“อนุทิน” ยันรัฐบาลไม่ได้อยู่นิ่งเฉยในการปราบแก๊งสแกมเมอร์กัมพูชา ชงเข้า ครม.เป็นวาระแห่งชาติ ยืนยันสัญญาณต่างๆที่ส่งไปฝั่งโน้นในทางตรงปิดหมดแล้ว และยังไม่ตั้งคณะอนุกรรมการเพิ่มให้ ตร.-ยธ-ปปง.-ดีอี-มท.เป็นหน่วยงานหลักในการจัดการ พร้อมยืนยันให้ไปตรวจสอบชื่อนักการเมือง-จ่อถอนสัญชาติคนที่โยงแก๊งสแกมเมอร์ ส่วนการประชุม JBC ยังเดินหน้าต่อรัฐบาลไทยยังคงเดินหน้าการปราบแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา โดยเมื่อวันที่ 20 ต.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ครั้งที่ 1/2569 ณ ห้องประชุม กอ.รมน.โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย ผบ.เหล่าทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงว่า ที่ประชุมร่วมวันนี้ เพราะปัญหาสแกมเมอร์ถือเป็นวาระระดับชาติ ที่จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 21 ต.ค. เพื่อให้ทุกหน่วยงานบูรณาการความร่วมมือกัน ในการแก้ปัญหานี้โดยทุกหน่วยงานก็ทำงานกันอย่าง เต็มที่ มีบันทึกการจับกุม ยึดทรัพย์ ยึดเงิน แต่ไม่ค่อยได้ประชาสัมพันธ์กันนายอนุทินกล่าวถึงมาตรการแก้ปัญหาสแกมเมอร์ อีกว่า เลขาฯ กสทช.ยืนยันว่าสัญญาณต่างๆที่ส่งไป ฝั่งโน้น ในทางตรงปิดหมดแล้ว ส่วนเขาจะไปอ้อม หรือไปเอาสัญญาณโรมมิ่งที่ไหนมาใช้ ตรงนี้เป็นอีก ประเด็นหนึ่งที่เราต้องขอความร่วมมือกับประเทศต้นทางในกรณีนี้ คงต้องแจ้งทางกัมพูชา เพราะถือเป็น 1 ในเงื่อนไขในการพูดเรื่องสันติภาพว่าเขาต้องดำเนินการ คือการปราบปรามสแกมเมอร์อย่างเป็นรูปธรรม ส่วนการตั้งคณะทำงานเพิ่มนั้นยังไม่มี แต่เจ้าภาพหลักยังเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบ ปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอี) และกระทรวงมหาดไทย จะได้จัดตั้ง เป็นคณะอนุกรรมการ แต่ละชุดไปดำเนินการมา และนำมาผนึกกำลังกันทั้งนี้ นายอนุทินยังยืนยันถึงกรณีมีกระแสข่าว จะตั้งนายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง เป็นคณะกรรมการ ประธานเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน แกะรอยหา ความเชื่อมโยงถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มวิชาชีพ หรือเครือข่ายเงินทุนสีเทาว่ายังไม่มี ยังไม่มีชื่อใครเลย แต่จะให้อธิบดีกรมการปกครอง เป็นเลขานุการที่ประชุมชุดนี้ จะไปรวบรวมรายชื่อมา อย่างไรก็ต้อง เอามาให้ตน เพราะคณะกรรมการชุดนี้แต่งตั้งโดย นายกฯ เป็นผู้พิจารณาชื่อนายอนุทินยังกล่าวด้วยว่า เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ยืนยันว่าตอนนี้ถ้าจะต้องทำการตัด หรือปิดสัญญาณระบบการสนับสนุน พลังงานด้านใด ไม่ต้องขึ้นไปขอแล้ว มีมติครอบคลุมเอาไว้แล้ว หน่วยงานเจ้าสังกัดสามารถดำเนินการหยุดการให้บริการ หรือให้การสนับสนุน หรือหยุด ซัพพลายของสิ่งที่นำไปทำให้คนทำผิดกฎหมายได้ทันที อันนี้ถือว่าเป็นยาแรง และที่ประชุมเมื่อสักครู่ได้ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปแล้วไม่ต้องรอแล้วส่วนที่มีกระแสข่าวที่มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง นายกฯกล่าวว่า ตนก็นั่งรอว่าเมื่อไหร่รายชื่อ จะมา จากต้นตอของข่าว ก็กลายเป็นการปฏิเสธ เราก็ต้องถือว่าตรงนั้นเป็นข่าวที่ไม่จริง แต่เราก็เฝ้าระวังไว้ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีข้อมูลหรือมีหลักฐาน หรือมีเส้นทางการเงิน เรามี ปปง. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้เขาคอยติดตามเรื่องนี้อยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่ดูว่าชื่ออะไรตำแหน่งอะไร ถ้าพฤติกรรมมันเข้าข่ายกับการกระทำความผิดอย่างชัดเจนและถ้ามีหลักฐานของการกระทำความผิดขึ้นมา ไม่ดูชื่อครับ ใครผิดก็ต้องดำเนินการ รวมถึงหากมีคนกระทำความผิดถือสัญชาติไทย แต่ยังถือสัญชาติอื่นอยู่ด้วย จะดำเนินการถอนสัญชาติเขา นอกจากนี้ ยังได้รับ การร้องขอจากที่ประชุมว่าขอให้เพิ่มอัยการสูงสุด อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รัฐมนตรีพาณิชย์ หรือปลัดกระทรวงนั้นๆ และอีกหลายหน่วยงาน เข้ามา ร่วมเป็นคณะกรรมการ ซึ่งตนได้ให้ทางเลขานุการในที่ประชุมดำเนินการยกร่างคำสั่งมา ตนจะได้ลงนาม แต่งตั้ง ฉะนั้นเราจะประชุมตามที่เราจำเป็นต้องประชุมนายอนุทินยังกล่าวถึงการเดินหน้าประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา (JBC) สมัยพิเศษ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-22 ต.ค. ท่ามกลางเสียงทักท้วงว่า อะไรที่ดำเนินอยู่แล้วและประเทศไทยไม่สูญเสียประโยชน์ และเป็นสิ่งที่เราจะ สามารถบรรลุสิ่งที่เป็นความต้องการของรัฐบาลไทย และของคนไทยได้ โดยยึดถือเกียรติภูมิและอธิปไตยของประเทศเป็นสาระสำคัญ ความปลอดภัยของประชาชน เราจะดำเนินการไปจนกว่าเราจะหาข้อสรุปได้วันเดียวกัน ที่สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ อธิบดีกรมการแพทย์ และคณะผู้บริหาร เข้าเยี่ยมให้กำลังใจน้องน้ำตาล อายุ 20 ปี โดนสะเก็ดระเบิดจากเหตุการณ์ทหารกัมพูชายิงกระสุน BM-21 ตกมาใส่ร้าน 7-11 ในปั๊มน้ำมันที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา นายพัฒนาให้สัมภาษณ์ภายหลังการเยี่ยมว่า ผู้บาดเจ็บตอนนี้กำลังใจดี ส่วนค่าใช้จ่ายการรักษานั้น ได้รับการดูแลเบิกจ่ายตามสิทธิ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่ม ผู้ป่วยได้รับการส่งต่อมาที่สถาบันประสาทวิทยา เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทโดยตรง จะได้รับการดูแลอย่างดีด้าน นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ อธิบดีกรมการแพทย์ ให้สัมภาษณ์ถึงอาการของผู้ป่วยว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการฟื้นตัวของสภาพร่างกาย ต้องรอดูว่าภายใน 6 เดือนนับตั้งแต่ประสบเหตุจะเป็นอย่างไรว่าร่างกายฟื้นตัวได้เพียงใด จะได้วางแนวทางการรักษาระยะยาวกันต่อขณะที่นายสุพร สิงหัษฐิต บิดาน้องน้ำตาล กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ รมว.สาธารณสุข มาเยี่ยมและทุกหน่วยงานเข้ามาให้การดูแลรักษาตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น ทั้งที่ รพ.ศรีสะเกษ รพ.รามาธิบดี และที่สถาบันประสาทวิทยา ที่สำคัญบุตรสาวตนได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และให้เจ้าหน้าที่สอบถามอาการของบุตรสาวตนจากหน่วยงานต่างๆอยู่เสมอ ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่สุดของครอบครัวของเรา ครอบครัวเราซาบซึ้งใจที่ทุกหน่วยราชการเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งผู้ว่าราชการศรีสะเกษ หน่วยทหาร กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม และอีกหลายหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือ สำหรับอาการของบุตรสาว ตอนนี้ถูกเจาะคอ พอที่จะสื่อสารด้วยการอ่านภาษาปาก และมีกำลังใจดีมาก และเชื่อว่าตัวเองจะหายดี ส่วนสถานการณ์ที่ จ.ศรีสะเกษ ทุกคนในพื้นที่รู้สึกหวาด ระแวง บางทีได้ยินเสียงยางแตกก็ตกใจกลัววิ่งหนีกัน แต่ทุกคนต้องสู้กันต่อไปส่วนที่กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อช่วงสาย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ นายพิชิต ไชยมงคลนำมวลชนกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย มายื่นหนังสือถึงนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 21-22 ต.ค.นี้ ที่จังหวัดจันทบุรี และเรียกร้องให้ยกเลิก MOU 43-44 โดยมี นายธนพ ปัญญาพัฒนากุล ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้แทน รมว.กต. รับหนังสือ มวลชนมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ รวมทั้งแกนนำหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันขึ้นไปกล่าวปราศรัยบนรถขยายเสียง ทั้งนี้ นายพิชิตแถลงว่า กลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศยกเลิก MOU 43-44 เพราะมองว่าไม่เกิดประโยชน์กับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เนื่องจากหน่วยงานราชการในประเทศถือแผนที่คนละฉบับ ประกอบกับที่ผ่านมากัมพูชามีการละเมิด MOU43-44 มาโดยตลอด ดังนั้น ไทยจึงสามารถยกเลิก MOU ฝ่ายเดียวได้ นอกจากนี้ MOU ทั้งสองฉบับไม่เคยผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ขัดต่อรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่เป็นไปตามคำแถลงนโยบายของรัฐบาลที่ประกาศว่าจะทำประชามติให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจ พร้อมย้ำให้รัฐบาลปกป้องอธิปไตยและสถานะความเป็นรัฐเอกราชของไทยอย่างเร่งด่วนต่อมาที่ทำเนียบรัฐบาล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า นายกฯ รับทราบถึงความห่วงใย และข้อกังวลของประชาชน คิดว่าการสื่อสารกับประชาชนควรไปในทิศทางเดียวกัน ยืนยันทุกการประชุมมีการวางแผนอย่างมีกลยุทธ์ นำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน สัปดาห์นี้จะมีการประชุมสำคัญก่อนประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย 2 รายการ ได้แก่ วันที่ 20-22 ต.ค. ประชุมระดับ รมว.กลาโหม ที่ประเทศมาเลเซีย วันที่ 21-23 ต.ค. ประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC ที่ จ.จันทบุรีอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่