เพจกองทัพบกทันกระแสเปิดเผยแผนการชั่วชาติของทหารกัมพูชาที่เปลี่ยนยุทธ วิธีการวางทุ่นระเบิดเพื่อลอบสังหารทหารไทยที่เดินลาดตระเวนรักษาอธิปไตย ตามแนวพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จากวางแบบเดี่ยวเป็นวางแบบกลุ่ม แล้วสร้างสถานการณ์ทำเป็นทะเลาะกัน ล่อให้ทหารไทยหลงกลเพื่อให้เดินไปเหยียบระเบิดที่วางไว้ ขณะที่การสำรวจพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว เพื่อปักหมุดทำเขตแดนชั่วคราว เจ้าหน้าที่ไทยและกัมพูชาดำเนินการต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 กระทรวงสาธารณสุขบรรจุภรรยา “พันตรีจิรายุ สิงห์อ้น” วีรบุรุษผู้กล้าที่พลีชีพพิทักษ์ “ปราสาทตาควาย” เป็นข้าราชการประจำ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคงต่อไป ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 21 พ.ย. เจ้าหน้าที่ชุดสำรวจปักหมุดชั่วคราวร่วมไทย—กัมพูชา ยังเดินหน้าทำงานในการสำรวจพื้นที่เพื่อเตรียมการปักหมุดเขตแดนชั่วคราวต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวันที่ 20 พ.ย.ได้เร่งปฏิบัติการการสำรวจฯดังกล่าวในช่วงที่ 1 ระหว่างหลักเขตที่ 42—43 ที่เป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายอ้างสิทธิร่วมกัน การทำงานเน้นการสำรวจด้วยเทคนิคสมัยใหม่ ทั้งการรังวัด GPS เพื่อกำหนดหมุดควบคุมภาพถ่ายทางอากาศ (GCP) และการบินโดรนเก็บภาพความละเอียดสูงร่วมกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศล่าสุด ที่จะใช้ประกอบการพิจารณาแนวเขตแดนที่ชัดเจนและตรงตามข้อมูลภาคสนามที่สุด โดยในวันที่ 21 พ.ย. รังวัด GPS แล้ว 24 จุดบินโดรน ถ่ายภาพทางอากาศ สำรวจได้ระยะทาง 2,400 เมตร (ถึงเวลา 14.30 น.) ปฏิบัติการดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยของกองกำลังบูรพา ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา เพื่อผลักดันการแก้ไขปัญหาแนวเขตแดนให้คืบหน้าตามกรอบข้อตกลงร่วมกันสำหรับบรรยากาศโดยรวมของบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ทหารที่ดูแลพื้นที่ยังไม่พบการรวมตัวหรือความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนฝั่งกัมพูชา แต่เจ้าหน้าที่ประเมินว่าฝ่ายกัมพูชายังคงตรึงกำลังทหารอยู่ในพื้นที่แนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณที่ชาวบ้านเรียกว่า “เพิงพักสีฟ้า” เป็นจุดที่ทหารฝ่ายกัมพูชามักจะคอยสังเกตการณ์และเฝ้าติดตามกิจกรรมข้ามพรมแดนมายังฝั่งไทยเป็นประจำ ซึ่งการใช้โดรนของกองกำลังบูรพาช่วงเช้าวันที่ 21 พ.ย. มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมการลาดตระเวนภาคพื้น เก็บภาพเพื่อเป็นข้อมูลการข่าวเชิงพื้นที่ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้จากระยะไกลโดยไม่ต้องเข้าพื้นที่เสี่ยงโดยตรง เจ้าหน้าที่ระบุว่าการปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปเพื่อความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ด้านความมั่นคงในพื้นที่ กองกำลังได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังทั้งในแนวชายแดนและพื้นที่ชุมชนใกล้เคียง ป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามและยืนยันความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยยังคงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายปกครองและฝ่ายทหารเพื่อเตรียมพร้อมหากมีความเปลี่ยนแปลงทันที ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ระบุว่า บรรยากาศในชุมชนยังคงเงียบสงบ ไม่มีการอพยพหรือการซื้อของกักตุน แต่มีความระมัดระวังมากขึ้น โดยบางส่วน ลดการสัญจรเข้าใกล้แนวชายแดนชั่วคราวขณะที่เพจกองทัพบกทันกระแสเปิดเผยภาพการวางทุ่นระเบิดและแผนการสุดเหี้ยมของทหารกัมพูชา ที่มุ่งหมายเอาชีวิตทหารไทยด้วยการลอบวางทุ่นระเบิดเพื่อสังหารว่า จะมีการวางทุ่นระเบิดเป็นกลุ่มแบบวางดักซ้ายขวาหน้าหลัง แล้วสร้างสถานการณ์ทะเลาะกัน ยุยงให้ทหารไทยเดินเข้าไปในเขตที่มีการลอบวางระเบิดไว้ และยังลอบตัดลวดหนาม เพื่อให้ทหารไทยเข้าไปซ่อมแซมแต่ลอบวางระเบิดไว้ ทั้งยังลอบวางระเบิดในพื้นที่ทหารไทยใช้ลาดตระเวนพร้อมติดแฮชแท็กว่า #กัมพูชาลวงโลก #สันติภาพไม่มีอยู่จริงวันเดียวกัน นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว. สาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการช่วยเหลือญาติของทหารผู้เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณพื้นที่พิพาทชายแดนไทย—กัมพูชา เข้ารับราชการ เป็นกรณีพิเศษ โดยคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนกระทรวงสาธารณสุข มีมติเห็นชอบอนุมัติให้ น.ส.ปาริชาติ สิงห์อ้น หรือจุ๋ม ภรรยาพันตรีจิรายุ สิงห์อ้น นายทหารที่เสียชีวิตจากการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ซึ่งทำงานที่ รพ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ ประจำ เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติทหารกล้า เป็นขวัญกำลังใจให้กับคู่สมรสของทหารผู้เสียสละชีวิตในการปกป้องอธิปไตยและเพื่อให้เกิดความมั่นคงในชีวิตของคู่สมรสที่ต้องดำเนินชีวิตต่อไปโดยลำพัง เนื่องจากขาดเสาหลักของครอบครัวที่เป็นการสูญเสียอย่างฉับพลัน ทั้งเพื่อสานต่อคุณค่าของความกล้าหาญ ช่วยให้คู่สมรสดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคงต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่