แม่ทัพภาคที่ 2 แนะแนวทางแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศต้องคุยกันแล้วรู้เรื่อง โดยเฉพาะผู้นำกัมพูชาจะต้องคุยแล้วจริงใจ หากพูดอย่าง ทำอีกอย่าง 100 ปีก็แก้ปัญหาไม่ได้ ย้ำ “ฮุน เซน” ต้องคุยกับนายกฯให้เข้าใจตรงกันจะเกิดความสงบสุข ขณะที่ กมธ.ทหารฯลงดูพื้นที่จริง “บ้านหนองจาน” เล็งเสนอรัฐบาลใหม่ หาทางเยียวยาชาวบ้านกรณีเข้าพื้นที่ไม่ได้ด้วย หลัง ครม.ชุดที่แล้วอนุมัติช่วยครอบครัวช่วงถูกกัมพูชาโจมตี 5 พันบาท ส่วนโฆษก ทบ.ยืนยันไทยควบคุมตัว 18 เชลยศึกกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศ ยินดีให้องค์กร ต่างๆเข้าตรวจสอบ ย้ำส่งตัวกลับเมื่อความขัดแย้งยุติโดยสมบูรณ์วันที่สองของการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ครั้งที่ 2 ที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ศูนย์เฉพาะกิจฯชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แจ้งว่าเวลา 07.30 น. เลขาฯการฯประชุม GBC เริ่มการประชุมฝ่ายไทยต่อ เพื่อปรับข้อตกลงที่ฝ่ายกัมพูชานำไปแก้ไขกลับมา เพื่อกลับไปนำเสนอในที่ประชุม 2 ฝ่ายในเวลา 11.00 น.ด้านพลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาระบุไทยยังไม่ปล่อยตัว 18 เชลยศึกกัมพูชา เป็นเวลา 41 วัน หลังจากข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ ว่า แม้ข้อตกลงหยุดยิงที่ไทยและกัมพูชากำหนดร่วมกันไว้ว่าภายในเวลา 24.00 น.ของวันที่ 28 ก.ค.2568 แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในพื้นที่คือกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ใช้อาวุธโจมตีทหารไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไทยต้องมีการตอบโต้และป้องกันอธิปไตยของตนตลอดคืนของวันที่ 28 ก.ค.จนถึงเช้าของวันที่ 29 ก.ค.การควบคุมตัวทหารกัมพูชาทั้ง 18 รายนั้น เกิดขึ้นในช่วงที่ยังมีการสู้รบอยู่ และกัมพูชาไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงจริง ทำให้ไทยต้องควบคุมตัวเชลยศึกทั้งหมดตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 3 ว่าด้วยการปฏิบัติต่อเชลยศึก พ.ศ.2492 ที่มีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเชลยศึกจะได้รับการส่งกลับเมื่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางอาวุธสิ้นสุดลงโดยสมบูรณ์พลตรีวินธัยระบุอีกว่า ปัจจุบันกองทัพบกยังได้รับรายงานว่า พบการกระทำของทหารกัมพูชาที่มีเจตนาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง ทั้งการตรวจพบโดรนลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดน การแสดงท่าทียั่วยุและสนับสนุนให้ประชาชนกัมพูชาแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อทหารไทย รวมทั้งรุกล้ำอธิปไตยไทย ลักลอบเข้ามารื้อลวดหนาม ลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2 ที่หวังต่อชีวิตและการสูญเสียของฝั่งไทย การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธในพื้นที่ยังไม่สิ้นสุดลง ส่วนการดูแลเชลยศึก กองทัพบกยืนยันทำตามข้อกำหนดในอนุสัญญาเจนีวาอย่างครบถ้วน ที่ผ่านมาคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เข้าตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ พบปะพูดคุยกับเชลยศึก รวม 2 ครั้ง หากมีหน่วยงานหรือองค์กรใดๆ ต้องการเข้ามาตรวจสอบ สามารถประสานผ่านกลไกระหว่างประเทศ หรือกองทัพบกได้ตลอดเวลาอย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมกัมพูชาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือนานาชาติแห่งกัมพูชา และคณะทีมงานโฆษกรัฐบาลกัมพูชา ออกแถลงการณ์ว่า ที่ผ่านมากัมพูชาเคารพข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชาที่บรรลุกันเมื่อวันที่ 28 ก.ค.และข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ หลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือจีบีซี ขณะที่ไทยละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง จึงเรียกร้อง ขอให้ไทยเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างจริงจังสำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 ก.ย.ที่ศาลาประชาคม หมู่บ้านไซรไปร ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 บ้านแซรไปร จัดประชุมประชาคมหมู่บ้าน ตามคำร้องเรียนของชาวบ้านว่ามีหญิงชาวกัมพูชา ภรรยาของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านตั้งแต่ 27 ปีที่แล้ว แต่เมื่อเกิดการปะทะระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย กลับทำตัวเป็นไส้ศึก เชื่อว่าเป็นผู้ที่แจ้งเบาะแส พิกัด รวมทั้งความเคลื่อนไหวของทหารไทยทั้งที่ผู้ใหญ่บ้านประกาศห้ามถ่ายรูป รถถัง ปืนใหญ่ของทหารไทย ขณะเคลื่อนเข้าสู่ชายแดน แต่หญิงชาวกัมพูชาคนดังกล่าวกลับถ่ายรูปรถถัง อาวุธ ปืนใหญ่ และเชื่อว่ามีการส่งไปให้ทหารกัมพูชา พร้อมทั้งแชร์คลิปที่กัมพูชาโพสต์ใส่ร้ายคนไทย ใส่ร้ายทหารไทย ลงมติให้ขับไล่หญิงกัมพูชาออกจากหมู่บ้านและออกจากประเทศไทยต่อมานายบัญชา จันทร์ณรงค์ นายอำเภอภูสิงห์ กล่าวหลังร่วมประชุมกับคณะกรรมการหมู่บ้านว่า มีการบูรณาการทุกภาคส่วนเข้ามาตรวจสอบข้อร้องเรียนและข้อมูลของหญิงกัมพูชาคนดังกล่าว ที่เป็นภรรยาของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ซึ่งจะนำข้อมูลรายงานให้ผู้บังคับบัญชา รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับจังหวัด เพื่อพิจารณาตามกฎหมายที่ อ.ภูสิงห์ ต่อไปด้านนางเขื่อน หญิงชาวกัมพูชาที่ถูกชาวบ้านขับไล่ กล่าวว่า แฟนอยู่ในชุดเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ยืนยันจะไม่ออกไปไหน เพราะมีที่ มีบ้านอยู่ที่นี่ ไม่ได้ทำอะไรผิด ลูกหลานที่เข้ามาอยู่ในไทยด้วย เข้ามาอย่างถูกกฎหมาย มีพาสปอร์ตถูกต้อง อยู่ที่นี่มา 27 ปีแล้ว ตนยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทุกอย่าง เพราะมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิดส่วนที่หอประชุมโรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 มาบรรยายพิเศษในหัวข้อ “พลังแห่งความสามัคคี : ความรักชาติที่รวมใจคนไทยเป็นหนึ่ง” มีประชาชน นักเรียนจากหลายโรงเรียนในพื้นที่ เข้าร่วมฟังอย่างคึกคัก และบรรยากาศการต้อนรับเป็นไปอย่างอบอุ่นชื่นมื่น ประชาชนจำนวนมากมารอต้อนรับแม่ทัพภาคที่ 2 ตั้งแต่ช่วงเช้า ตลอดระยะทางกว่า 300 เมตร จากจุดจอดเฮลิคอปเตอร์ถึงหอประชุม ชาวบ้านต่างโบกธงชาติและปรบมือให้ รวมถึงนำดอกไม้ พร้อมผูกผ้าขาวม้าแสดงความเคารพและชื่นชมในตัวแม่ทัพภาคที่ 2 อย่างล้นหลามพลโทบุญสินได้บรรยายในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับพลังของความรักชาติและความสามัคคี พร้อมเน้นถึงบทบาทของเยาวชนในการร่วมพัฒนาสังคมและประเทศชาติอย่างสร้างสรรค์ โดยกล่าวในช่วงหนึ่งอย่างเป็นกันเองว่า “หลังเกษียณแล้ว อย่าลืมแม่ทัพนะ หนาวนี้จะพาไปวิ่งมาราธอน ดูธงชาติที่สวยที่สุดบนภูมะเขือ ใครจะไป ยกมือ!” และในช่วงเปิดโอกาสให้นักเรียนและเยาวชนซักถาม มีคำถามที่ได้รับความสนใจและได้รับเสียงปรบมือจากนักเรียนและผู้ร่วมงานในหอประชุมอย่างดังกึกก้องคือ แม่ทัพมีแนวทางอย่างไรในการลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา?ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ตอบว่า แนวทางแก้ปัญหาชายแดน รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศต้องคุยกันแล้วรู้เรื่อง โดยเฉพาะผู้นำกัมพูชาจะต้องคุยแล้วจริงใจ คุยแล้วยืนยันในคำที่พูด จริงใจที่จะแก้ปัญหาร่วมกัน ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ที่มีใหม่มานี้จะต้องคุยให้เข้าใจ สำหรับไทย เราคุยได้ทั้ง 2 แบบ คุยแบบเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ได้ แต่เราพร้อมที่จะคุยแบบเข้าใจ แต่หากพูดอย่างหนึ่ง ทำอีกอย่างหนึ่ง 100 ปีก็แก้ปัญหาไม่ได้ จะเป็นแบบนี้ตลอด วิธีแก้ปัญหาคือผู้นำหมาย เลข 1 ของทั้ง 2 ประเทศ ต้องคุยกันให้เข้าใจ ฮุน เซน ต้องคุยกับนายกรัฐมนตรีของเราให้เข้าใจตรงกัน จะเกิดความสงบสุขตามแนวชายแดนส่วนสถานการณ์ใน จ.สระแก้ว พื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากองกำลังบูรพา ร่วมกับหน่วย ฉก.อรัญประเทศ และกองร้อยทหารพรานที่ 1206 จับกุมชาวกัมพูชา 50 คน เป็นชาย 33 คน หญิง 17 คน ขณะเดินข้ามแดนเข้ามาในไทย ได้ที่พื้นที่ท้ายหมู่บ้านกุดหิน อ.อรัญประเทศ ทั้งหมดอยู่ในสภาพอิดโรยและหิวโซ โดยต่างบอกตรงกันว่า เคยทำงานในไทยมาก่อน แต่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จำใจกลับประเทศบ้านเกิด แต่เมื่อกลับไปแล้ว ไร้งานทำ ไม่มีรายได้ และไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆจากรัฐบาลกัมพูชา จึงตัดสินใจกลับเข้ามาในไทยอีกครั้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำชาวกัมพูชาทั้งหมดส่ง สภ.คลองน้ำใส เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งนี้ พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผบ.หน่วย ฉก.อรัญประเทศ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.-8 ก.ย.2568 หลังจากมีคำสั่งปิดด่านชายแดน หน่วย ฉก.อรัญประเทศ จับกุมชาวกัมพูชาลักลอบเข้าเมืองได้ถึง 84 ครั้ง รวม 329 คน การจับกุมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบากและสิ้นหวังของชาวกัมพูชา ซึ่งถูกกดดันให้กลับประเทศ แต่กลับไร้มาตรการรองรับจากรัฐบาลบ้านเกิด ทำให้ต้องดิ้นรนกลับเข้ามาหางานในไทย แม้เสี่ยงถูกจับกุมก็ตามส่วนที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง ในช่วงเช้า บรรยากาศทั่วไปยังสงบเรียบร้อย หน่วยงานความมั่นคงประจำพื้นที่รายงานว่า มีชาวกัมพูชาราว 15-20 คน ยังคงปักหลักอยู่บริเวณเพิงพักที่ตั้งขึ้นใกล้แนวชายแดน แต่ยังไม่มีการละเมิดหรือก้าวล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย จากนั้นเวลา 10.30 น. นายเอกราช อุดมอำนวย ประธานคณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร นำคณะ ราว 20 คน เข้ารับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนปัจจุบัน โดยมี ผบ.กกล.บูรพา ผวจ.สระแก้ว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดสระแก้ว ร่วมให้ข้อมูลจากนั้นเวลา 11.00 น. คณะกรรมาธิการฯ เดินทางไปที่บ้านหนองจาน จุดตรวจ ส.40 มี พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.12 และฝ่ายปกครองพาดูบ้านหนองจาน (ศูนย์อพยพเขมรเก่า) และไปยังรั้วลวดหนาม บริเวณสถานที่ติดป้ายประกาศของจังหวัดสระแก้ว เพื่อเห็นสภาพพื้นที่จริงอย่างใกล้ชิด นายเอกราช ระบุว่า กมธ.จะนำข้อมูลที่ได้รับเสนอไปยังรัฐบาลใหม่ เพื่อหาทางเยียวยาชาวบ้านในกรณีที่เข้าพื้นที่ไม่ได้และยังไม่สามารถตกลงเขตแดนร่วมกันได้ระหว่าง 2 ประเทศ เช่น พื้นที่ที่มีทุ่นระเบิด รวมถึงเรื่องการสนับสนุนทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวเขตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยอย่างมีประสิทธิภาพขณะที่นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา โฆษก กมธ.ทหาร กล่าวว่า ฝากรัฐบาลใหม่ว่าที่สำคัญกว่าแผ่นดินคือปากท้องของคนชายแดน ประเทศไทยได้ดุลการค้ากว่าหนึ่งแสนสี่หมื่นล้านบาท แต่กลับไม่มีอะไรเยียวยาให้ประชาชนเลย ครม.ชุดที่แล้วได้อนุมัติให้ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา 5,000 บาท/ครอบครัว อยากจะฝากให้ช่วยกันบอกรัฐบาลชุดใหม่ด้วยว่าช่วยดูแลเรื่องนี้ด้วยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่