สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงวิ่งฝ่าลมหนาวร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลก “อะเมซิ่งไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก” ครั้งที่ 8 ระยะฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร ร่วมกับ “เอเลียด คิปโชเก” ตำนานนักวิ่งชาวเคนยา จากโรงแรมปทุมวันฯ ถึงท้องสนามหลวง ทรงเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 2.13 ชม.พร้อมพระราชทานถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศการแข่งขันเมื่อวันที่ 30 พ.ย. เวลา 02.10 น. สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงร่วมวิ่งในการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลกรายการวิ่งผ่าเมือง ซีซัน 8 “อะเมซิ่งไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก” ครั้งที่ 8 ประจำปี 2568 Amazing Thailand Marathon Bangkok 2025 จัดโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย และไทยแลนด์ไตรลีก ณ โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส เขตปทุมวัน และท้องสนามหลวง เขตพระนคร ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็น อุณหภูมิอยู่ที่ 15-16 องศาเซลเซียสการนี้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในฉลองพระองค์ชุดแขนสั้นแบบนักวิ่งฮาล์ฟมาราธอน ทรงพระดำเนินไปยังจุดปล่อยตัว ทรงกดแตรลมปล่อยตัวนักวิ่ง ระยะฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กม. และทรงวิ่งประเภทระยะฮาล์ฟมาราธอนร่วมกับ นายเอเลียด คิปโชเก ตำนานนักวิ่งมาราธอนหนึ่งเดียวของโลก มีนักวิ่งจากทั่วโลกสมัครเข้าร่วมวิ่งอีก จำนวน 20,000 คนสำหรับเส้นทางวิ่ง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงใช้เส้นทางวิ่งจากถนนพญาไท ฝั่งตะวันตก ด้านหน้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ถึงแยกสามย่าน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระรามที่ 4 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนอังรีดูนังต์ ถึงแยกเฉลิมเผ่า เลี้ยวขวาเข้าถนนพระรามที่ 1 ทรงวิ่งฝั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงแยกราชประสงค์ เลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำริ ฝั่งราชกรีฑาสโมสร ถึงสามแยกราชดำริ ตัดถนนสารสิน ตัดซ้ายวิ่งเลียบสวนลุมพินี เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระรามที่ 4 ทรงวิ่งตรงเลียบฝั่งสวนลุมพินี เลี้ยวซ้ายที่แยกวิทยุ (สะพานไทย-เบลเยียม) ทรงวิ่งตรงเลี้ยวซ้ายที่แยกสารสิน วิ่งเลียบฝั่งสวนลุมพินี ถึงสามแยกราชดำริ เลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำริ (ฝั่งโรงแรมเอราวัณ) ถึงแยกราชประสงค์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระรามที่ 1 วิ่งเลียบฝั่งเซ็นทรัลเวิลด์ ถึงแยกปทุมวันจากนั้นทรงเลี้ยวขวาเข้าถนนพญาไท ทรงวิ่งเลียบฝั่งโรงแรมเอเชีย ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชวิถี ขึ้นสะพานต่างระดับ ข้ามแยกตึกชัย ลงสะพานถึงแยกอุภัยเจษฎทิศ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสวรรคโลก ถึงแยกยมราชเลี้ยวขวาเข้าถนนพิษณุโลก วิ่งผ่านแยกสะพานชมัยมรุเชฐ ถึงแยกสวนมิสกวัน เลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำเนินนอก ทรงกลับตัวหน้ากองทัพภาคที่ 1 ทรงวิ่งย้อนกลับบนถนนราชดำเนินนอก วิ่งผ่านสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เลี้ยวซ้ายเข้าถนนดินสอ ผ่านลานคนเมือง เสาชิงช้า เลี้ยวขวา ถนนบำรุงเมือง เข้าถนนกัลยาณไมตรี เลี้ยวขวาเข้าถนนสนามไชย ถึงป้อมเผด็จดัสกร แล้วทรงเลี้ยวซ้ายเข้าถนนหน้าพระลาน กลับตัวหน้าป้อมขันธ์ ฝั่งสนามหลวง เข้าถนนราชดำเนินใน ก่อนทรงเลี้ยวซ้ายเข้าเส้นชัย ณ บริเวณท้องสนามหลวงเวลา 04.29 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินี ทรงวิ่งถึงเส้นชัยบริเวณท้องสนามหลวง รวมระยะทาง 21.1 กิโลเมตร ทรงใช้เวลารวม 2 ชั่วโมง 13 นาที 40 วินาที และพระราชทานพระราชวโรกาสให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าฯ ทูลกล้าฯถวายเหรียญรางวัลที่ระลึก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯถวาย เสื้อสามารถที่ระลึก แล้วทรงพระดำเนินไปยังจุดปล่อยตัวการแข่งขันวิ่ง ระยะทาง 10 กิโลเมตร บริเวณด้านหน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผม ทรงกดแตรลมปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอน ระยะทาง 10 กิโลเมตร และทอดพระเนตรนักวิ่งมาราธอน ระยะทาง 10 กิโลเมตร วิ่งเข้าเส้นชัยต่อมาทรงพระดำเนินไปยังพลับพลาพิธีท้องสนามหลวง พระราชทานถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศการแข่งขันระยะฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร จำนวน 4 ราย ประกอบด้วยประเภทมืออาชีพ (อีลิทชาย) 1 รางวัล ประเภทมืออาชีพ (อีลิทหญิง) 1 รางวัล ประเภทบุคคลทั่วไป (ชายไทย) 1 รางวัล ประเภทบุคคลทั่วไป (หญิงไทย) 1 รางวัล และทรงฉายพระ ฉายาลักษณ์ร่วมกับนักวิ่งที่ชนะเลิศ คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ และผู้ให้การสนับสนุน ตามลำดับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเป็นต้นแบบของคนรุ่นใหม่ให้หันมาใส่ใจสุขภาพ ด้วยความสนพระ ทัยในกีฬาหลากหลาย ทั้งทรงเป็นนักกีฬาเรือใบ ทรงวิ่ง และยังสนพระทัยในกีฬาไอซ์ฮอกกี้ หรือฮอกกี้น้ำแข็ง และทรงฝึกฝนพระองค์อย่างสม่ำเสมอด้วยความวิริยะอุตสาหะ อีกทั้งยังทรงเป็นผู้นำที่ดีในการแข่งขันและทรงเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่