อุตรดิตถ์วิกฤติ น้ำทะลักท่วมโรงพยาบาลตรอน แพทย์พยาบาลย้ายผู้ป่วยวุ่น กู้ภัยระดมช่วยผู้ป่วยเด็กและคนชราหนีน้ำ สลดเจอ ศพสาววัย 60 ถูกน้ำป่าซัดติดกอไม้ ที่แพร่น้ำในลำห้วยล้นสปิลเวย์ท่วมบ้านรอบสอง ขณะที่เขตเทศบาลหล่มสัก เมืองมะขามหวาน หนัก น้ำยังสูง เป็นเมตร ส่วนจังหวัดลุ่มน้ำโขงอ่วมไม่แพ้กัน พิษพายุ “บัวลอย” ทำน้ำท่วมถนนแลนด์มาร์กบึงกาฬยาวกว่า 1 กม. ด้านชาวนาเมืองหมอแคนสุดระทม พนังลำน้ำพองแตกต้องลอยคอเกี่ยวหนีน้ำสถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดยังวิกฤติ เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ จ.อุตรดิตถ์ เมื่อคืนที่ผ่านมายังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านหลายพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส โดยเฉพาะ ต.น้ำไคร้ อ.น้ำปาด บ้านเรือนประชาชนถูกน้ำป่าไหลบ่าเข้าท่วมอย่างหนัก เส้นทางการสัญจรถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง ขณะที่หน่วยงานต่างๆเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในส่วนของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 316 นำโดย พ.ต.ท.นฤบดินทร์ สินธรานพ ผบ.ร้อย. ตชด.316 นำกำลังพลพร้อมเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์ไปช่วยอพยพชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 1 บ้านน้ำไคร้หมู่2 บ้านนากล่ำ หมู่ 3 บ้านห้วยแมง หมู่ 4 บ้านปางเกลือ และหมู่ 5 บ้านปางกรุง ต.น้ำไคร้ อ.น้ำปาด มีผู้ประสบภัยทั้งหมดประมาณ 400 หลังคาเรือน ขณะที่มูลนิธิร่วมกตัญญู นำโดย “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” และ “เวฟ-สาริน บางยี่ขัน” นำทีมกู้ภัยไปช่วยชาวบ้านในชุมชนวังปรากฏ ต.ปากคาย อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ ล่าสุดมวลน้ำใน อ.ทองแสนขัน ไหลไปตามคลองตรอนเข้าพื้นที่ อ.ตรอน ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมคลองใน ต.น้ำอ่าง และ ต.บ้านแก่ง อ.ตรอน ได้รับผลกระทบน้ำเอ่อท่วมบ้าน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลตำบลบ้านแก่ง ชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 500 หลัง ขณะที่โรงพยาบาลตรอนที่อยู่ติดกับคลองตรอน น้ำเอ่อล้นตลิ่งท่วมพื้นที่โดยรอบของโรงพยาบาล แพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่อพยพผู้ป่วยอย่างเร่งด่วน ผู้ป่วยที่อาการไม่หนักให้กลับบ้านไปก่อน ส่วนผู้ป่วยอาการหนักย้ายไปอยู่ตึกสูงชั่วคราว ด้านหน่วยกู้ภัยพิษณุโลกและมูลนิธิประสาทบุญสถานนำเรือท้องแบนไปช่วยผู้ประสบภัย ต.น้ำอ่าง อ.ตรอน นำผู้ป่วยติดเตียงเด็กและผู้สูงอายุที่ติดอยู่ในบ้านออกมา แต่การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากบางจุดกระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุตรดิตถ์ แจ้งเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำแม่น้ำน่านใน อ.ตรอน และ อ.พิชัย ให้เตรียม พร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ เนื่องจากแม่น้ำน่านเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มวลน้ำเหนือจากพื้นที่ อ.น้ำปาด และ อ.ทองแสนขัน ไหลบ่าลงสู่แม่น้ำน่านในปริมาณมาก ทำให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้น อาจทำให้น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน นอกจากนี้มีรายงานว่าเหตุน้ำป่าถล่มครั้งนี้มีผู้พลัดตกน้ำเสียชีวิต 1 ศพ ใน อ.ท่าปลา และสูญหาย 4 รายใน ต.น้ำไคร้ อ.น้ำปาด ล่าสุดเจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตอีก 1 ศพ ถูกน้ำป่าซัดไปอยู่ในกอไม้ ทราบชื่อนางสมคิด สีแก้วมี อายุ 60 ปี ชาวบ้านบ้านนากล่ำ หมู่ 3 ต.น้ำไคร้ที่ จ.แม่ฮ่องสอน นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา รอง ผวจ.แม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยนายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอแม่สะเรียง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินโคลนจากอิทธิพลพายุ “บัวลอย” 3 จุด จุดแรกสะพานน้ำแม่ยวม ต.แม่สะเรียง จุดที่สองที่บ้านป่าหมาก ต.บ้านกาศ อ.แม่สะเรียง และจุดสุดท้ายบริเวณคอสะพานขาด บ้านศรีดอนชัยต.บ้านกาศ นอกจากนี้พบว่าคอสะพานบ้านสบหาร หมู่ 2 ต.บ้านกาศ ถูกน้ำกัดเซาะขาด สะพานเชื่อมบ้านพะมอลอ ต.บ้านกาศ-บ้านทุ่งแล้ง ต.แม่คง เสาตอม่อหักสะพานทรุดช่วงกลางสะพาน ใช้สัญจรไม่ได้ นอกจากนี้มีบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งลำน้ำแม่ยวมถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายจำนวนมาก เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งสำรวจให้ความช่วยเหลือด้านนายยศกร สุขสะอาด หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพะเยา เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย. เกิดฝนตกหนักใน 2 อำเภอคือ อ.เมืองพะเยา และ อ.ปง แยกเป็น อ.เมืองพะเยา มี ต.แม่กา หมู่ 1 หมู่ 10 และหมู่ 13 ต.แม่นาเรือ หมู่ 2 หมู่ 3 หมู่ 12 และหมู่ 15 อ.ปง ต.ขุนควร ต.งิม ต.ออย ต.ควน และ ต.นาปัง รวมความเสียหายเบื้องต้น ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 175 ครัวเรือน ถนน 3 สาย คอสะพาน 1 แห่ง ข้าวโพด 25 ไร่และนาข้าว 30 ไร่ ล่าสุดนายภูธนะ ชมพูมิ่ง รอง ผวจ.พะเยา รักษาราชการแทน ผวจ.พะเยา ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบแล้วจ.แพร่ มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำป่าหลากจากลำห้วยผาคำและลำห้วยขมิ้นเอ่อล้นสปิลเวย์เข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรในพื้นที่หมู่ 4, 8 และ 11 ต.ป่าแมต อ.เมืองแพร่ เทศบาลตำบลป่าแมตระดมเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือประชาชนออกนอกพื้นที่ นายมนัส ใจกลม อายุ 60 ปี เจ้าของร้านซ่อม รถหมู่ 4 บ้านมณีวรรณ ต.ป่าแมต เผยว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย. น้ำป่าห้วยผาคำเอ่อล้นท่วมหมู่บ้านมาแล้ว น้ำท่วมไม่นานก็ไหลไปพื้นที่ด้านล่าง เช้านี้น้ำมาอีกรอบและหนักกว่าเก่าเอ่อท่วมร้านซ่อมรถเสียหายเกือบหมด นายสุภวัฒน์ ศุภศิริ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลป่าแมต กล่าวว่า กำชับเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในพื้นที่ตอนบนยังคงมีฝนตกลงมาไม่หยุด คาดว่าอาจมีน้ำไหลหลากลงเพิ่มขึ้นอีกพร้อมแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เฝ้าระวังและขนย้ายทรัพย์สินไปไว้ในที่ปลอดภัย ในส่วนภาพรวมสถานการณ์น้ำ ในขณะนี้ระดับน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำเริ่มท่วมบ้านเรือนและถนนบางสาย เทศบาลตำบลป่าแมตจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นไว้ให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจ.เพชรบูรณ์ สถานการณ์น้ำท่วมใน อ.หล่มสัก เริ่มทรงตัว เขตพื้นที่เศรษฐกิจ เทศบาลเมืองหล่มสัก ระดับน้ำสูงประมาณ 30 ซม. บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต้องย้ายไปใช้พื้นที่ริมถนนสายหล่มสัก-เพชรบูรณ์วางขายสินค้าตั้งแต่บริเวณหน้าธนาคารกรุงไทยเป็นระยะทางยาวกว่า 400 เมตร ส่วนที่บ้านท่ามะกล้วย ต.วัดป่า พนังดินกั้นแนวแม่น้ำป่าสักถูกน้ำเซาะพังทลาย ทำให้มวลน้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรเป็นบริเวณกว้าง บางจุดระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร เจ้าหน้าที่กู้ภัยสมาคมกกไทรเข้าช่วยเหลือเคลื่อนย้ายคนชรา เด็กเล็กและผู้ป่วยออกมา ส่วน ต.ตาลเดี่ยว ยังมีน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตรที่ จ.บึงกาฬ อิทธิพลพายุ “บัวลอย” ทำให้น้ำ ไหลลงสู่แม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับ มีน้ำเหนือจาก จ.เลย จ.หนองคาย และลำน้ำสาขาฝั่ง สปป.ลาว ที่ไหลลงมาสมทบ ล่าสุดระดับน้ำแม่น้ำโขงจุดวัดระดับน้ำบ้านพันลำ หมู่ 2 ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ วัดได้ 12.00 เมตร เพิ่มขึ้นจากวันที่ 30 ก.ย. 70 ซม. อยู่ต่ำกว่าตลิ่ง 2 เมตร ส่วนถนนแลนด์มาร์ก โครงการพัฒนาตามผังเมืองรวมจังหวัดบึงกาฬ บริเวณริมถนนข้าวเม่า ต.วิศิษฐ์ พื้นที่ประมาณ 500 ไร่ แม่น้ำโขงเอ่อล้นถนนริมเขื่อนป้องกันตลิ่งหรือถนนกลางแม่น้ำโขง ระยะทางยาวกว่า 1 กม. เทศบาลเมืองบึงกาฬนำแผงกั้นเหล็กไปตั้งแจ้งเตือนประชาชน งดใช้ถนนแลนด์มาร์กจนกว่าน้ำจะลดลงจ.หนองคาย เกิดดินภูเขาสไลด์ลงมาทับเส้นทางถนนทางหลวงหมายเลข 211 (สังคม-หนองคาย-ปากชม) ช่วงบ้านตาดเสริม หมู่ 1 ต.บ้านม่วง อ.สังคม รถทุกชนิดไม่สามารถวิ่งสัญจรผ่านได้ เจ้าหน้าที่ อบต.บ้านม่วง ระดมเครื่องจักรกล เข้าเคลียร์พื้นที่พร้อมติดป้ายแจ้งเตือนให้ประชาชนใช้เส้นทางอย่างระมัดระวัง สำหรับเส้นทางดังกล่าวช่วงหน้าฝนหนัก ดินภูเขาอุ้มน้ำไม่ไหวสไลด์ลงปิดทับเส้นทางเป็นประจำ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ต.บ้านม่วง ที่ต้องอาศัยเส้นทางดังกล่าวมาซื้อสินค้าเครื่องอุปโภคและบริโภค รวมไปถึงการลำเลียงผู้ป่วยหนักจากหมู่บ้านชั้นในที่ติดชายแดน มารักษาตัวที่โรงพยาบาลสังคม ในตัว อ.สังคมส่วน จ.ขอนแก่น ฝนที่ตกหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทำให้ลำน้ำพองเพิ่มสูงขึ้นกัดเซาะพนังกั้นน้ำบ้านน้อยท่ากระเสริม หมู่ 5 ต.ท่ากระเสริม อ.น้ำพอง พังทลายกว่า 30 เมตร น้ำไหลทะลักท่วมพื้นที่เกษตร มีทั้งไร่อ้อยและสวนผัก รวมถึงนาข้าวที่อยู่ระหว่างเก็บเกี่ยว ชาวบ้านต้องนำถังพลาสติกขนาดใหญ่และกะละมังไปลอยคอเกี่ยวข้าวกลางน้ำ นายบัญชา อามาตย์สมบัติ อายุ 52 ปี ชาวนาบ้านน้อยท่ากระเสริม เผยว่า ช่วง 3 ทุ่มคืนที่ผ่านมา ตนพร้อมชาวบ้านยังไปดูพนังกั้นน้ำ ทุกอย่างยังปกติดี พอรุ่งเช้าเพื่อนบ้านมาบอกบอกว่าพนังแตกน้ำท่วมนาข้าวหมดแล้ว ต้องรีบเกี่ยวข้าวเนื้อที่กว่า 1 ไร่หนีน้ำ เพราะหากทิ้งไว้ข้าวจะจมน้ำเน่าเสียหมดด้านนายวิชัย ผันประเสริฐ ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 12 จ.ชัยนาท เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาว่า ขณะนี้เขื่อนหลักทั้ง 4 แห่งมีปริมาณน้ำเก็บกักในระดับสูง เริ่มจากเขื่อนภูมิพล จ.ตาก เก็บน้ำแล้ว 85% เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ 92% ที่ผ่านมาทั้งสองเขื่อนรองรับน้ำฝนจากอิทธิพลพายุต่างๆเกือบทั้งหมด เหลือเฉพาะฝนที่ตกใต้เขื่อนที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ขณะที่เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีน้ำ 90% และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี 76% ด้านการบริหารจัดการน้ำพยายามระบายให้น้อยที่สุดเพื่อลดผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อน แต่ต้องคำนึงถึงสถานการณ์ฝนเหนือเขื่อนและการคาดการณ์ระยะสั้นร่วมกันด้วยนายวิชัยกล่าวว่า ปริมาณน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา มวลน้ำจากแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน ไหลรวมที่ จ.นครสวรรค์ เพิ่มขึ้นจาก 2-3 วันที่ผ่านมา เขื่อนเจ้าพระยาจำเป็นต้องปรับลดระดับเหนือเขื่อนเพื่อรองรับน้ำเหนือที่กำลังมา ปัจจุบันน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ +16.00 เมตร รทก. ระบายท้ายเขื่อน 2,300 ลบ.ม./วินาที และรับน้ำเข้าระบบ 360 ลบ.ม./วินาที อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง แม้พายุบัวลอยจะไม่พัดเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่มีอิทธิพลต่อระบบลมมรสุมและทำให้เกิดร่องฝน โดยเฉพาะภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน ส่งผลให้ จ.สุโขทัย พิษณุโลก และพิจิตร มีมวลน้ำสะสมจำนวนมาก รวมทั้งมีฝนลงซ้ำ น้ำทั้งหมดจะไหลลงมารวมที่ลุ่มเจ้าพระยาในช่วงนี้ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 12 กล่าวอีกว่า ตามแบบจำลองคาดการณ์ทางคณิตศาสตร์ ระดับน้ำที่สถานี C2 จ.นครสวรรค์ อาจเพิ่มสูงถึง 2,900 ลบ.ม./วินาที ในระยะสั้น ทำให้เขื่อนเจ้าพระยาต้องเตรียมบริหารจัดการ โดยยกระดับการหน่วงน้ำและเพิ่มการผันน้ำเข้าระบบ 400-450 ลบ.ม./วินาที ขณะที่น้ำส่วนเกินจะทยอยระบายท้ายเขื่อนเพิ่มจากระดับ 2,300 ลบ.ม./วินาที เป็น 2,400-2,500 ลบ.ม./วินาที สอดคล้องตามหนังสือแจ้งเตือนฉบับที่ 7 ที่ได้ประกาศล่วงหน้าแล้ว ทั้งนี้ ประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำและท้ายเขื่อนจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา ควรเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดในช่วง 1-3 วันนี้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่