เผยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงติดตามสถาน การณ์ชายแดนไทย-กัมพูชามาตลอด เตรียม พระราชทานเหรียญกล้าหาญแก่เหล่านักรบผู้กล้าที่ร่วมปฏิบัติการสู้ศึกครั้งนี้ “มาระตี” จี้ประชาคมโลกทบทวนความช่วยเหลือกัมพูชาเรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังพบคลิปวิดีโอหลักฐานชัดเจน กัมพูชาลอบวางระเบิดในไทยและยังมีความพยายามบิดเบือนใส่ร้ายว่าไทยจัดฉาก ให้นักแสดงไทยนำชุดทหารกัมพูชามาสวมใส่แสดงละคร ขอประชาชนร่วมมือช่วยกันแชร์ข่าวตอบโต้กัมพูชาหนักๆ ด้านคณะทูตทหารอาเซียน 8 ชาติยังลงพื้นที่เป็นวันที่ 3 ร่วมพิสูจน์กัมพูชาละเมิดหยุดยิงชายแดนไทย ฝ่าฝืนกฎหมายมนุษยธรรม ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ รัฐบาลแถลง 7.7 แสนชีวิตได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐช่วยเหลือเยียวยาแล้วกว่า 145,000,000 บาทคณะผู้สังเกตการณ์ที่เป็นทูตทหารจาก 8 ประเทศอาเซียน ลงพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นวันที่ 3 เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ตรวจสอบข้อเท็จจริงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้านผู้ช่วยทูตทหารประเทศมาเลเซียประจำประเทศไทยที่เป็นหัวหน้าคณะถึงกับอึ้งระบุมีหลายอย่างที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ขณะที่กัมพูชายังทำตัวปากกล้าแต่ขาสั่น ใส่ร้ายไทยว่าจัดฉาก หลังไทยพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชา ที่มีคลิปวิดีโอยืนยันชัดเจนเรื่องการลอบวางทุ่นระเบิดยันทหารกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 ส.ค.พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. แถลงสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ตามแนวชายแดนทั่วไปไม่ปรากฏเหตุการณ์ที่มีนัยสำคัญ สถานการณ์ทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ ช่วงที่ผ่านมาประชาชนอาจเห็นการตรวจพบโทรศัพท์มือถือของฝ่ายกัมพูชา กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันว่าทหารกัมพูชาลักลอบการใช้ทุ่นระเบิดสังหารชนิด PMN-2 ที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ที่ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ตรวจพบเมื่อวันที่ 19 ส.ค.หลักฐานชัดกัมพูชาพูดสาธิตใช้พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวต่อว่า โทรศัพท์มือถือที่พบเป็นของทหารกัมพูชาทิ้งไว้ในพื้นที่ มีคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดพร้อม ในคลิปมีเสียงพูดเป็นภาษากัมพูชาคาดว่าเป็นการสาธิตการใช้งานของทุ่นระเบิด ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย ในโทรศัพท์ยังระบุวันเวลา สถานที่และโลเกชันชัดเจน นับเป็นพยานหลักฐานที่ยืนยันการละเมิดข้อตกลงการใช้ทุ่นระเบิดขัดต่อสัญญาระหว่างประเทศร้ายแรง กองทัพส่งให้กระทรวงการต่างประเทศนำไปเป็นหลักฐานประกอบเพื่อยืนยันการละเมิดข้อตกลงของกัมพูชา ที่จะนำเข้าในที่ประชุมคณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวา ในวันที่ 22 ส.ค. การปฏิบัติการดังกล่าวถือเป็นการปฏิบัติตามข้อตกลงคณะกรรมการชายแดนทั่วไปหรือ GBC ที่ไทยและกัมพูชาได้ลงนามไว้IOT เห็นหมดวิถียิง-ทุ่นระเบิด-ส่งศพคืน พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวอีกว่า ระหว่างวันที่ 18-20 ส.ค.คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวหรือ IOT ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ ฟังการชี้แจงแนวทางการยิงของฝ่ายกัมพูชาโดยอาวุธจรวด BM-21 เข้ามาในฝั่งไทยทำให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตามที่ปรากฏเป็นข่าว รวมถึงลงพื้นที่ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดและมีการตรวจพบทุ่นระเบิด ให้ได้เห็นถึงการปฏิบัติงานของฝ่ายไทย ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ที่มีการตรวจพบดังกล่าวด้วย รวมทั้งยังเห็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยช่วยเหลือส่งศพทหารกัมพูชาที่ตกค้างในพื้นที่เดิมและกัมพูชาปฏิเสธที่จะรับศพต่างๆกลับไปยังประเทศ แต่หลังจากเรามีการเจรจาทั้งสองฝ่ายเรียบร้อยแล้ว ขอให้ฝ่ายกัมพูชายอมรับนำศพกลับไป เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยช่วยเหลือเก็บกู้ศพและส่งคืนไปยังกัมพูชาแล้วสังเกตการณ์ควบคุม 18 เชลยโฆษก ศบ.ทก.กล่าวด้วยว่า วันนี้ (20 ส.ค.) คณะ IOT จะไปสังเกตการณ์การควบคุมเชลยศึก 18 คนตามอนุสัญญาเจนีวา เมื่อเสร็จสิ้นการเดินทางและสังเกตการณ์ของคณะ IOT ฝ่ายไทยโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จะประชุมส่งผลการปฏิบัติในวันที่ 21 ส.ค. รวมทั้งจัดตั้งสำนักงานประสานงานกับคณะผู้สังเกตการณ์ที่กองบัญชาการกองทัพไทย คณะผู้สังเกตการณ์จะนำข้อมูลที่ได้ไปนำเรียนในสายงานกองทัพของตนเอง ปัจจุบันคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนดังกล่าวจะใช้สำนักงานคณะผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทยในการประสานซัดใช้เจตนาดีมาทำร้ายไทยพล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องพื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เดิมเคยเป็นพื้นที่พักพิงชั่วคราวที่ฝ่ายไทยให้ชาวกัมพูชาที่หนีภัยสู้รบจากสงครามฆ่าล่างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชาได้พักอาศัย เมื่อสถานการณ์สิ้นสุดลงผู้อพยพส่วนใหญ่เดินทางกลับ แต่มีบางส่วนค้างอยู่ในพื้นที่และขยายเป็นชุมชนรุกล้ำแผ่นดินไทย เป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจปี 2543 อย่างชัดเจน เราใช้เวลากว่า 10 ปีในการแก้ปัญหา ประท้วงไปยังกัมพูชาหลายครั้ง แต่ฝ่ายกัมพูชากลับใช้ประชาชนเป็นกำแพงมนุษย์ เข้ามารุกล้ำเขตอธิปไตยของไทยอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายและยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดบริเวณชายแดน บิดเบือนนำความช่วยเหลือของไทยไปบุกรุกพื้นที่อธิปไตยของไทย ทำให้คนไทยที่เคยทำมาหากินในพื้นที่ต้องออกจากพื้นที่ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่จริงใจของฝ่ายกัมพูชา และเจตนาร้ายในการรุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน ยืนยันว่าการติดตั้งแนวเครื่องกีดขวาง เป็นสิทธิในการปกป้องและคุ้มครองความปลอดภัยให้กับประชาชนคนไทย ป้องกันการลุกลามไม่ให้เข้ามาและป้องกันการลักลอบวางทุ่นระเบิดจากฝ่ายกัมพูชาจี้ประชาคมโลกทบทวนช่วยเหลือด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การลงพื้นที่ของคณะผู้แทนจากต่างประเทศครั้งนี้ ย้ำชัดว่าไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไม่มีอะไรที่จะปิดบังและสะท้อนว่าฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง กำลังเล่นละครฉากใหญ่โดยอ้างเป็นผู้ถูกกระทำอย่างไร้หลักฐานมาโดยตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่าประชาคมระหว่างประเทศจะพิจารณาทบทวนความช่วยเหลือที่ให้กับกัมพูชา เรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและร่วมกดดันให้กัมพูชาปฏิบัติตามพันธกรณีในฐานะรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชาคลิปชัดเจนฟ้องกัมพูชาได้อย่างดีนางมาระตีแถลงอีกว่า ส่วนรายงานข่าวเรื่องคลิปวิดีโอ ภาพทหารกัมพูชากำลังวางทุ่นระเบิดในไทย ก็ยังมีความพยายามบิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชาว่า เป็นนักแสดงไทยที่นำชุดทหารกัมพูชามาสวมใส่และแสดงละคร ขอให้ชาวไทยมั่นใจว่าภาพในคลิปวิดีโอนั้นเป็นภาพเหตุการณ์จริง และจะนำไปประกอบเป็นหลักฐาน ข้อมูลที่ฝ่ายไทยจะนำไปชี้แจงฟ้องกัมพูชาได้อย่างดี ในกรอบของอนุสัญญาออตตาวา ที่ กต.กำลังเดินเรื่องอยู่ วันที่ 22 ส.ค.จะมีการประชุมของคณะกรรมการของกรอบอนุสัญญาออตตาวา ที่ดูแลเรื่องของการปฏิบัติตามอนุสัญญาเป็นการเฉพาะ คณะกรรมการได้ประชุมก่อนหน้านี้หลายรอบแล้ว เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ณ นครเจนีวา จะเข้าร่วมและนำเสนอข้อเท็จจริง ข้อมูล หลักฐานทั้งหมดที่ฝ่ายไทยเก็บมา เพื่อที่จะเป็นข้อมูลชี้แจงที่มีน้ำหนักขอ ปชช.แชร์ข่าวตอบโต้จัดฉากนางมาระตีกล่าวอีกว่า ขอความร่วมมือประชาชน สื่อมวลชนทุกคน ให้ระมัดระวังการนำเสนอข่าวบิดเบือน ช่วยกันแชร์ข้อมูลชี้แจงตอบโต้ข่าวบิดเบือนที่ทางราชการจัดทำไว้ เพื่อตอบโต้เรื่องการจัดฉากที่นำเสนอโดยฝ่ายกัมพูชา เช่น กรณีบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่กองทัพบกได้ชี้แจงข้อเท็จจริงไปแล้วและ กต.ออกแถลงการณ์เสริมชี้แจง แต่ฝ่ายกัมพูชากลับบิดเบือนประเด็นนี้และเจตนายั่วยุให้เกิดความเข้าใจผิด ความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้น เป็นสิ่งที่สองฝ่ายไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง จริงๆตอนนี้เราควรต้องช่วยกันแก้ไขปัญหา หาทางออกร่วมกันด้วยสันติวิธี ขอฝากความหวังไว้กับพี่น้องที่เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (อาร์บีซี) อีกไม่กี่สัปดาห์จะเป็นการประชุมคณะกรรม การชายแดนทั่วไป (จีบีซี) เรื่องนี้ ช่วยกันหารือในประเด็นเรื่องของข่าวปลอมเป็นการเฉพาะ เพื่อที่จะสามารถลดระดับความตึงเครียดต่อไปได้ยัน รบ.เดินหน้าเยียวยาเหตุชายแดนที่ทำเนียบรัฐบาล ช่วงเที่ยง น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงความคืบหน้า การดำเนินการตามมติ ครม.เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า การเยียวยาเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯเร่งจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกคน กระทรวงมหาดไทยอนุมัติเงินทดรองราชการ ช่วยผู้ประสบภัยพิบัติรวมกว่า 145,000,000 บาท ส่วนมาตรการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ กระทรวงพาณิชย์เพิ่มช่องทางการตลาดและการค้าชายแดน ช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ สิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ได้แก่ 1.เรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมายระหว่างประเทศต่อผู้ทำความผิด 2.เก็บกู้วัตถุระเบิดและตรวจสอบการใช้โดรนที่ผิดปกติ รวมถึงจัดพื้นที่ปลอดภัยสำหรับรองรับการเคลื่อนย้ายของประชาชน เมื่อมั่นใจว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย 100% แล้ว หน่วยงานด้านความมั่นคงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิดอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันอันตราย พร้อมบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่ใช้โดรนหรือฝ่าฝืนข้อห้ามที่ทางราชการประกาศไว้ และมีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยตั้งแต่เกิดเหตุกระทบ 7.7 แสนชีวิตน.ส.ศศิกานต์กล่าวอีกว่า การรายงานสถานการณ์ล่าสุด กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.มีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 7 จังหวัด 45 อำเภอ 336 ตำบล 4,081 หมู่บ้าน รวม 262,551 ครัวเรือน หรือกระทบประชาชน ประมาณ 779,000 คน บ้านเรือนเสียหาย 705 หลัง ซ่อมแซมไปแล้วประมาณ 331 หลัง ด้านงบประมาณการช่วยเหลือฉุกเฉิน รัฐบาลได้อนุมัติการใช้จ่ายเงินทดลองราชการไว้ที่ ผวจ.รวม 201 ล้านบาท ครอบคลุมค่าอาหารค่าที่พักพิง ค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ค่ารักษาพยาบาล การจัดการศพ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ ส่วนการเยียวยาผู้ประสบภัย ดำเนินการแล้วรวม 17,675,559 บาท รัฐบาลสนับสนุน สิ่งของบรรเทาทุกข์ประมาณ 2,000,000 หน่วย ไม่ว่าจะเป็นอาหารกล่อง น้ำดื่ม ถุงยังชีพ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องจักรกลสาธารณภัย เช่น รถกู้ภัยรถผลิตน้ำดื่ม รถประกอบอาหารลงพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เยาวชนพระราชทานเหรียญกล้าหาญอีกด้านวันเดียวกัน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงติดตามสถานการณ์มาตลอด กรณีที่เกิดความสูญเสีย ได้พระราชทานความช่วยเหลือ ล่าสุดรองราชเลขานุการในพระองค์ประสานมายังกระทรวงกลาโหมและตนว่า ทรงห่วงใยเรื่องการพระราชทานเหรียญกล้าหาญ เรื่องนี้กระทรวงกลาโหมเร่งรัดที่จะขอพระราชทานเหรียญให้กับทหาร ทหารพราน ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ร่วมปฏิบัติการสู้ศึกครั้งนี้ หลักเกณฑ์จะคล้ายกับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การขอเหรียญกล้าหาญมีกำลังพลเข้าปฏิบัติการจำนวนมาก กระทรวงกลาโหม จะรวบรวมเสนอไปในคราวเดียวกันเพื่อขอพระ ราชทาน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่พระองค์ทรงห่วงใยกำลังพลที่ปฏิบัติงานอยู่เร่งดำเนินการคาดเดือน ก.ย.เรียบร้อยสำหรับเหรียญกล้าหาญที่ขอพระราชทาน พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า จะไปถึงขั้นรามาธิบดีและเหรียญทุกระดับที่สามารถให้ได้ตามความเหมาะสม แต่เนื่องจากมีกำลังพลจำนวนมาก ได้ให้แนวทางไปว่า ให้ขอไป 2 ลักษณะ คือ ลักษณะเป็นบุคคล สำหรับบางคนที่มีความกล้าหาญดีเด่น แต่ถ้าหน่วยใดที่ปฏิบัติการเป็นหน่วยและมีความกล้าหาญ จะพระราชทาน เหรียญกล้าหาญประดับบนธงชัยเฉลิมพล เพื่อเป็นเกียรติยศกับกำลังพลหน่วยนั้นทั้งหน่วย ขณะนี้กำลังพิจารณาด้วยความรอบคอบ จะต้องไม่มีเรื่องที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท กรณีที่พระองค์ท่านพระราชทานมาแล้ว ดังนั้นแม้จะเร่งรัดทำแต่ก็ต้องรอบคอบด้วย คาดว่าต้นเดือน ก.ย.จะเรียบร้อยส่งคลิปกัมพูชาวางทุ่นฟ้องนานาชาติพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ยังกล่าวถึงกรณีกองทัพเรือพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชา ที่มีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอการลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2 รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรต่อ ว่า เราเผยแพร่ให้สังคมโลกรับทราบว่าห้วงเวลาดังกล่าว แม้รัฐบาลจะแสดงความจริงใจด้วยการหยุดยิง แต่กำลังพลหน้างานในพื้นที่ยังยั่วยุฝ่าฝืน ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ แสดงว่าหากกัมพูชามีความจริงใจ ก็แปลว่าทหารเขาไม่มีวินัย แต่หากพิสูจน์ได้ว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจต้องว่ากันอีกที อีกเรื่องที่ทำคือคณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวา ที่ควบคุมเรื่องทุ่นระเบิดที่มีคณะกรรมการใหญ่อยู่ที่กรุงเจนีวา เรามีผู้แทนถาวรจากกระทรวงการต่างประเทศอยู่ที่นั่นคอยติดตาม จะมีการประชุมประมาณเดือน พ.ย.-ธ.ค. ขณะที่กลไกการประชุม GBC พยายามพูดคุยด้วยข้อมูลข่าวสาร สภาพสังคม สภาพแวดล้อมน่าจะกดดันกัมพูชาได้มากพอสมควรในการประชุมจีบีซีรอบหน้า เราจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอีกว่าเรื่องกับดักทุ่นระเบิดจะทำอย่างไรยึดมั่นในความจริงสู้เฟกนิวส์เมื่อถามว่ากัมพูชาอ้างว่าคลิปวางทุ่นระเบิดที่ออกมาเป็นการจัดฉากของฝ่ายไทย พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตราบใดก็ตามที่เรายึดมั่นในข้อเท็จจริง เครดิตจะเป็นสิ่งที่สังคมเชื่อถือ ลักษณะเช่นนี้ชาวโลกจะเชื่อใคร ระหว่างไทยกับกัมพูชา เราต้องไม่เอาเฟกนิวส์ไปสู้กับเฟกนิวส์ เพราะเราจะเสียเครดิตไปด้วย อาจจะช้าไปบ้างแต่เราต้องตรวจสอบ เราไม่สามารถสวนได้ทันที การใช้ความจริงสู้เฟกนิวส์คือเครดิต แม้กระทั่งการทำงานของสื่อมวลชนถ้าสำนักไหนบิดเบือน เราจะเชื่อถือหรือไม่ ประชาชนจะมีดุลพินิจว่าจริงหรือไม่จริง หลักของ ศบ.ทก.คือการยึดถือความจริงไปสู้เฟกนิวส์ ตามที่สื่อได้เห็น “Peace come from Truth” หลักฐานคลิปวิดีโอจะถูกส่งไปให้ประเทศที่สนับสนุนงบประมาณประเทศกัมพูชา ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้วยหรือไม่เพื่อตัดงบประมาณ กระทรวงการต่างประเทศก็ทำอย่างนั้น การตัดสินใจหรือการตกลงใจของแต่ละประเทศ เขาต้องรอฟังให้ชัดมั่นใจว่าข้อมูลของไทยน่าเชื่อถือ เพราะความจริงอย่างไรก็บิดเบือนไม่ได้อยู่แล้วยันกัมพูชาคุม ARMAC ไม่มีปัญหาเมื่อถามเรื่องศูนย์อาเซียนเพื่อความร่วมมือด้านการปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม หรือ ARMAC มีประธานเป็นชาวกัมพูชา จะไม่มีปัญหาเรื่องความร่วมมือใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ยังมีอีก 9-10 ประเทศสมาชิก เป็นชาติอื่น ประธานชาวกัมพูชาคงไม่สามารถมาควบคุม ARMAC ได้ทั้งหมด การสู้ด้วยความจริง ด้วยกฎหมาย ด้วยความถูกต้องอาจจะยากแต่ยั่งยืน“ภูมิธรรม” ไม่รู้ธุรกิจ “ฮุน เซน” ในไทยที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีทางการไทยจะฟ้องทางแพ่งและอาญากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา จะกระทบต่อการทูตระหว่างสองประเทศ เพื่อสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นหรือไม่ ว่า ขณะนี้ขอบเขตประเทศเราดำเนินการฟ้องตามที่เป็นข่าว ส่วนเรื่องการต่างประเทศ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเป็นความสัมพันธ์ที่เกี่ยวกับการฟ้องร้อง ให้ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงการต่างประเทศและสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กระทรวงกลาโหม หารือกัน เมื่อถามว่าสมเด็จฮุน เซน และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทำธุรกิจอะไรส่วนตัวในประเทศไทยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ทราบ เดี๋ยวต้องไปเช็กดูส่งอินเตอร์โพลดูรายละเอียดเมื่อถามว่าการจะฟ้องอาญาศาลไทยได้ จะต้องนำตัวสมเด็จฮุน เซน และนายฮุน มาเนต มาฟ้องต่อศาลไทยเหมือนที่ตำรวจเตรียมประสานองค์การตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ออกหมายแดงนำตัวก๊ก อาน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติชาวกัมพูชารายใหญ่ มาดำเนินคดี นายภูมิธรรมกล่าวว่า ว่าไปตามกระบวนการทางกฎหมาย สามารถฟ้องได้ตามขอบเขตกฎหมาย เมื่อถามย้ำว่าจะส่งเรื่องให้อินเตอร์โพลให้จับสมเด็จฮุน เซน และนายฮุน มาเนต หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียด ให้ตำรวจสอบสวนก่อน ถ้าทำอะไรได้ก็จะทำตามที่ตกลงไว้ผู้สังเกตการณ์ยึดทหารประจำอาเซียนนายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องชายแดนว่าไปตามกระบวนการ เมื่อวันที่ 19 ส.ค. นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน โทรศัพท์มาบอกว่าจะขอเพิ่มผู้สังเกตการณ์ ได้แจ้งไปว่าขอให้เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ คือทูตทหารประจำอาเซียน ถ้าไม่พอขอให้ใช้บุคลากรในสถานทูตก่อน แต่การที่จะเอาบุคคลภายนอกหรือจากต่างประเทศเข้ามา เราไม่เห็นด้วย ขอให้ทำเรื่องนี้ไปก่อน ถ้ามีปัญหาอะไร ขอไปคุยกันในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไทย (จีบีซี) วันที่ 8-10 ก.ย. ที่ประเทศกัมพูชาจับโป๊ะทหารกัมพูชาในคลิปมือถือที่พบผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากกรณีชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ที่สนับสนุนการปฏิบัติงานการเก็บกู้ กวาดล้างฯ พบโทรศัพท์ของทหารกัมพูชา ที่ทิ้งไว้ในซอกหินบนพื้นที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ นำมาใส่แบตเตอรี่และตรวจสอบภาพที่อยู่ในโทรศัพท์ พบคลิปวิดีโอและภาพถ่าย ทหารกัมพูชาถือทุ่นระเบิด PMN-2 ในคลิปพูดภาษากัมพูชาคาดเป็นการแนะนำการใช้งาน ก่อนลักลอบนำไปฝังดิน ต่อมาเฟซบุ๊กเพจ Fresh News International ที่เป็นสื่อกัมพูชา โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า ไทยจัดฉากภาพถ่ายและวิดีโอการวางทุ่นระเบิดเพื่อใส่ร้ายกล่าวหากัมพูชา ต่อมาเฟซบุ๊กเพจกองทัพบกทันกระแสโพสต์ภาพพร้อมข้อความเปรียบเทียบชี้ให้เห็น ว่า ภาพทหารกัมพูชาที่กำลังวางทุ่นระเบิด กับภาพทหารกัมพูชา ที่เคยถ่ายไว้ระหว่างลาดตระเวนร่วมกับทหารไทยในอดีต มีนายทหารกัมพูชาคนหนึ่งร่วมเฟรมด้วยทั้ง 2 ภาพ คือ ร.ต.อุม เซ็ง มีชื่อปักที่หน้าอกเสื้ออย่างชัดเจน ทั้งนี้ เพจกองทัพบกทันกระแสโพสต์ว่า เห็นยืนอยู่ใกล้ๆไว้ใจไม่ได้เลย หลักฐานใหม่ไทยไม่ได้จัดฉาก! มาลีๆๆๆมาดูนี่ ภาพถ่ายทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่เคยลาดตระเวนร่วมกัน โป๊ะ!! คนเดียวกับในรูป/คลิป8 ประเทศลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ที่ จ.สุรินทร์ เช้าวันเดียวกันนี้ กองทัพไทยนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) จาก 8 ประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตรวจสอบข้อเท็จจริงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เป็นวันที่ 3 มีผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทยเป็นหัวหน้าคณะ เริ่มจากตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกองกำลังสุรนารี (กองทัพภาคที่ 2) มีคณะจากกองทัพบกนำโดย พล.ท.อนุภาพ ศิริมณฑล รองเสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก นำคณะพร้อมสื่อมวลชนต่างประเทศ เข้าร่วมรับทราบการสังเกตการณ์ด้วย จุดแรกคือสถานที่ควบคุมเชลยศึกเพื่อยืนยันว่าการปฏิบัติของไทยเป็นไปตามหลักมนุษยธรรมสากลและอนุสัญญาเจนีวา ต่อมาคณะทั้งหมดเดินทางไป รพ.พนมดงรัก ตรวจสอบผลกระทบจากการโจมตีด้วยจรวด BM-21 ของกัมพูชา แล้วไปติดตามการเก็บกู้วัตถุระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาตกในพื้นที่ชุมชนบ้านโนนมะยาง ต.ตาเมียง และไปช่องจุ๊บตาโมก ใกล้ปราสาทตาเมือนธม ตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ทหารพรานไทยเหยียบกับระเบิดเมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 หลังการหยุดยิง ตอกย้ำว่าฝ่ายกัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่องอึ้งหลายสิ่งไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นด้านผู้ช่วยทูตทหารประเทศมาเลเซียประจำประเทศไทย หัวหน้าคณะ กล่าวว่า ขอขอบคุณกองบัญชาการกองทัพไทยและกองทัพบกไทยที่ให้คณะเข้ามาตรวจสอบสถานที่จริงว่าเกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้มาจับผิดว่าใครผิดใครถูก แต่มาเพื่อรับทราบความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเพื่อนำเรียนต่อไป ถามว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้มีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นไหม ก็มีหลายอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น สำหรับการเยือนจะไม่ใช่ที่เดียว จะมีอีกหลายที่ต่อไปกต.ผิดหวังกัมพูชาไม่จริงใจหยุดยิงที่กระทรวงการต่างประเทศ ช่วงเย็น นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า การลงพื้นที่ของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวอาเซียน (IOT) ที่เป็นทูตทหารจาก 8 ประเทศ ในจ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 18-20 ส.ค. โดยในห้วง 3 วัน คณะ IOT ได้สังเกตการณ์การปฏิบัติงานของหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม เมื่อเช้าวันที่ 20 ส.ค. ได้ไปตรวจที่สถานที่ควบคุมตัวเชลยกัมพูชา 18 คน สำรวจ รพ.พนมดงรัก ที่ได้รับผลกระทบการโจมตีไม่เลือกเป้าหมายของฝ่ายกัมพูชา สำหรับการลงพื้นที่บริเวณช่องอานม้า ทราบว่ามีเหตุการณ์ทหารกัมพูชาพยายามขัดขวาง ฝ่ายไทยขอแสดงความผิดหวังอย่างยิ่งสะท้อนถึงความไม่จริงใจในการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงคณะ IOT เห็นกับตาไทยไม่จัดฉากนายนิกรเดชกล่าวอีกว่า ฝ่ายไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้จะทำให้คณะผู้สังเกตการณ์เห็นหลักฐานด้วยตาตัวเองที่ไม่มีการจัดฉากและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ต่างจากฝ่ายกัมพูชาที่พยายามจัดฉากเหตุการณ์ปล่อยข่าวบิดเบือนต่อเนื่อง ไทยยืนยันยึดมั่นแก้ไขปัญหาโดยสันติผ่านกลไก RBC, GBC และ JBC แต่น่าเสียดายล่าสุดวันที่ 15-16 ส.ค. กองบัญชาการป้องกันชายแดนจ.จันทบุรีและตราดของไทยกับภูมิภาคทหารที่ 3 ของกัมพูชา ได้จัดประชุม RBC สมัยวิสามัญฝ่ายกัมพูชายังคงไม่ตอบรับ 2 ข้อเสนอฝ่ายไทยคือ การเก็บกู้ทุ่นระเบิดและการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ไทยคงพร้อมจะเข้าร่วมประชุมกรอบ RBC และ GBC และยังคงผลักดันการเก็บกู้ทุ่นระเบิดคลิปกัมพูชาวางระเบิดหลักฐานชั้นดีนายนิกรเดชแถลงว่า ส่วนกรอบพหุภาคีเรื่องการวางระเบิดของกัมพูชารัฐบาลไทยก็ทำเต็มที่และต่อเนื่อง โดยมีหนังสือถึงประธานการประชุมภาคีอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 ทั้งสิ้น 4 ฉบับ นับตั้งแต่ทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด และเอกอัครราชทูตประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ได้ชี้แจงรายละเอียดการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาต่อคณะกรรมการแล้ว โดยจะเข้าพบกับคณะกรรมการอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 22 ส.ค. เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงและหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อเรียกร้องให้กัมพูชายุติการละเมิดพันธกรณีและแสดงความรับผิดชอบ การที่กองทัพออกมาเผยแพร่คลิป ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะเป็นหลักฐานได้อย่างดี ในกรอบอนุสัญญาออตตาวา ที่กระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการเพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงและหลักฐานเพิ่มเติมที่เห็นได้จากพฤติการณ์และหลักฐานที่ชัดเจนในการลักลอบเข้ามาวางระเบิดในแผ่นดินไทย แสดงถึงความไม่จริงใจของกัมพูชา ที่น่าผิดหวังอย่างยิ่งเรียกร้องหยุดบิดเบือนไทยสุดอดกลั้นนายนิกรเดชกล่าวว่า การบิดเบือนข้อมูลข่าวสารของกัมพูชารวมถึงกรณีพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เราคงยังเห็นการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารและการนำเสนอข่าวปลอมของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกล่าวหาว่าฝ่ายไทยวางลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งกองทัพบกและกระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ว่าพื้นที่บ้านหนองจานเคยเป็นพื้นที่พักพิงชั่วคราวของชาวกัมพูชาที่หนีภัยการสู้รบในอดีตเข้ามาในไทย ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้ขยายชุมชนออกไป ถือเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 ซึ่งไทยอดกลั้นอย่างสูงสุด ขอร้องให้กัมพูชายุติการบิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมแสดงความจริงใจแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีเจบีซีกัมพูชาให้ไทยรื้อลวดหนามวันเดียวกัน คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมของกัมพูชา หรือเจบีซี ส่งจดหมายถึงทางการไทยโดยเรียกร้องให้ทหารไทยรื้อรั้วลวดหนามและตาข่ายออกจากบริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชา เพราะการกระทำลักษณะนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กัมพูชาขอให้ทางการไทยเคารพข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อตามผลประชุมเจบีซี เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ด้านนายนง สากัล โฆษกกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา ระบุว่าทหารไทยจัดฉากภาพหลักฐานการวางทุ่นระเบิด โดยชาวจังหวัดสุรินทร์แต่งกายเป็นทหารกัมพูชาและพูดภาษากัมพูชาได้ ทางการกัมพูชาได้ให้ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศดูภาพคลิปดังกล่าว ระบุว่า เป็นการจัดฉากชัดเจน ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปหรืออียูออกแถลงการณ์ว่า จะบริจาคเงินช่วยเหลือฉุกเฉินด้านมนุษยธรรมจำนวน 7 แสนยูโร หรือประมาณ 26.7 ล้านบาท ให้กับกัมพูชา เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัยตามชายแดนหลังเกิดกรณีพิพาทกับไทย โดยเงินช่วยเหลือจำนวนนี้จะครอบคลุมระยะเวลาสูงสุด 6 เดือนมจพ.มอบหุ่นกู้ระเบิดให้ กกล.สุรนารีอีกด้าน รศ.ดร.กิตติชัย ธนทรัพย์สิน คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) พร้อมด้วย ผศ.ดร.อลัญ แบล็ทเลอร์ ผศ.นพดล พัดชื่น อ.ภูบดี บุญจริง ผศ.ดร.เทพภากร สิทธิวันชัย และคณาจารย์ รวมทั้งนักศึกษาทีมหุ่นยนต์กู้ภัย iRAP Robot มจพ. คณะวิศวกรรมศาสตร์ มจพ. ได้นำหุ่นยนต์กวาดล้างทุ่นระเบิดที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากมูลนิธิ Let’s be heroes ส่งมอบให้กับกองกำลังสุรนารี เพื่อใช้สนับสนุนการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงในพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยหุ่นยนต์อัจฉริยะดังกล่าวจะช่วยลดความเสี่ยงของกำลังพล เพิ่มความปลอดภัยในภารกิจปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม สร้างความมั่นใจในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่