“กรุงเทพฯ” ตั้งอยู่ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา มีระดับต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และเป็นพื้นที่รับน้ำจากแม่น้ำและคลองหลายสาย...ปัญหา “น้ำรอการระบาย” มักเกิดจากฝนตกหนักช่วงฤดูฝน การระบายน้ำช้าเพราะคลองตัน ตื้นเขิน หรือมีสิ่งกีดขวางที่สำคัญ...ระบบระบายน้ำไม่เพียงพอสำหรับปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้นทุกปี“กรุงเทพมหานคร” กับ “น้ำรอการระบาย” แก้ปัญหาได้หรือไม่? ขึ้นกับผู้บริหารอาจารย์สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อม เปิดประเด็นพร้อมบอกว่า สาเหตุที่น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ นับหนึ่งจาก...ปริมาณน้ำเหนือเกิดจากฝนที่ตกทางภาคเหนือไหลเข้ากรุงเทพฯก่อนระบายลงทะเล (น้ำเหนือ) บวกกับ...น้ำทะเลหนุนสูงทำให้น้ำบางส่วนไหลย้อนกลับเข้าท่อระบายน้ำได้และน้ำฝนระบายไม่ได้ ประกอบกับการขาดแคลนพื้นที่รับน้ำในเมือง (น้ำหนุน) ถัดมา...ฝนตกในกรุงเทพฯมีปริมาณมาก ขณะที่หลายพื้นที่ในกรุงเทพฯเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำใกล้ระดับน้ำทะเล และมีลักษณะเป็นแอ่ง น้ำฝนจึงมักถูกขังแช่อยู่บนถนนรอการระบาย (น้ำฝน)อีกสาเหตุสำคัญก็คือ...ขาดการบริหารจัดการระบายน้ำที่ดี เช่น มีขยะอุดตันอยู่ในท่อ หรือขยะลอยอยู่ในคลองระบายน้ำขาดพื้นที่แก้มลิงเพื่อรองรับน้ำ ท่อระบายน้ำมีขนาดเล็กไป (น้ำยา)กรุงเทพฯมีท่อระบายน้ำยาว 6,564 กิโลเมตร สำรวจในปี 2564 ขนาดของท่อระบายน้ำมีหลากหลายตั้งแต่ 30 เซนติเมตร ไปจนถึง 1.50 เมตรบนถนนสายหลักมีการวางท่อระบายน้ำใหม่บ้างที่กว้างถึง 1.20-1.50 เมตร แต่ยังไม่มากนัก ส่วนใหญ่ประมาณ 30-60 เซนติเมตร ขนาดใหญ่ที่สุดประมาณ 80 เซนติเมตร ประเด็นสำคัญมีว่า...ท่อเหล่านี้เดิมออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำฝนในปริมาณที่ฝนตกไม่เกิน 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น แต่ปัจจุบันฝนที่ตกลงมามีปริมาณมากกว่า 100 มิลลิเมตรต่อชั่วโมงทำให้...ไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน จึงก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังผนวกกับปัจจัยกรุงเทพฯแผ่นดินทรุดตัวลง 1-2 เซนติเมตรต่อปี ขณะที่ในปัจจุบันกรุงเทพฯสูงกว่าระดับน้ำทะเลเฉลี่ยเพียง 1.5 เมตรเท่านั้น พบว่าพื้นที่ในกรุงเทพฯมากกว่า 96% เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำเป็นแอ่งกระทะมีความเสี่ยงต่อน้ำท่วมหากระดับน้ำทะเลสูงขึ้นนับรวมไปถึง...มีการขยายตัวของเมืองและที่ดินในเขตกรุงเทพฯมากขึ้นเนื่องจากมีประชากรหนาแน่น ทำให้มีการถมที่ดินสร้างอาคารจำนวนมากในพื้นที่ทุ่งนาและพื้นที่สีเขียวที่เคยทำหน้าที่เป็นแหล่งรองรับน้ำตามธรรมชาติ เช่น มีนบุรี หนองจอก คลองสามวา ลาดกระบังรวมทั้งพื้นที่รองรับน้ำในจังหวัดใกล้เคียง เช่น สุวรรณภูมิ บางพลี บางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ทำให้พื้นที่รับน้ำในกรุงเทพตะวันออกลดลงจากเดิมประมาณ 150 ตร.กม. เหลือเพียงไม่เกิน 50 ตร.กม.อาจารย์สนธิ ย้ำว่า การบริหารจัดการน้ำของ กทม.เป็นแบบ Polder โดยต้องอาศัยการสูบน้ำออก ซึ่งประสิทธิภาพของระบบยังไม่เพียงพอต่อปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา หากลองสืบค้นข้อมูลกันดูจะพบว่า...การบริหารแบบ Polder กำหนดพื้นที่บริหารจัดการน้ำท่วมแบบปิดล้อมย่อยนี้มีข้อดีข้อเสียน่าสนใจ ข้อดีคือควบคุมน้ำท่วมได้เป็นพื้นที่เล็กๆ ทำให้สามารถควบคุมน้ำในแต่ละพื้นที่ได้โดยตรง...ลดผลกระทบจากน้ำท่วมไปยังพื้นที่อื่น เพราะพื้นที่ปิดล้อมสามารถสูบน้ำออกอย่างเป็นระบบการจัดการเฉพาะจุดมีประสิทธิภาพ ปั๊มและประตูน้ำสามารถควบคุมปริมาณน้ำได้ตามความจำเป็น...ช่วยให้ตอบสนองต่อฝนตกหนักหรือน้ำจากแม่น้ำได้ทันเวลา เหมาะกับพื้นที่ลุ่มต่ำและมีท่อระบายน้ำจำกัด...ลดความเสี่ยงน้ำไหลย้อนและน้ำท่วมขัง...ลดความเสียหายทางเศรษฐกิจ...การบำรุงรักษาง่ายขึ้นส่วนข้อเสียสำคัญคือ...ต้นทุนสูง ต้องสร้างและดูแล ประตูน้ำ ปั๊มสูบน้ำ คลองย่อย สำหรับแต่ละ Polder ระบบซับซ้อน ต้องการงบประมาณต่อเนื่อง ที่สำคัญคือ...ต้องการการบริหารจัดการอย่างเข้มงวด หากผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ประสานงานไม่ดี ระบบ Polder อาจทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพการปล่อยน้ำผิดเวลา...อาจทำให้น้ำล้นไปยังพื้นที่อื่นนอกจากนี้แล้วระบบยังต้องการข้อมูลน้ำและเทคโนโลยีต้องมีการตรวจวัดระดับน้ำแบบเรียลไทม์และระบบอัตโนมัติในการควบคุมปั๊ม...ประตูน้ำ กรณีปั๊มเสีย ระบบจะล้มเหลว...กระทบต่อพื้นที่ใกล้เคียง อาจทำให้เผชิญน้ำท่วมเพิ่ม และยังต้องคุมปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ โดยเฉพาะการทิ้งขยะและบุกรุกคลอง สำนักงานระบายน้ำ กทม.ได้เปิดเผย 14 ถนนที่มักเจอน้ำท่วมซ้ำซาก ได้แก่ ถนนแจ้งวัฒนะ ช่วงจากคลองประปาถึงคลองเปรมประชากร, ถนนรัชดาภิเษก บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ, ถนนพหลโยธิน บริเวณหน้าตลาดอมรพันธุ์และแยกเกษตร, ถนนประชาราษฎร์ สาย 2 บริเวณแยกเตาปูน ถนนราชวิถี บริเวณหน้าราชภัฏสวนดุสิต และเชิงสะพานกรุงธน, ถนนพญาไท บริเวณหน้ากรมปศุสัตว์, ถนนศรีอยุธยา บริเวณหน้า สน.พญาไท, ถนนจันทร์ ช่วงจากซอยบำเพ็ญกุศลถึงที่ทำการไปรษณีย์ยานนาวา, ถนนสวนพลู ช่วงจากถนนสาทรใต้ถึงถนนนางลิ้นจี่, ถนนสาธุประดิษฐ์ บริเวณแยกถนนจันทน์ถนนสุวินทวงศ์ ช่วงจากคลองสามวาถึงคลองแสนแสบ, ถนนเพชรเกษม ช่วงจากคลองทวีวัฒนาถึงคลองราชมนตรี ซอยหมู่บ้านเศรษฐกิจ, ถนนเพชรเกษมถึงวงเวียนกาญจนาภิเษก, ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล ช่วงจากถนนพระรามที่ 2 ถึงคลองสะแกงามสุดท้ายแล้ว...คงได้แต่ตั้งหวังกันว่า การบริหารที่เข้มแข็ง มองปัญหาแบบเร่งด่วน...แก้จุดต่อจุด จะทำให้กรุงเทพฯ ปลดล็อก... ปัญหา “น้ำรอการระบาย” ได้อย่างเป็นระบบและยั่งยืน.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม