ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท. เพิ่งพาสื่อกลุ่มใหญ่ไปดูงานแสดงเทคโนโลยีก๊าซธรรมชาติระดับโลก Gastech 2025 ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นงานประชุมวิชาการและการแสดงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ ก๊าซธรรมชาติเหลว พลังงานไฮโดรเจน เทคโนโลยีภูมิอากาศ และปัญญาประดิษฐ์ ปีหน้าประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน Gastech 2026 ที่ ศูนย์นิทรรศการไบเทค บางนา 15—18 กันยายน โดยมีกระทรวงพลังงาน ปตท. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ เป็นเจ้าภาพ งานนี้จึงมีผู้เกี่ยวข้องฝ่ายไทยไปร่วมงานด้วยเป็นจำนวนมากดร.คงกระพัน ได้รับเชิญขึ้นเวทีเสวนาในหัวข้อ “ความมั่นคงด้านพลังงานท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง” ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่อีกหลายท่านดร.คงกระพัน ได้กล่าวถึง ความมั่นคงทางพลังงานของไทยและในภูมิภาคอาเซียนว่า “ก๊าซธรรมชาติถือเป็น Destination Fuel” มีบทบาทสำคัญในการ รองรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ควบคู่ไปกับการลดก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากก๊าซธรรมชาติมีความเสถียรต่อระบบพลังงาน และเป็นเชื้อเพลิงที่มีความสะอาดกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่นๆ ขณะนี้หลายภูมิภาคทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นทิศทางของพลังงานโลก ต้องตอบโจทย์ 3 ด้านคือ ความมั่นคงทางพลังงาน ความเป็นธรรมในการเข้าถึงพลังงาน และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความต้องการก๊าซธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้น จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการทยอยยกเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหิน คาดว่าอาเซียนจะกลายเป็นผู้นำเข้า LNG สุทธิภายในปี 2032ศูนย์ข้อมูล Gastech ระบุว่า ภายในปี 2050 ประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 9,800 ล้านคน แต่ยังมีผู้คนกว่า 750 ล้านคน ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ และกว่า 2,100 ล้านคน ที่ยังขาดการเข้าถึงก๊าซหุงต้มที่สะอาด และคาดว่าการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2030 ซึ่งได้เพิ่มความซับซ้อนแก่ความต้องการของพลังงานในปัจจุบัน เมื่อรวมการขยายตัวของเมืองและมาตรฐานการครองชีพที่สูงขึ้นทั่วโลก ทำให้อุตสาหกรรมพลังงานต้องรับมือกับความต้องการไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นถึง 75% ในปี 2025 นี้ หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านก็คือ ก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 15—20% หลังปี 2030 และมีแนวโน้มสูงขึ้นระหว่าง 11—57% ภายในปี 2050ภูมิภาคอาเซียน เช่น ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ต่างก็มีความต้องการ LNG เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมและการผลิตไฟฟ้า ภายในปี 2033 คาดว่าความต้องการ LNG ในภูมิภาคอาเซียนจะเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่า คิดเป็น 12% ของตลาดโลกการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน LNG จึงเป็นเรื่องสำคัญ ดร.คงกระพัน ระบุว่า ไทยมีแนวโน้มที่จะพัฒนาเป็น “ศูนย์กลาง LNG ของภูมิภาค” (LNG Hub) โดยมี โครงการท่อส่งก๊าซฯ ข้ามประเทศ เช่น Trans–ASEAN Gas Pipeline (TAGP) เป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในระยะยาว แผนงานในอนาคต ประเทศไทยตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางซื้อขาย LNG ในภูมิภาค ด้วยความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน มีแผนขยายโครงข่ายส่งก๊าซธรรมชาติ มีแผนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อบริหารจัดการ LNG Value Chain แต่ ปตท.ก็ยังมีความสำคัญโครงการกักเก็บคาร์บอน และพลังงานหมุนเวียน เพื่อสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ของประเทศไทยในปี 2065แปลความง่ายๆก็คือ ก๊าซคือพลังงานที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดได้มั่นคงที่สุดก๊าซ LNG มีเหลือเฟือ ปริมาณก๊าซสำรองในโลกที่พบแล้วมีถึง 7,299 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต อยู่ใน ตะวันออกกลาง 2,843 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต รัสเซีย 1,688 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต เอเชีย 590 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต อเมริกาเหนือ 553 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ก๊าซธรรมชาติจะยังมีบทบาทต่อพลังงานของโลกไปอีกนานทีเดียว.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม