ตำรวจไซเบอร์ตะครุบหนุ่มโอปป้า ขับรถเช่าติดตั้งเครื่อง FBS ส่ง SMS แนบลิงก์ดูดเงินเข้ามือถือเหยื่อ ตระเวนตามถนนสายหลักทั่วกรุงเน้นย่านเศรษฐกิจสำคัญมีผู้คนพลุกพล่าน หากหลงเชื่อกดเข้าไปดูอาจสูญเงินในบัญชีหมดตัว ผู้ต้องหาอ้างมีบอสชาวจีนว่าจ้างวันละ 1 แสนวอน ย้ำธนาคารหรือศูนย์การค้าจะไม่ส่งลิงก์ขอข้อมูลส่วนบุคคลเด็ดขาด แนะให้ชาวบ้านรู้จักสังเกต หากเป็น SMS ปลอม สัญญาณโทรศัพท์จะลดคุณภาพลง จาก 5G เหลือ 3G และไม่ได้มาจากเครือข่ายผู้ให้บริการที่เป็นเจ้าของเบอร์ตัวจริงที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 20 ส.ค. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ ผบก.อก.สอท. พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด รอง ผบก.สอท.1 พ.ต.ท.เรืองกฤษณ์ ศิริมาจันทร์ รอง ผกก.2 บก.สอท.1 พ.ต.ท.ชูเกียรติ ชาตะรูปะ สว.กก.2 บก.สอท.1 นายวิสิษฐศักดิ์ เจริญไชย ผจก.องค์กรสัมพันธ์ AIS ร่วมแถลงปฏิบัติการรวบหนุ่มเกาหลีใต้ เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ติดตั้งเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) หรือ FBS ขับรถตระเวนส่ง SMS ปลอมแนบลิงก์ดูดเงินพล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค. และ 16 ส.ค. ตำรวจไซเบอร์จับผู้กระทำผิด 2 ราย ติดตั้งเครื่อง FBS ไว้ในรถยนต์ ตระเวนส่ง SMS แนบลิงก์เข้าสู่เว็บไซต์ปลอม เพื่อหลอกประชาชนให้สูญเสียทรัพย์สิน รายแรกจับได้ในปั๊มน้ำมัน ถนนสิรินธร แขวงและเขตบางพลัด กทม. รายที่ 2 จับได้ที่ถนนข้าวสาร พื้นที่ สน.ชนะสงคราม ทั้ง 2 รายอ้างมีนายทุนชาวจีนว่าจ้าง ต่อมาชุดสืบสวน กก.2 บก.สอท.1 พบคนร้ายติดตั้งเครื่อง FBS ไว้ในรถยนต์ ขับตระเวนกระจายสัญญาณไปตามพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณที่มีผู้คนพลุกพล่าน เจ้าหน้าที่เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบผบช.สอท.กล่าวต่อว่า กระทั่งวันที่ 19 ส.ค. เวลา 11.00 น. ตรวจพบสัญญาณคลื่นความถี่ที่ผิดปกติจากรถเก๋งโตโยต้า ยาริส เอทีฟ สีขาว ทะเบียน ขต 1160 อุบลราชธานี สะกดรอยตามไป ระหว่างนั้นตำรวจหลายนายได้รับ SMS แนบลิงก์เข้าสู่เว็บไซต์ปลอม เมื่อรถคนร้ายมาถึงแยกประชา สงเคราะห์ มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เจ้าหน้าที่เข้าสกัดรถต้องสงสัยเพื่อตรวจค้น พบนายโดฮยอง คิม อายุ 35 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ขับรถมาคนเดียว บนเบาะหลังและห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ พบกล่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กำลังทำงานอยู่ เชื่อมต่อกับเครื่องจ่ายไฟเคลื่อนที่ (Power Station) ประสานทีมวิศวกรรม AIS ร่วมตรวจสอบ เป็นเครื่อง FBS ดัดแปลงการส่งสัญญาณในคลื่นความถี่ต่างๆเข้าอุปกรณ์มือถือที่อยู่ในรัศมี 3 กม. พร้อมอุปกรณ์กระจายสัญญาณ 1 กล่อง และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง ตรวจสอบข้อมูลในมือถือของนายโดฮยอง คิม พบข้อความสนทนากับผู้สั่งการชาวจีน ผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรมสอบสวนนายโดฮยอง คิม ให้การยอมรับว่า มีบอสชาวจีนว่าจ้างให้นำอุปกรณ์กระจายสัญญาณไปติดตั้งในรถ และให้ขับรถตระเวนส่ง SMS แนบลิงก์ดูดเงิน เลือกจุดที่มีผู้คนพลุกพล่านตามที่ชาวจีนกำหนด รถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถเช่า ทำมาแล้ว 3 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.-19 ส.ค. ได้ค่าตอบแทนวันละ 1 แสนวอน หรือประมาณ 2,339 บาท แต่เริ่มต้นครั้งแรก นายจ้างได้จ่ายเงินให้รายสัปดาห์ จำนวน 550 ยูเอสดอลลาร์ หรือราว 17,869 บาท“การก่อเหตุในลักษณะที่ทำเป็นขบวนการ มีความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร และเข้าข่ายความผิดอีกหลายข้อหา หากพบร่วมกับคนร้ายที่อยู่ต่างประเทศ จะมีความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ สำหรับเครื่อง FBS ไม่มีจำหน่ายในไทย ผู้ใดนำเข้าหรือครอบครอง มีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ในระยะ 3 สัปดาห์ ตำรวจไซเบอร์จับผู้ต้องหาลักษณะนี้ได้แล้ว 3 ราย สาเหตุหนึ่งเกิดจากช่วงนี้คนไทยข้ามไปกัมพูชาลำบากขึ้น ขบวนการคอลเซ็นเตอร์และบัญชีม้าทำได้ยาก ต้องมาใช้วิธีจ้างคนตระเวนส่งลิงก์ดูดเงินแทน ฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง หากหลงเชื่ออาจสูญเงินในบัญชีหมดตัว ย้ำว่าธนาคารหรือศูนย์การค้าจะไม่ส่งลิงก์ใดๆเพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคลเด็ดขาด ถ้าพบข้อความต้องสงสัย แจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนศูนย์ AOC 1441 หรือสายด่วน 191” พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวพล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวอีกว่า ตำรวจไซเบอร์อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลไปยังนายทุนชาวจีนดังกล่าว และหาความเชื่อมโยงไปยังกลุ่มผู้ก่อเหตุที่เคยจับได้ก่อนหน้านี้ว่าเป็นขบวนการเดียวกันหรือไม่ เครื่อง FBS สามารถเปลี่ยนชื่อผู้ส่ง (Sender Name) ให้เหมือนข้อความจริงได้ และตัดสัญญาณเครือข่ายมือถือจริงของเหยื่อ ก่อนส่งข้อความปลอมให้ สังเกตได้จากสัญญาณโทรศัพท์จะลดคุณภาพลงอย่างรวดเร็วจาก 5G ลงมาเหลือ 3G หรือต่ำกว่าภายในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้น เมื่อได้รับข้อความ SMS ต้องสังเกตว่าเป็นข้อความจากเครือข่ายผู้ให้บริการมือถืออื่นที่ไม่ได้ใช้บริการ เช่น ใช้ AIS แต่มี DTAC ส่งมา หรือมีการแนบลิงก์มาด้วยหรือไม่อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่