ความรู้ใหม่เรื่องภาษาไทย อาจารย์ปรัชญา ปานเกตุ สอนในภาษาสรรวรรณศัพท์ (สถาพรบุ๊คส์พิมพ์ พ.ศ.2566) โดยอ้างชื่อ ศ.ดร.อุดม วโรตม์สิกขดิตถ์ ว่า คนไทยนิยมออกเสียงคำเป็นกลุ่ม 2 พยางค์ และ 3 พยางค์ แต่กลุ่ม 3 พยางค์ได้รับความนิยมสูงสุดก่อนจะไปไกลจนถึงคำ 3 พยางค์ คำไหน...ค่อยๆหาความรู้คำพยางค์เดียวที่เราคุ้นปากกันไปก่อนอาจารย์ปรัชญา ปานเกตุ เริ่มที่คำ “โล่ง” หมายถึงว่างเตียน ไม่มีอะไรกั้นหรือบัง ไม่รก เช่น ที่โล่ง ห้องโล่ง โดยเปรียบหมายความว่า ปราศจากอุปสรรค เช่น เปิดทางโล่งแล้ววรรณคดีไทยใช้เป็น “ล่ง” “ตรล่ง” “ตระหล่ง” “ตะล่ง” หรืิอ “ตะโล่ง” ก็มี ตัวอย่างจากโคลงทวาทศมาสบาทหนึ่ง “จันทร์แจ่มจันทร์จเมลือง ล่งฟ้า”โล่งใช้ซ้อนกับ “เตียน” เป็น “โล่งเตียน” หรือ “เตียนโล่ง” หมายถึงเกลี้ยง ตัวอย่างจากกลอนไดเอรีซึมทราบกับตามเสด็จไทรโยค...“ดูโล่งเตียนเลี่ยนดีไม่มีรก แผ่นผาตกแตกป่นจนข้างล่าง...”หรือตัวอย่างจากนิราศพระแท่นดงรัง นายมี “หนทางเกวียนเตียนโล่งตลอดลิ่ว สะพรั่งทิวแถบไม้ไพรพฤกษา...” ใช้ซ้อนกับเลี่ยน เป็น “โล่งเลี่ยน” หรือ “เลี่ยนโล่ง” หมายถึง เตียน เกลี้ยง ตัวอย่างนิราศทัพเวียงจันท์...“สถานที่โล่งเลี่ยนเตียนสะอาด อยู่ชิดหาดชายไม้ที่ไพรสณฑ์...”ใช้ซ้อนกับ “ล่อน” เป็น “ล่อนโล่ง” หมายถึงไม่มีอะไรปกปิดร่างกาย ตัวอย่างจากพระอภัยมณี “ที่ผ้าผ่อนล่อนโล่งวิ่งโทงเทง โดนกันเองอื้ออึงคะนึงไป...”“โปล่ง” หมายถึง “โล่ง” ตัวอย่างจากบทละครเรื่องอิเหนา รัชกาลที่ 2 “ครั้งถึงชายทะเลแลโล่ง เป็นน้ำขาวเปล่าโปล่งต่างหรรษา...”“โล่งแจ้ง” หมายถึงไม่มีหลังคาคลุม “โล่งโต้ง” หรือ “โล้งโต้ง” หมายถึงล่อนจ้อน เปล่าเปลือย ตัวอย่างจากพระอภัยมณี “ไม่นุ่งผ้าคากรองครองหนังเสือ ประหลาดเหลือโล่งโจ้งโม่งโค่งขัน...”รู้สึกว่าสมองปลอดโปร่ง เรียก “โล่งหัว” รู้สึกว่าลำคอปลอดโปร่งเพราะดื่มน้ำชาร้อนๆ เป็นต้น เรียก “โล่งคอ” รู้สึกว่าหายใจไม่สะดวก เรียก “โล่งจมูก” รู้สึกว่าหายใจเข้าปอดได้เต็มที่ เรียก “โล่งปอด”รู้สึกว่าสบายใจ หายอึดอัดใจ เรียก “โล่งใจ” รู้สึกว่าสบายใจ เพราะไม่ได้เห็นสิ่งที่เคยทำให้รำคาญอยู่เป็นประจำ เรียก “โล่งตา” รู้สึกว่าสบายใจเพราะไม่ได้ยินเสียงที่เคยทำให้รำคาญหูอยู่เป็นประจำ เรียก “โล่งหู”รู้สึกปลอดโปร่งใจ เพราะปลดเปลื้องภาระหนักได้แล้ว เรียก “โล่งอก” รู้สึกปลอดโปร่งเพราะหมดความกังวลใจเรียก “โล่งอกโล่งใจ”ถึงแล้วครับ คำที่ ศ.ดร.อุดม วโรตม์สิกขดิตถ์ ท่านบอกว่า ในบรรดากลุ่มคำ 3 พยางค์ได้รับความนิยมสูงสุด ผู้เฒ่าผู้แก่แถบบ้านอาจารย์ปรัชญา ปานเกตุ นิยมออกเสียงลักษณะนี้กันมากบรรดาผู้อาวุโสแทรกเสียง/อะ/ลงไปในคำ 2 พยางค์ เพื่อความคล่องปากหลายต่อหลายคำเช่น “หกล้ม” เป็น “หกกะล้ม” หรือ “หกขะล้ม” “ตกใจ” ออกเสียงเป็น “ตกกะใจ” “ลูกตา” ออกเสียงเป็น “ลูกกะตา” หรือ “ประตู” ออกเสียงเป็น “ปักกะตู”คำหนึ่งที่แสดงพลังสร้างสรรค์อย่างวิเศษ คือ “โล่งอก” ท่านสลับตำแหน่งเป็น “อกโล่ง”และออกเสียงเป็น “อกกะโล่ง” บางคนออกเสียงสั้นกว่านั้น เพื่อเน้นเป็น “อกกะล่ง” ก็มีทั้งนี้เมื่อใช้ประกอบการถอนหายใจ แล้วฟังดูปลอดโปร่งกว่า “โล่งอก” จริงๆ เช่น“เฮ้อ...อกกะล่ง เลยกู”จบวิชาภาษาไทยวันละ (หลาย) คำของอาจารย์ปรัชญา แค่นี้นะครับ ผมขอหยอดท้ายต่อได้แค่ว่า แม้เป็นอารมณ์ชั่ววูบหรือชั่วครั้ง ก็ยังดีกว่าคนบ้านนี้เมืองนี้ ไม่มีอารมณ์นี้เสียเลย.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม