็อก รวมไปถึงกลุ่มเปราะบาง ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม