กรมควบคุมโรคสั่งเฝ้าระวังเข้ม หลังพบเด็กป่วยโปลิโอ ชนิด cVDPV1 ที่ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉียบพลัน ในแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว พบมีประวัติเข้ามาในพื้นที่ จ.มุกดาหาร ย้ำไม่ใช่โปลิโอสายพันธุ์ใหม่ หรือเชื้อดื้อยา สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านทางอุจจาระ หรือละอองฝอยจากการไอ จาม แม้ ยังไม่พบผู้ป่วยในไทย แต่กลุ่มเสี่ยงเป็นเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี เด็กพื้นที่ชายแดนอายุต่ำกว่า 15 ปี เนื่องจากรับวัคซีนป้องกันโปลิโอบางพื้นที่ยังต่ำกว่าเกณฑ์ แนะผู้ปกครองควรพาบุตรหลานเข้ารับวัคซีนให้ครบ พร้อมรักษาสุขอนามัย ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดเป็นประจำ ส่วนคนที่จะไปลาว แนะนำให้ตรวจสอบภูมิคุ้มกันตนเอง หากยังรับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ ควรเข้ารับวัคซีนกระตุ้นก่อนเดินทางกรมควบคุมโรค (คร.) ให้เฝ้าระวังโรคอุบัติซ้ำในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย. นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดี คร. เปิดเผยว่า คร.ได้รับรายงานพบผู้ป่วยโปลิโอชนิด cVDPV1 ในแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว และพบว่าผู้ป่วยมีประวัติมาที่ จ.มุกดาหาร ในช่วงเวลาสั้นๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาผู้ป่วยเพิ่มเติม พร้อมตรวจสอบสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เสี่ยง จากการประเมินพบว่ามีความเสี่ยงปานกลางถึงสูงทั้งใน จ.มุกดาหาร และตามแนวชายแดน เนื่องจากความครอบคลุมวัคซีนในบางพื้นที่ยังต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยในไทย และอยู่ระหว่างการสอบสวนหาผู้ป่วยเพิ่มเติม รวมถึงตรวจสอบสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เสี่ยงนพ.ภาณุมาศกล่าวว่า มาตรการที่ คร.ดำเนินการแล้ว ได้แก่ 1.ยกระดับการเฝ้าระวังให้เข้มข้น โดยให้รายงานผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉียบพลัน (AFP) ทุกสัปดาห์ 2.ค้นหาผู้ป่วยและผู้สัมผัสเชิงรุก พร้อมเก็บตัวอย่างส่งตรวจ 3.ตรวจสอบสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำเสียและบ่อเกรอะในพื้นที่เสี่ยง รวมทั้งรณรงค์เสริมภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนโปลิโอ (OPV) ในเด็กไทย อายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างชาติในพื้นที่ชายแดน อายุต่ำกว่า 15 ปี นอกจากนี้ ยังมีการทบทวนและซักซ้อมแผนเผชิญเหตุร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกระดับ ในส่วนของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ได้เพิ่มมาตรการคัดกรองผู้เดินทาง หากมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงจะถูกส่งต่อสอบสวนทันทีสำหรับประชาชนที่มีแผนเดินทางไปยัง สปป.ลาว แนะนำให้ตรวจสอบภูมิคุ้มกันของตนเอง และหากยังรับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ ควรเข้ารับวัคซีนกระตุ้นก่อนเดินทาง ขอย้ำว่าขณะนี้ประเทศไทยยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และขอความร่วมมือให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานเข้ารับวัคซีนให้ครบตามเกณฑ์ รักษาสุขอนามัย เช่น ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดเป็นประจำ หากพบเด็กมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉียบพลัน ให้รีบพาไปพบแพทย์ทันที ทั้งนี้ การได้รับวัคซีนยังคงมีประโยชน์สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคโปลิโอและป้องกันการเกิดโรคได้ด้าน นพ.วิชาญ บุญกิติกร ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา คร. กล่าวว่า โปลิโอชนิด cVDPV1 ไม่ใช่โปลิโอสายพันธุ์ใหม่หรือเป็นโปลิโอเชื้อดื้อยา แต่เนื่องจากปัจจุบันนี้มีการใช้วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดหยอดที่เป็นแบบเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ที่ประเทศลาวยังใช้ชนิดหยอดอยู่ ส่วนไทยกำลังมีการปรับเปลี่ยนไปเป็นชนิดฉีดทั้งหมด ดังนั้น ในประเทศลาวมีความเป็นไปได้ว่าเด็กที่ได้รับวัคซีนชนิดนี้เข้าไปแล้วมีการขับถ่ายไม่ถูกสุขลักษณะ จึงทำให้เกิดการติดเชื้อและป่วยโปลิโอได้“จากรายงานดังกล่าวพบว่า เด็กป่วยมาจากประเทศลาวและข้ามมารักษาตัวที่โรงพยาบาลฝั่งไทยช่วงเดือน มิ.ย. ไม่ใช่เป็นการมาติดเชื้อในประเทศไทย ถึงแม้ว่าจะพ้นระยะอันตรายในการติดเชื้อ แต่ทางฝั่งไทยต้องมีมาตรการเข้าไปสอบสวน โรค ติดตามเด็กที่เข้ามารักษาอยู่ในวอร์ดเดียวกัน รวมถึงหมอที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยชาวลาวในวันนั้น ส่วนความครอบคลุมการฉีดวัคซีนใน จ.มุกดาหารและจังหวัดชายแดนไทย-ลาวนั้น ขณะนี้ตัวเลขยังไม่แน่นอน แต่เป้าหมายการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมของไทยกำหนดไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ มีเพียงบางอำเภอในพื้นที่ที่ฉีดวัคซีนยังไม่ครอบคลุม 90 เปอร์เซ็นต์ เราจึงต้องมีมาตรการควบคุมป้องกันอย่างเข้มข้น เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยไม่มีผู้ป่วยโรคโปลิโอมาว่า 20 ปีแล้ว จึงต้องรีบปูพรมฉีดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอในเด็กให้ครอบคลุมไม่ต่ำกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ถึงจะมั่นใจได้ว่าไม่เกิดการแพร่เข้ามาในบ้านเรา” นพ.วิชาญกล่าวนพ.วิชาญกล่าวด้วยว่า โปลิโอเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากไวรัสโปลิโอ ซึ่งแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านทางอุจจาระและลำคอ โดยเฉพาะการสัมผัสอุจจาระที่ปนเปื้อนเชื้อหรือละอองฝอยจากผู้ที่ไอ จาม หรือสัมผัสกับสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ อย่างไรก็ตาม เชื้อโปลิโออยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานแค่ไหนนั้นบอกได้ยาก เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างทั้งปริมาณของเชื้อ และการจัดการกับเชื้อ เราจึงต้องทำให้เกิดความมั่นใจว่าผู้ที่มีโอกาสสัมผัสโรค มีใครมีอาการป่วยหรือไม่ เราจะมีการประสานเก็บสิ่งส่งตรวจของผู้ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วยเด็กชาวลาวรายนั้น รวมถึงประสานเก็บตัวอย่างจากน้ำทิ้ง เพื่อตรวจดูว่ายังมีเชื้อปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อมหรือไม่ เราต้องทำให้เต็มที่ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าไม่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อมในบ้านเราอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่