เผยเหตุกองกำลังบูรพาประกาศกฎอัยการศึก “บ้านหนองจาน” เพราะมีแนวโน้มเกิดจลาจล หากกัมพูชายังห้าวละเมิดมาตรการมีทั้งโทษคุก-ประหารชีวิต กองทัพบกยันมีหมัดเด็ดซัดกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดทำร้ายทหารไทย ยันเคารพข้อตกลงหยุดยิงแต่ก็พร้อมป้องกันตัว ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะยืดเยื้อนานแค่ไหนตอบยาก ในหลวงโปรดเกล้าฯองคมนตรีเชิญสิ่งของพระราชทานและกระแสรับสั่งเยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บหลังเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวาย ในพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่มีชาวกัมพูชาจำนวนมากเข้ามาก่อเหตุบุกรื้อรั้วลวดหนามของไทย ที่บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชาจนเกิดการเผชิญหน้ากับม็อบชาวไทยที่รวมพลังกันมาปกป้องอธิปไตยไทย ส่งผลให้กองกำลังบูรพาต้องประกาศกฎอัยการศึกป้องกันความวุ่นวายและการก่อจลาจลในพื้นที่ เมื่อช่วงดึกวันที่ 28 ส.ค.โดยมี พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา เป็นผู้ลงนามประกาศแจงเหตุประกาศกฎอัยการศึกต่อมาเมื่อเช้าวันที่ 29 ส.ค. กองทัพภาคที่ 1 ชี้แจงการประกาศกำหนดพื้นที่รักษาความสงบเรียบร้อยในเขตบ้านหนองจาน ระบุว่า ตามที่มีคำสั่งของกองกำลังบูรพา ออกประกาศกำหนดพื้นที่รักษาความสงบเรียบร้อย ในเขตบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ภายหลังมีประชาชนจากฝั่งกัมพูชาลักลอบเข้ามาก่อความไม่สงบในเขตแดนไทย เป็นภัยต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ เพื่อคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทยและรักษาอธิปไตยของชาติ จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคนเพื่อป้องกันประเทศ ให้พ้นจากภัยคุกคามดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน จึงจำเป็นต้องกำหนดพื้นที่และมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยจัดข้อห้ามเพื่อความสงบเรียบร้อยพื้นที่กองกำลังบูรพาจึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 กำหนดพื้นที่รักษาความสงบเรียบร้อย แนวรักษาความสงบเรียบร้อยและมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อย ดังนี้ 1.ให้พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เป็นพื้นที่รักษาความสงบเรียบร้อย 2.ให้ถนนศรีเพ็ญ พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เป็นแนวรักษาความสงบเรียบร้อย 3.ส่วนมาตรการการเข้าไปในพื้นที่รักษาความสงบเรียบร้อย มีดังนี้ 3.1 ห้ามพกพาอาวุธทุกชนิด หรือสิ่งเทียมอาวุธเข้ามาในพื้นที่ 3.2 ห้ามปิดเส้นทางที่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และการดำรงชีวิต 3.3 ห้ามถ่ายภาพฐานปฏิบัติการทางทหาร 3.4 ห้ามทะเลาะวิวาท ดื่มของมึนเมา 3.5 ห้ามนำเครื่องขยายเสียงเข้าในพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปกัมพูชาห้าวมีทั้งโทษคุก–ประหารชีวิตพ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองกำลังบูรพากำหนดแนวทางดำเนินคดี กรณีมีชาวกัมพูชาละเมิดต่อมาตรการดังกล่าว ดังนี้ 1.บุกรุกข้ามเขตแดนเข้ามาฝั่งไทย จะถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง 2.บุกรื้อลวดหนาม มีความผิดฐานทำลายทรัพย์สินราชการ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีการเอาทรัพย์ไปด้วย เช่น ขโมยลวดหนาม จะมีความผิดฐานลักทรัพย์ของทางราชการ หากเข้าข่ายเป็นการกระทบต่อเอกราชของไทย อาจมีความผิดตามมาตรา 119 หรือเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา 119 ประกอบมาตรา 129 ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต หรือเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา 119 ประกอบมาตรา 129 ฐานกระทำการใดๆ ที่ทำให้เอกราชของไทยเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิตขอความร่วมมือเพื่อให้เกิดความสงบรองโฆษกกองทัพบก กล่าวอีกว่า 3.กรณีก่อเหตุทะเลาะวิวาทในพื้นที่ฝั่งไทย หากมีการทำร้ายร่างกาย ฆ่าหรือพยายามฆ่า จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอาญาและจะต้องรับโทษตามบทบัญญัติของกฎหมายอาญาอย่างเคร่งครัด กองกำลังบูรพาขอความร่วมมือจากประชาชนทุกท่านในการปฏิบัติตามข้อกำหนด เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในพื้นที่อธิปไตยของไทย หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่กองกำลังบูรพา อ.วัฒนานคร จ.สระแก้วเผยกัมพูชายังลอบวางทุ่นระเบิดที่ บก.ทบ. เที่ยงวันเดียวกัน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า กองทัพภาคที่ 2 ยังต้องเฝ้าระวังพื้นที่ กำลังพลมีความพร้อมรักษาอธิปไตย ยังมีการลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด หลังมีข้อตกลงหยุดยิง ยังมีการใช้อาวุธทำร้ายฝ่ายไทยถึง 3 ครั้ง การลาดตระเวนแม้เป็นพื้นที่ที่เราควบคุมได้ แต่ยังต้องระมัดระวัง เพราะการข่าวพบว่าฝ่ายกัมพูชายังลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดทำร้ายฝ่ายไทย การคุกคามด้วยโดรนยังมีอยู่ กองทัพบกเน้นการสื่อสารเรื่องการใช้ทุ่นระเบิด เรามีหลักฐานชี้ชัดว่าเป็นการวางใหม่ โดยเฉพาะข้อมูลหลักฐานในโทรศัพท์ของทหารกัมพูชากว่า 20 เครื่อง ที่มีทั้งภาพนิ่ง คลิปภาพการสอนการใช้ทุ่นระเบิด ผู้ที่สืบค้นข้อมูลเชิงลึกให้กับกองทัพ คือ สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม สามารถนำไปยืนยันกับองค์กรต่างประเทศได้ยันไทยเคารพข้อตกลงหยุดยิงเมื่อถามว่าคำสั่งอนุมัติให้ยิงตอบโต้ทันที หากพบทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาวางระเบิด จะสามารถป้องปรามได้หรือไม่ และเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเกิดการยิงสวนกลับมา ทำให้สถานการณ์บานปลาย พล.ต.วินธัยกล่าวว่า อยู่ในเรื่องของกฎการใช้กำลังหรือกฎการปะทะ เนื่องจากมีความชัดเจนว่า ทหารกัมพูชาเข้ามาเพื่อคุกคามชีวิต ทำอันตรายต่อทหารไทย ฉะนั้นแนวทางการป้องกันตัวสามารถทำได้อยู่แล้ว ยอมรับว่าหากฝ่ายไทยยิงตอบโต้ มีโอกาสที่ฝ่ายกัมพูชาจะยิงสวนกลับมา ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะ แต่หากรุกล้ำสิ่งบ่งชี้ทุกอย่างค่อนข้างชัดเจน เข้ามาเพื่อทำอันตรายกับทหารไทย ฉะนั้นหลักของการป้องกันตัว เมื่อภัยคุกคามนั้นมาถึงและกระทบต่อชีวิต หลักทั่วไปของสากล สามารถทำได้ เมื่อถามว่าจะถูกมองว่า ไทยละเมิดการหยุดยิงหรือไม่ พล.ต.วินธัยกล่าวว่า เราเคารพข้อตกลงอย่างเคร่งครัดและให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นการดำเนินการจากรัฐบาล 2 ประเทศ แต่ไม่ปิดโอกาสในการป้องกันตัวเองประกาศอัยการศึกป้องกันจลาจลพล.ต.วินธัยยังกล่าวถึงการประกาศกฎอัยการศึก ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ว่า เป็นมาตรการควบคุมพื้นที่และรักษาความปลอดภัย เนื่องจากในพื้นที่มีแนวโน้มการเกิดจลาจล ถือเป็นมาตรการดูแลการเข้าออกในพื้นที่ ต้องระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะบุคคลที่เป็นประชาชน ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชาหรือไทย อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเผชิญหน้าของประชาชนสองประเทศ จึงค่อนข้างมีความน่ากังวล ยืนยันว่ามวลชนฝ่ายไทย เช่น อินฟลูฯ ขอความร่วมมือได้ ปัจจุบันน่าจะมีการพูดคุยกันอยู่แล้ว ฝั่งไทยไม่มีความน่ากังวลอะไร ทุกคนอยู่ในกรอบยังเข้าออกในพื้นที่ได้ เพียงแต่ให้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยยังไม่มีข้อมูลสร้างรั้วกั้นแดนสระแก้วโฆษกกองทัพบกยังกล่าวถึงการสร้างรั้วชายแดน จ.สระแก้ว ว่า โดยหลัก หากเป็นพื้นที่ที่มี ความเรียบร้อยแล้วสามารถสร้างรั้วได้ ขณะนี้อยู่ที่ว่าหน่วยไหนจะเป็นผู้ปฏิบัติ แต่ในพื้นที่ที่เป็นประเด็น ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่ยังไม่ชัดเจน ไม่มีการยอมรับเส้นปฏิบัติการของทั้งสองประเทศ เรื่องการสร้างรั้วจะเป็นหน้าที่ของกองทัพบก หรือกองทัพไทย ไม่มีข้อมูลรายละเอียด การสร้างรั้วน่าจะมีประโยชน์ โดยเฉพาะการเข้าออกในพื้นที่ที่มีความชัดเจน เท่าที่ติดตามข่าวสารกับกองทัพไทย จะพูดถึงพื้นที่ที่ตกลงกันได้แล้ว จะได้ประโยชน์เรื่องอื่นๆ รวมถึงการกระทำผิดกฎหมายที่ใช้ช่องทางธรรมชาติ ก็พยายามไม่ทำให้มากที่สุดเป็นไปได้หมดใช้กำลังผลักดันกัมพูชาเมื่อถามว่าในพื้นที่บ้านหนองจาน กรณีที่การประชุมทวิภาคีในระดับต่างๆไม่เป็นผล จะสามารถใช้กำลังผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้หรือไม่ พล.ต.วินธัยกล่าวว่า เป็นไปได้หมด พื้นที่ตรงนั้นมีความข้องเกี่ยวกับประชาชนต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบระมัดระวัง เพราะภาพรวม กัมพูชาพยายามใช้เวทีต่างประเทศเป็นเครื่องมือกดดันไทย แต่ยังไม่สามารถทำได้ ฝ่ายไทยมีความพร้อมในทุกเรื่อง เราชี้แจงทุกเรื่องได้ว่า สิ่งที่ได้กระทำไปอยู่บนพื้นฐานความชอบธรรม ฝ่ายทหารเองก็กังวลอยากให้การทำงานมีความสมบูรณ์มากที่สุด ไม่ถูกหยิบยกไปเป็นเงื่อนไขอื่น ที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในอนาคต เพราะจะทำให้บริหารจัดการปัญหาต่างๆได้ยากขึ้นคดีนายกฯไม่กระทบชายแดนพล.ต.วินธัยยังกล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีคลิปเสียงของนายกฯแพทองธาร ชินวัตร จะส่งผลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่าไม่น่าจะกระทบ กองทัพได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายบริหารจากรัฐบาลอยู่แล้ว การทำงานในกรอบฝ่ายทหารเป็นไปตามบทบาทหน้าที่ รัฐบาลคอยให้การสนับสนุนไม่มีผลกระทบอะไรเกี่ยวกับงาน การเมือง เมื่อถามว่ารัฐบาลชุดเดิมหรือรัฐบาลชุดใหม่ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของกองทัพใช่หรือไม่ พล.ต.วินธัยกล่าวว่า ไม่ กองทัพบกไม่เกี่ยวข้องกับงานบริหารทัพภาคที่ 1–2 พร้อมทุกรูปแบบเมื่อถามถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล มีเปลี่ยนตำแหน่งภายในกองทัพบก เช่น แม่ทัพภาคที่ 1-2 จะทำให้เกิดรอยต่อการปฏิบัติงานหรือไม่ พล.ต.วินธัยกล่าวว่า ไม่น่ามีผลกระทบอะไรเพราะกองทัพภาคที่ 1-2-3-4 ต้องปฏิบัติตามนโยบายกองทัพบก การทำงานภายในหน่วยทหารเป็นการทำงานตามตำแหน่ง ใครได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังมีกรอบบทบาทหน้าที่การทำงาน ในฐานะที่เป็น ผบ.กองกำลัง หากเป็นแม่ทัพภาคตำแหน่งความรับผิดชอบอยู่กับตำแหน่งเช่นกัน ฉะนั้นตัวบุคคลไม่มีผลต่อการทำงาน ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะยืดเยื้อไปถึงเมื่อใดตอบยาก ยอมรับว่าสถานการณ์มีความไม่แน่นอน จากช่วงที่สถานการณ์ตึงเครียดมาจะเห็นหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด แต่ไม่ได้น่ากังวล เพราะกองทัพบกมีความพร้อม รวมถึงกองทัพภาคที่ 1-2 ก็มีความพร้อมที่จะเผชิญสถานการณ์ทุกรูปแบบองคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทานวันเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี อ.เมือง จ.สุรินทร์ มี พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 พลตรีสมภพ ภาระเวช ผบ.กองกำลังสุรนารี นายชำนาญ ชื่นตา ผวจ.สุรินทร์ และข้าราชการ ในพื้นที่มาต้อนรับ พล.อ.ไพบูลย์ได้เชิญพระราช กระแสความห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนได้รับทราบ ว่า ทรงติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ตลอดมา ทรงมีความห่วงใยในการทำงาน ตลอดจนความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชนและเจ้าหน้าที่ จากนั้นได้เชิญสิ่งของพระราชทานมอบแก่กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 250 ชุด พร้อมเชิญพระราชกระแสความห่วงใยและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติภารกิจกองกำลังชายแดนในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารีเผยในหลวงทรงห่วงทหารบาดเจ็บจากนั้น พล.อ.ไพบูลย์เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ห้องประชุมเหมมะบุตร กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมรับฟังรายงานผลการปฏิบัติงานและมอบแนวทางนโยบายการปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานในพื้นที่ จากนั้นได้เชิญสิ่งของพระราชทานมอบแก่ทหารที่บาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ รพ.ศูนย์สุรินทร์ รวม 3 นาย มีพลทหารอดิศร ป้อมกลาง สิบเอกอภิวัฒน์ ชาญประโคน และ จ.ส.อ.เชิดชัย ล่ำสัน นอกจากนี้องคมนตรีได้นำพระราชกระแสแสดงความห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวกับเจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บทุกนาย ยังความปลื้มปีติซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้“มาลี” ตวัดลิ้นอ้างไม่หนุนเฟกนิวส์วันเดียวกัน นางมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา แถลงว่า กัมพูชาไม่สนับสนุนการแพร่กระจายข่าวสารปลอม หรือเฟกนิวส์ รวมทั้งไม่ได้เผยแพร่ข่าวสารปลอมใดๆด้วย พร้อมย้ำว่า กัมพูชายึดมั่นตามข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรืออาร์บีซี สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะลดความตึงเครียดระหว่างกันและรักษาสันติภาพ 2 ประเทศแจ้นฟ้องยูเอ็นกล่าวหาไทยยั่วยุด้านนายแก้ว เจีย เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำสหประชาชาติ เข้าพบนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการ UN เพื่อแจ้งสถานการณ์ล่าสุดที่บริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชา นายแก้ว เจีย กล่าวว่า กัมพูชาเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดและใช้ความอดทนอดกลั้น แม้ทหารไทยจะกระทำพฤติการณ์ละเมิดข้อตกลงหลายครั้ง นายแก้ว เจีย ยังแสดงความวิตกต่อความพยายามยั่วยุของไทยช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีที่ทหารไทยติดตั้งรั้วลวดหนามตัดผ่านหมู่บ้านของกัมพูชาและขับไล่ชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่อยู่อาศัยมานาน ทั้งปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทยที่ว่ากัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ โดยระบุว่าเป็นทุ่นระเบิดเก่าสมัยสงครามกลางเมืองกัมพูชาอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่