“เกาะกูด” ได้ชื่อว่าเป็นขุมทรัพย์ ประวัติศาสตร์ทะเลอ่าวไทย...ตอกย้ำ “เกาะกูด” คือของไทย “SEE TRUE” ไทยรัฐทีวี ย้อนรอยประวัติศาสตร์“เกาะกูด” ขุมทรัพย์ด้านพลังงานแห่งท้องทะเลเปิดภารกิจกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ปกป้องอธิปไตยน่านน้ำไทยขับรถสำรวจรอบเกาะกูดไปตามถนน ที่สายข่าวได้ให้เบาะแสกับเรา เมื่อมั่นใจว่าเจอเป้าหมาย เราเลี้ยวรถเข้าซอยแห่งนี้ ภาพที่ปรากฏคือถนนทางลูกรัง ทีมงาน SEE TRUE ตัดสินใจลงจากรถภาพที่ปรากฏ เราพบซากบ้านเรือนที่ถูกทำเพิงพักราว 10 หลัง กระจายเต็มพื้นที่ ส่วนใหญ่หลังคาทำด้วยสังกะสี ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านถูกทิ้งเป็นขยะ ราวกับเพิ่งถูกกวาดล้าง โดยจุดนี้เราได้รับข้อมูลว่า “มีครอบครัวชาวกัมพูชามาปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่หลายครัวเรือน”จากการตรวจสอบของฝ่ายปกครอง ยืนยันชาวกัมพูชาที่สร้างเพิงพักเป็นแรงงานถูกกฎหมาย แต่สร้างที่พักอาศัยชั่วคราวโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 เจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการทางกฎหมายแล้วโดยแรงงานเหล่านี้ทำงานอยู่ในเกาะกูดในภาคการท่องเที่ยว เพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย จึงไปเช่าที่ดิน เพื่อปลูกบ้าน เพราะสามารถลดค่าใช้จ่ายรายปีได้ ซึ่งคนในพื้นที่ยืนยันกับเราว่า นี่ไม่ใช่การบุกรุก หรือตั้งถิ่นฐานถาวร แต่เป็นการมาสร้างที่พักชั่วคราวซึ่งชาวบ้านในเกาะกูดหลายคนก็เข้าใจชาวกัมพูชาเหล่านี้ ย้อนรอยประวัติศาสตร์ หลังจากที่ “เกาะกง” หรือ “จังหวัดประจันตคีรีเขตร” ตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส และกลายเป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชา ชาวไทยจำนวนมากต้องการหลีกเลี่ยงการปกครองของฝรั่งเศส ได้อพยพเข้ามายังเกาะกูดและจันทบุรีนี่จึงเป็นเหตุผล ที่ทำให้ชาวกัมพูชาบางส่วนเข้ามาเป็นแรงงานอยู่ที่เกาะกูด “เกาะกูด” มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ท่ามกลางข้อถกเถียงเรื่อง MOU44 ไม่ได้สร้างความกังวลให้กับคนที่นี่ เพราะทุกตารางนิ้วบนเกาะกูด ทุกคนยืนยัน “เกาะกูด” คือ “ผืนแผ่นดินไทย”หนังสือสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ร.ศ.125 ยืนยันสิทธิของสยามเหนือ “เกาะกูด” พร้อมเมืองด่านซ้าย เมืองตราด และเกาะทั้งหลายภายใต้แหลมสิงห์ลงมาจนเกาะกูด นั่นหมายความว่า เกาะกูดและเกาะใกล้เคียงที่อยู่ใต้แหลมสิงห์เป็นของสยาม “เกาะกูด” ยังปรากฏชื่อในเอกสารประวัติศาสตร์ครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 1 และพระมหากษัตริย์ก็เคยเสด็จมาบนเกาะแห่งนี้ เช่น พ.ศ.2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จประพาสมาที่น้ำตกคลองเจ้าบนเกาะกูด พระองค์ได้จารึกพระปรมาภิไธยไว้ที่หินใหญ่ใกล้กับน้ำตกกลายเป็น...สัญลักษณ์และจุดเด่นของน้ำตกแห่งนี้ถึงปัจจุบันสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการรักษาน่านน้ำไทย คือ “การรักษาอธิปไตย” เพื่อดูแลประชาชนในประเทศ ต้นปีที่ผ่านมาเกิดเหตุเรือประมงเวียดนามพุ่งชนเรือหลวงเทพา ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทำการจับกุมเรือประมงรุกล้ำน่านน้ำ และเข้ามาทำประมงผิดกฎหมายในไทยเพื่อลงพื้นที่สำรวจ SEE TRUE ลงเรือ ต.265 ติดตามภารกิจลาดตระเวนทางน้ำ ร่วมกับกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดเราสลับมาขึ้นเรือหลวงเทพา ลาดตระเวนรอบน่านน้ำอ่าวไทยใน จ.ตราด เรือหลวงเทพาวิ่งไปได้ระยะหนึ่ง ทันทีที่เจอเรือประมงต้องสงสัยลำหนึ่ง ทหารเรือส่งสัญญาณให้ไต๋เรือจอดเรือเพื่อขอตรวจสอบการตรวจสอบมีการตรวจค้นเรือประมง พร้อมกับตรวจสอบทุกคนที่อยู่บนเรือ และตรวจเอกสารของแรงงานบนเรือผลการตรวจสอบพบว่า เรือประมงลำนี้เป็นเรือประมงถูกกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงทำการปล่อยตัว นี่คือภาพสะท้อนการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ที่อาจเป็นผลพวงจากการรุกล้ำน่านน้ำไทยกล่าวโดยสรุป ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งการลักลอบข้ามแดน รุกล้ำอธิปไตย ลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมาย คงไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งแต่...ทุกภาคส่วนต้องบูรณาการตัดวงจร ขจัดปัญหาไปพร้อมกัน เพื่อไม่ให้ใครมารุกล้ำอธิปไตยของไทยได้เพียงตารางนิ้วเดียว และนี่คือคำตอบทั้งหมดของภารกิจ SEE TRUE ให้คุณเห็นความจริง กลางผืนทะเลสีครามทางทิศตะวันออกของประเทศ... “เกาะกูด” ไม่ได้เป็นเพียงสวรรค์ของนักท่องเที่ยว หากแต่เป็น “ขุมทรัพย์ทางประวัติศาสตร์” ที่จารึกเรื่องราวความเป็นมาของชาติไทยไว้เนิ่นนานและในห้วงเวลาที่กระแสข่าวเรื่องการรุกล้ำน่านน้ำเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง ทีมข่าว SEE TRUE ไทยรัฐทีวี จึงลงพื้นที่เปิดภารกิจพิสูจน์ความจริงถึงชายแดนตะวันออกสุดของแผ่นดินแห่งนี้...ตอกย้ำ “เกาะกูด จังหวัดตราด” สะท้อนความจริงอธิปไตยไทย...ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนเดียวปัญหาชายแดน “ไทย—กัมพูชา” ทั้งการลักลอบข้ามแดน การรุกล้ำน่านน้ำ หรือการขนสิ่งผิดกฎหมาย...ไม่ใช่เพียงภารกิจของกองทัพหรือฝ่ายปกครอง หากแต่เป็น “ภารกิจร่วมของทุกภาคส่วน” ที่ต้องบูรณาการเพื่อปกป้องอธิปไตยไทยอย่างแท้จริงเพราะทุกตารางนิ้วของผืนแผ่นดินไทย...ไม่มีพื้นที่ใดให้ใครมารุกล้ำได้.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม