วันเสาร์สบายๆวันนี้ไปคุยเรื่อง “AI” กันอีกสักวันนะครับ วันก่อนผมเขียนถึงเรื่องที่รัฐบาลทุ่มเงิน 25,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2569–2570 เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็น “AI Nation” จะทำให้ประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลาง AI แห่งเอเชีย” และเป็น “ผู้กำหนดเกมดิจิทัลของอาเซียน” ทั้งที่พื้นฐานการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม ไทยยังไม่มีความพร้อมในทุกด้าน ถูกนานาชาติตราหน้าว่าเป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย” จากความล้มเหลวในการพัฒนาประเทศของรัฐบาลที่ผ่านมาและรัฐบาลปัจจุบันก็พอดีได้อ่านบทความของ คุณธราธร รัตนนฤมิตศร สถาบันอนาคตไทยศึกษา ใน นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ที่เขียนถึง “เอไอกับราคาที่โลกต้องจ่าย” จากการฝึกโมเดลภาษาขนาดใหญ่อย่าง OpenAI GPT–5 ทั้งในด้านพลังงาน น้ำ และความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงทรัพยากรโอเพ่นเอไอเพิ่งเปิดตัว GPT–5 เอไอตัวใหญ่ที่คุยว่าทรงพลังที่สุดในปัจจุบัน เปรียบเหมือนการรวมเอาผู้เชี่ยวชาญปริญญาเอกทุกสาขามาไว้ในโมเดลเดียว แต่การฝึกโมเดลภาษาขนาดใหญ่อย่าง GPT–5 เพียงครั้งเดียว ใช้พลังงานเทียบเท่ากับการขับรถยนต์รอบโลกหลายรอบ และยังต้องใช้น้ำเพื่อการทำความเย็นในปริมาณที่หล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์ได้หลายพันคน เป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก แต่มักจะถูกมองข้าม บริษัทเอไอชั้นนำจึงจำเป็นต้องครอบครองทรัพยากรสำคัญ เช่น พลังงานสะอาด น้ำสะอาดชิปประมวลผล พื้นที่สำหรับตั้งศูนย์ข้อมูล (Data Center) การกระจาย Data Center ไปทั่วโลก ทำให้ภาระด้านสิ่งแวดล้อมไปกระจุกอยู่ในพื้นที่หนึ่ง แต่ผลประโยชน์และกำไรกลับถูกเก็บเกี่ยวไปในอีกพื้นที่หนึ่ง การให้ประเทศเป็นที่ตั้งของ Data Center จึงต้องคิดให้รอบด้านผมมีข้อมูล การเสพน้ำสะอาดและพลังงานสะอาดของ AI และ Data Center ที่ท่านผู้อ่านเห็นแล้วจะตกใจ ต้องรีบไล่ไปให้พ้นเหมือนชาวอเมริกันที่กำลังต่อต้าน Data Center ในสหรัฐฯ AI จะฉลาดได้ ต้องมีคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “Server” คอยประมวลผลให้อยู่เบื้องหลังตลอด 24 ชั่วโมง แบบเรียลไทม์ไม่มีวันหยุดพัก Server เหล่านี้มีเป็นจำนวนมาก และเก็บไว้ที่เดียวกันเรียกว่า Data Center เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ต้องทำงานหนัก 24 ชั่วโมงในการประมวลผล ทำให้เครื่องเกิดความร้อนสูงมาก ต้องมีระบบระบายความร้อนขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ใช้ “นํ้าสะอาด” เป็นหลักในการระบายความร้อน Data Center ของ Google ใช้นํ้าสะอาดไปเกือบ 20,000 ล้านลิตรในปี 2022 เพื่อระบายความร้อน ระหว่างการพัฒนาเอไอที่ชื่อ Bard ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็น Gemini ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันจากการศึกษา การฝึกโมเดล GPT–3 พบว่าต้องใช้นํ้าถึง 7 แสนลิตร แค่ตอบคำถามครั้งเดียว GPT-3 ต้องใช้นํ้าเพื่อระบายความร้อน 48 มิลลิลิตร GPT–4 ซึ่งประมวลผลเร็วขึ้นกว่าเดิมต้องใช้นํ้าสะอาดระบายความร้อนเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า ต่อการตอบคำถามหนึ่งครั้งUNEP โครงการสิ่งแวดล้อมสหประชาชาติ ระบุว่า ปัจจุบันมีประชากรโลกครึ่งหนึ่งกว่า 4,000 ล้านคน ต้องเผชิญปัญหาการขาดแคลนนํ้าอย่างน้อยหนึ่งเดือนทุกปี คาดว่า ภายในปี 2050 ผู้คนอีก 1,000 ล้านคน จะต้องใช้ชีวิตอยู่ในภาวะขาดแคลนนํ้า แต่ Data Center ที่มีอยู่เกือบ 11,000 แห่ง ในปัจจุบัน และกำลังเพิ่มขึ้น คาดว่าปี 2027 Data Center ต้องการใช้นํ้ามากถึง 6,600 ล้านลูกบาศก์เมตร มากกว่าปริมาณนํ้าที่ประเทศเดนมาร์กใช้ทั้งปี 4–6 เท่า การใช้ไฟฟ้าของ Data Center ในปี 2026 ก็จะเพิ่มขึ้น 2 เท่า จากปี 2022 เป็น 1,000 เทราวัตต์ชั่วโมง ใกล้เคียงกับการใช้ไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นทั้งประเทศในปัจจุบันอนาคตของ AI และ Data Center น่ากลัวนะครับ จะปล้นทรัพยากรจากมนุษย์ไปหมดรัฐบาลไทยที่กำลังส่งเสริมให้ กูเกิล ไมโครซอฟท์ อเมซอน เข้ามาสร้าง Data Center ในไทย รู้ไหมว่าคนไทยต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง Data Center กินไฟเยอะ ทำให้ค่าไฟฟ้าแพง กินนํ้าเยอะ ทำให้ขาดแคลนนํ้าใช้ แถมยัง ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมหาศาล ทั้งหมดนี้คือ สิ่งที่คนไทยทุกคนจะได้รับผลกระทบ จากการเข้ามาของ Data Center จำนวนมาก.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม