ปภ.ระดมกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์เครื่องจักรกลเตรียมรับมือพายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” สั่งทุกจังหวัดเฝ้าระวังตามแผนเผชิญเหตุให้การช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชม. เตรียมพร้อมระบบ Cell Broadcast แจ้งเตือนผู้คนในพื้นที่เสี่ยงให้อพยพได้ทันท่วงที กำชับป้องกันพื้นที่สำคัญทั้งโรงพยาบาล ชุมชน ย่าน เศรษฐกิจการค้า อุตุฯชี้พายุขึ้นฝั่งที่เวียดนามตอนบนจะอ่อนกำลังลงก่อนเคลื่อนเข้าสู่ลาวและเข้าไทยที่ จ.น่าน ฝนถล่มหนักถึงวันที่ 27 ส.ค. แจ้งเตือน 16 จังหวัดภาคอีสานตอนบนและภาคเหนือเส้นทางเดินพายุได้รับผลกระทบโดยตรงหน่วยงานทุกภาคส่วนเตรียมพร้อมรับมืออิทธิพล ของพายุ “คาจิกิ” (KAJIKI) หลังจากพายุทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นแล้วส่งผลให้ประเทศไทยเกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเรื่องพายุ “คาจิกิ” และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย ฉบับที่ 9 ระบุว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 24 ส.ค. พายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 450 กม.ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองวิญ ประเทศเวียดนาม ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 150 กม.ต่อ ชม. กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยด้วยความ เร็วประมาณ 20 กม.ต่อ ชม. คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองวิญ ประเทศเวียดนามตอนบน และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนในวันที่ 25 ส.ค. หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันเคลื่อนเข้าสู่ประเทศลาวในช่วงเช้าวันที่ 26 ส.ค. มีแนวโน้มที่จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงและเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยบริเวณ จ.น่าน ในช่วงเย็นวันที่ 26 ส.ค.จากอิทธิพลดังกล่าวทำให้ในช่วงวันที่ 24-26 ส.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรง ส่วนภาคเหนือจะได้รับผลกระทบช่วงวันที่ 25-27 ส.ค. โดยเฉพาะบริเวณที่ใกล้กับเส้นทางเดินพายุ ได้แก่จังหวัดบึงกาฬ หนองคาย นครพนม สกลนคร อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย อุตรดิตถ์ น่าน พะเยา แพร่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน และแม่ฮ่องสอน สำหรับภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากพายุ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสมอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มที่กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เมื่อเวลา 10.00 น. นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การเฝ้าระวังพายุ “คาจิกิ” ที่จะส่งผลให้ช่วงวันที่ 24-27 ส.ค. ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ มีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมวางแผนรับมือนายสหรัฐเผยว่า น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ห่วงใยต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพื้นที่เสี่ยง ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และกรุงเทพมหานคร จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและเตรียมการช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ปภ.แจ้งเตือนประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ และเตรียมพร้อมระบบ Cell Broadcast เพื่อแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้รับทราบสถานการณ์ และสามารถอพยพกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้ทันท่วงที กำชับให้พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ อาทิ โรงพยาบาล พื้นที่ชุมชน พื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ เพื่อลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด พร้อมประสานการปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานในจังหวัดเพิ่มประสิทธิภาพการให้ความช่วยเหลือประชาชนให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วนายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดี ปภ. กล่าวว่า สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตทุกแห่ง ประเมินพื้นที่เสี่ยงและพร้อมในการจัดส่งเครื่องจักรกลสาธารณภัยตามลำดับความเสี่ยงของพื้นที่ สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษในเขตภาคเหนือ สั่งการให้ศูนย์ ปภ.เขต 9 พิษณุโลก เป็นศูนย์รวมทรัพยากรที่ระดมจากศูนย์ ปภ.เขต 2 สุพรรณบุรี และเขต 16 ชัยนาท หากพื้นที่ใดมีสถานการณ์เกิดขึ้นให้เข้าช่วยเหลือทันที ส่วนศูนย์ ปภ.เขตอื่นที่ยังไม่มีสถานการณ์ให้เตรียมพร้อมเข้าสนับสนุนหากได้รับการร้องขอ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็ว ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ ข้อมูลข่าวสาร และการแจ้งเตือนภัยจากทางราชการอย่างใกล้ชิด หากมีประกาศหรือคำเตือนขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากพบเห็นหรือได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทาง Line Official Account “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไปด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.) กล่าวถึงการเตรียมรับมือพายุคาจิกิว่า สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดในฐานะผู้อำนวยการ ปภ.จังหวัด รวมถึง กทม. ประสานการทำงานและติดตามสถานการณ์ร่วมกับ ปภ.อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง พร้อมทั้งมอบหมายให้ ปภ.ตั้งวอร์รูมร่วมกับทุกจังหวัด เพื่อประเมินสถานการณ์ และพร้อมดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุที่มีการซักซ้อมต่อเนื่อง กระทรวงมหาดไทยห่วงใยประชาชน ดำเนินการร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนทุกพื้นที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมงนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กำชับกรมชลประทานเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำหลาก น้ำท่วมขัง ดินโคลนถล่ม รวมถึง น้ำล้นตลิ่ง ตลอด 24 ชม. โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่เสี่ยงภัยเดิมที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากพายุ กรมชลประทานได้พร่องน้ำจากเขื่อนและอ่างเก็บน้ำล่วงหน้าไว้แล้วเพื่อให้สามารถรองรับน้ำฝนที่จะตกลงมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งตรวจสอบและซ่อมแซมอาคารชลประทาน รวมถึงคันกั้นน้ำและประตูระบายน้ำให้พร้อมใช้งาน รวมถึงกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำเพื่อให้ระบายน้ำได้สะดวก นอกจากนี้ยังจัดเตรียมเครื่องจักรกลและเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่เสี่ยงเพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดเหตุฉุกเฉินสำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ขณะนี้มีปริมาณน้ำรวม 50,913 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 67% ของความจุอ่างฯรวมกัน สามารถรับน้ำได้อีก 25,593 ล้าน ลบ.ม. โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีเขื่อนหลัก 4 แห่ง ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกัน 17,527 ล้าน ลบ.ม. หรือ 70% ของความจุอ่างฯรวมกัน สามารถรับน้ำได้อีก 7,344 ล้าน ลบ.ม.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่