ชุดสืบสวนภาค 7 ตามลากคอเซียนพระอำมหิตฆ่ารัดคอสาวนักธุรกิจก่อสร้างร้านกาแฟนำศพถ่วงน้ำอำพราง อ้างแอบคบหากัน ตอนหลังเมียจับได้ โทร.หาผู้ตายมาเคลียร์ปัญหาที่บ้าน กลัวมีเรื่องทะเลาะกัน ออกอุบายพาไปเจรจากันในปั๊มน้ำมัน ก่อนหลอกเข้าป่าอ้อย ใช้สายไฟรัดคอ ลากศพไปทิ้งแล้วย้อนไปเอาอุปกรณ์ถ่วงน้ำในคลอง นำทองผู้ตายไปขายดาวน์รถใหม่ ขับหนีไปหาเพื่อน ตำรวจตามไล่ล่า ดวงซวยรถพลิกคว่ำตะครุบตัวไว้ได้จากเหตุฆาตกรรมโหด น.ส.สกุลรัตน์ หรือจัน คำวิลาศ อายุ 48 ปี ชาว จ.สมุทรสาคร เจ้าของร้านกาแฟ ถูกคนร้ายฆ่าถ่วงน้ำในคลองส่งน้ำการประปานครหลวง หมู่ 6 ต.บางเลน อ.บางเลน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา สภาพสายไฟรัดคอและลวดผูกติดแท่งคอนกรีต กระทั่งศพลอยโผล่ร้องหาความเป็นธรรม หลังเกิดเหตุชุดสืบสวนภาค 7 ร่วมกับท้องที่รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับนายศุภโชค ศรีนคร อายุ 48 ปี ชาว ต. กระตีบ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม อาชีพเป็นเซียนพระ อยู่ระหว่างไล่ล่าอย่างกระชั้นชิดล่าสุดตำรวจตามลากคอฆาตกรทมิฬฆ่าสาวถ่วงน้ำได้แล้ว เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 7 พ.ย. ที่หน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 7 จ.นครปฐม พล.ต.ท.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.กานต์ ธรรมเกษม ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จ.นครปฐม และ พ.ต.อ.อภิศักดิ์ กำเนิด ผกก.สภ.บางเลน ร่วมกันแถลงจับกุมนายศุภโชค ศรีนคร อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาฆ่า น.ส.สกุลรัตน์ หรือจัน คำวิลาศ พร้อมของกลางรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีเทา ทะเบียน กต 8105 อุทัยธานี รถยนต์นิสสัน จู๊คสีแดง ทะเบียน 3 กถ 5161 กรุงเทพมหานคร ของผู้ตาย แท่งปูนที่ใช้ลวดผูกติดกับลำตัวผู้ตายก่อนนำไปถ่วงทิ้งน้ำ คีมตัดลวด 1 อัน พระเครื่อง 1 องค์และแหวนทองในรถของผู้ตายพล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จ.นครปฐม เปิดเผยว่า ตำรวจสืบสวนติดตามนายศุภโชคได้ในช่วงสายที่ผ่านมาขณะหลบหนีอยู่ในไร่อ้อยในพื้นที่หมู่ 9 ต.หนองโสน อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพถึงสาเหตุฆาตกรรมว่าเกิดจากเรื่องชู้สาว อ้างว่าผู้ตายมีพฤติกรรมตีตัวออกห่าง ประกอบกับภรรยาจับได้ว่ามีความสัมพันธ์กัน ตามคำให้การของผู้ต้องหาอ้างว่าผู้ตายทำธุรกิจเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างร้านกาแฟ รู้จักสนิทสนมเป็นเพื่อนกับภรรยามาก่อน เนื่องจากเมียเป็นคนหาคนงานไปทำ ต่อมาภรรยาเริ่มจับพิรุธเรื่องทั้งคู่แอบมีความสัมพันธ์กัน ทำให้มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันตลอดผบก.ภ.จ.นครปฐม กล่าวว่า กระทั่งวันที่ 2 พ.ย.ภรรยาผู้ต้องหาโทรศัพท์นัดผู้ตายให้มาเจรจาปัญหาดังกล่าว ผู้ตายขับรถยนต์นิสสัน จู๊ค มาที่บ้าน แต่นายศุภโชคกลัวว่าจะเกิดเรื่องทะเลาะกัน กลัวว่าแม่ยายจะไม่พอใจ ตัดสินใจหลอกชวนผู้ตายขึ้นรถอ้างว่าไปคุยกันที่ปั๊มน้ำมันตามลำพัง แต่แทนที่ผู้ต้องหาจะขับรถไปปั๊มน้ำมัน กลับพาเข้าไปในป่าอ้อย ห่างจากบ้านประมาณ 1 กม. และบอกให้ผู้ตายลงมาจากรถ แต่ น.ส.สกุลรัตน์ไม่ยอมลง ผู้ต้องหาเปิดประตูหลังแล้วใช้สายไฟยาว 1 เมตรที่นำใส่กระเป๋ามาด้วยรัดคอผู้ตายเสียชีวิต แล้วปลดทรัพย์สิน มีเลสข้อมือหนัก 3 บาท และสร้อยคอทองคำหนักอีก 2 บาท นำศพลงจากรถทิ้งไว้กลางไร่อ้อยพล.ต.ต.พิทักษ์กล่าวอีกว่า หลังขับรถกลับบ้าน ตกดึกผู้ต้องหานอนไม่หลับ กลัวชาวบ้านจะไปพบศพ ก่อนนำแท่งปูนหลักกิโลที่ชำรุดอยู่หน้าบ้านและซื้อคีมกับลวดในร้านสะดวกซื้อ ย้อนกลับไปมัดศพนำไปถ่วงน้ำในคลองส่งน้ำประปา วันรุ่งขึ้นนำรถผู้ตายไปจำนำกับเพื่อน อ้างว่าฝากจำนำไว้ก่อน เพราะกลัวเมียจับได้ว่ายังคบกับผู้ตาย ก่อนนำเงินไปดาวน์รถเก๋งฮอนด้าขับไป จ.นครสวรรค์ นำทองของผู้ตายไปขายในห้างเซ็นทรัลนครสวรรค์ ได้เงินมา 3 แสนบาท กระทั่งมีข่าวชาวบ้านพบศพลอยอืดอยู่ในคลอง ตัดสินใจหนีไปหาเพื่อนที่ จ.อุทัยธานี ระหว่างมาถึง อ.เลาขวัญ ชุดสืบสวนภาค 7 ติดตามไปพบ ผู้ต้องหาพยายามขับหนี รถเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ถูกรวบตัวไว้ได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลว่ามีใครเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นภรรยาและบุคคลให้ที่พักพิง หากมีส่วนรู้เห็นหรือสนับสนุน ต้องถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่