นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง วันที่ 28 ส.ค.2568 เห็นชอบร่างประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งแบบครอบครัวอุปการะ โดยกำหนดให้ครอบครัวอุปการะ หมายถึงบุคคลที่มีความสัมพันธ์ทางสายโลหิตของคนไร้ที่พึ่ง และให้หมายรวมถึง องค์กรสาธารณประโยชน์ องค์กรสวัสดิการชุมชน ภาคเอกชน สถาบันศาสนา หรือครอบครัวบุคคลอื่น ที่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายให้สามารถอุปการะเลี้ยงดูคนไร้ที่พึ่ง โดยรัฐจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้เดือนละ 5,000 บาทต่อคน ซึ่ง 1 ครอบครัวอุปการะไม่เกิน 1 คน กรณีองค์กรสาธารณประโยชน์ชุมชน อาจพิจารณาอนุญาตมากกว่า 3 คน แต่ไม่เกิน 5 คน เพื่อให้คนไร้ที่พึ่งได้รับการช่วยเหลือ ฟื้นฟู คุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเหมาะสม รวมทั้งลดความแออัดของผู้ใช้บริการใน 11 ศูนย์คุ้มครองและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตจังหวัด และเป็นเป้าหมายหลักของ พส.ที่ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายกลับสู่ครอบครัว ชุมชนหรือท้องถิ่นอธิบดี พส.กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดหาที่พักอาศัย เพื่อช่วยเหลือคนเร่ร่อน คนไร้ที่พึ่ง หรือผู้ใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง ด้วยการจัดหาที่พักอาศัยให้แก่คนเหล่านั้น ผ่านมูลนิธิ สมาคม องค์กรเอกชนที่ช่วยเหลือดูแลแทนภาครัฐ โดยรัฐอุดหนุนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินอัตรา ดังนี้ 1.ค่าเช่าที่พักต่อเดือนไม่เกิน 1,500 บาท 2.ค่าน้ำประปาและค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 500 บาท ต่อหน่วยที่พัก 3.ค่าเครื่องนุ่งห่มหรือเครื่องนอนไม่เกิน 2,000 บาทต่อคน และ 4.ค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการขององค์กรภาคเอกชนไม่เกินร้อยละ 10 ของค่าใช้จ่ายในโครงการ องค์กรภาคเอกชนต้องเสนอโครงการขอรับการสนับสนุนผ่านกองคุ้มครองสวัสดิภาพและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต พส. หรือศูนย์คุ้มครองและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตจังหวัด ทั้งนี้ พส.จะทำหนังสือแจ้งประกาศถึงกรมบัญชีกลาง โดยปี 2569 จะนำร่องได้ด้วยงบประมาณอุดหนุนที่มี และตั้งเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2570 ดำเนินโครงการต่อเนื่อง.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่