รัฐบาลไทยประณามพฤติกรรมเจ้าเล่ห์กัมพูชาขัดกติกาสากล ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา เรียกร้องประชาคมอาเซียนกดดันกัมพูชาปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ หลังเกิดเหตุทหารพรานไทยขาขาด 1 นาย หลังพลาดเหยียบกับระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาที่มีพฤติกรรมลอบกัด มาวางไว้บริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม พบหลักฐานชัดมีเศษทุ่นระเบิด PMN-2 คาหลุม โฆษกกองทัพบกแถลงกัมพูชามีเจตนาร้ายสวนทางข้อตกลงหยุดยิง ชี้หากสถานการณ์บีบบังคับอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิ์ป้องกันตนเองภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ ด้านแม่ทัพภาคที่ 2 อัดกัมพูชายั่วยุผิดเงื่อนไขหยุดยิง ปรับแผนลาดตระเวน ไม่ให้กำลังพลไปเสี่ยง เผยจดหมายวันแม่จากทหารนักรบแนวหน้า บอกแม่ไม่ต้องห่วงเพราะลูกชายแม่เป็นนักสู้ ด้านแม่ทหารพรานร่ำไห้เสียใจลูกขาขาด แต่ภูมิใจที่ลูกทำหน้าที่เพื่อชาติทหารไทยต้องสูญเสียขาอีก 1 ราย จากการเหยียบกับระเบิดของฝ่ายกัมพูชาที่มีพฤติการณ์ลอบกัด แอบเข้ามาวางระเบิดไว้ในพื้นที่เขตอธิปไตยไทย บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยไม่สนใจข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทย-กัมพูชาที่มีขึ้นรวม 13 ข้อ ในการประชุมจีบีซีที่เสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 7 ส.ค. แต่กลับกระทำการยั่วยุมาโดยตลอด นับเป็นกำลังพลของไทยรายที่ 5 ที่ต้องสูญเสียอวัยวะจากการกระทำของกัมพูชาทหารพรานเหยียบระเบิดขาขาดเมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 12 ส.ค. พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกได้รับรายงานว่า หน่วยทหารพรานร้อย ทพ.2610 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้น ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขา 1 นาย และได้ลำเลียงทหารที่บาดเจ็บส่ง รพ.รับการรักษาแล้ว สำหรับบริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทยเป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำ ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า ทหารพราน ร้อย ทพ.2610 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม อยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทยบริเวณพิกัด R51 ผู้ได้รับบาดเจ็บ ชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้ว ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทหารกัมพูชาล่าถอยและได้ฝังทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทยกำลังใจดีมากถึง รพ.ยังยกมือไหว้ผอ.ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เบื้องต้น ส.อ.ธีรพล ถูกนำตัวส่งมายัง รพ.พนมดงรัก แล้วนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาลงที่สนามบินสุรินทร์ภักดี อ.เมืองสุรินทร์ จากนั้นรถพยาบาลฉุกเฉินได้รับตัวเข้ารักษาที่ รพ.สุรินทร์ ขณะมาถึง รพ.สุรินทร์ ส.อ.ธีรพลมีขวัญกำลังใจดีมากและยังรู้สึกตัวดี ได้ยกมือไหว้ นพ.ชวมัย สืบนุการ ผอ.รพ.สุรินทร์ ที่มายืนรอรับที่หน้าทางเข้าอาคารศูนย์ความเชี่ยวชาญอุบัติเหตุฉุกเฉิน รพ.สุรินทร์ พร้อมเฝ้าติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด ทีมแพทย์ได้เร่ง ผ่าตัดรักษาจนอาการอยู่ในขั้นปลอดภัยแล้วหลักฐานชัดมีเศษทุ่นระเบิด PMN–2คาหลุมสำหรับจุดเกิดเหตุผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นหลุมกว้างประมาณ 70 เซนติเมตร ถึง 100 เซนติเมตร มีเศษผ้าลายพราง คาดว่าเป็นกางเกงของทหารพรานที่ได้รับบาดเจ็บ บริเวณหลุมระเบิดมีเศษซากของทุ่นระเบิด PMN-2 กระจายอยู่ทั่ว โดยทุ่นระเบิดดังกล่าวเป็นทุ่นระเบิดที่ทหารกัมพูชาได้วางไว้ก่อนที่จะล่าถอยออกจากเขตประเทศไทยทางด้านเฟซบุ๊กเพจ “กองทัพบกทันกระแส” โพสต์ภาพและข้อความที่สอดคล้องกันว่า “ลอบกัด! ไม่เคยไว้ใจได้เลย ทหารไทยเหยียบกับระเบิดอีกครั้ง เวลา 09.25 น. พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม”โฆษก ทบ.แถลงเหตุการณ์เหยียบระเบิดต่อมาเวลา 11.53 น. วันเดียวกัน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.10 น. วันที่ 12 ส.ค. ขณะที่ ส.อ.ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ออกปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ ส.อ.ธีรพลได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่ รพ.สุรินทร์ อาการพ้นขีดอันตรายแล้วกัมพูชาเจตนาร้ายสวนทางหยุดยิงเหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวาที่ห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรงและเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้นเหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย ละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าการใช้อาวุธโดยฝั่งกัมพูชายังคงมีอยู่ตลอดเวลาในช่วงมีข้อตกลงหยุดยิงเชื่อวางแผนใช้ทุ่นระเบิดคุกคามไทยพล.ต.วินธัยกล่าวอีกว่า ยอมรับว่าพฤติกรรมและการกระทำลักษณะเช่นนี้ ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการในมาตรการหยุดยิงอย่างแน่นอน รวมถึงเป็นท่าทีที่ชัดเจนว่า ฝ่ายกัมพูชาต้องการจะคุกคามฝ่ายไทย ด้วยการใช้อาวุธทางทหารในรูปแบบซ่อนเร้นไม่เปิดเผย ทำให้เชื่อได้ว่ากัมพูชายังคงดำรงความมุ่งหมายที่จะทำร้ายฝ่ายไทยด้วยรูปแบบลอบทำร้ายอยู่เช่นนี้ตลอดเวลา ถึงแม้ว่า ณ ช่วงเวลานี้ จะอยู่ในช่วงการตกลงที่จะหยุดยิง ซึ่งต้องไม่มีการใช้อาวุธต่อกันในทุกรูปแบบ นอกจากนี้สิ่งที่เกิดขึ้นยังสอดรับกันอย่างเป็นระบบโดยเฉพาะจากการที่กัมพูชาไม่ยอมตอบรับข้อเสนอฝ่ายไทย ในเรื่องของทุ่นระเบิดจากการประชุมจีบีซีครั้งที่ผ่านมาจึงเชื่อว่าเรื่องทุ่นระเบิดนี้น่าจะมีการวางแผนใช้กันมาอย่างเป็นระบบเพื่อเจตนานำมาใช้คุกคามทำร้ายฝ่ายไทยลั่นบีบบังคับอาจจำเป็นใช้สิทธิ์ป้องกันตัว“ที่ผ่านมากองทัพบกยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีมาโดยตลอดและไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่หากสถานการณ์บีบบังคับ ก็อาจจำเป็นต้องใช้สิทธิ์ในการป้องกันตนเองภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศในการคลี่คลายสถานการณ์ที่ทำให้ฝ่ายไทยต้องสูญเสียกำลังพลอย่างต่อเนื่อง จากการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและรุกล้ำอธิปไตยของทหารกัมพูชา” พล.ต.วินธัยกล่าวทภ.2 แถลงเหยียบระเบิดเขตอธิปไตยไทยต่อมาช่วงบ่าย ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวัน ณ เวลา 14.00 น. ว่า เมื่อเวลา 09.10 น.หน่วยเฉพาะกิจกองร้อยทหารพรานที่ 2610 จัดกำลังพลลาดตระเวนเส้นทางบริเวณจุ๊บตาโมก พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยของพื้นที่ ป้องกันมิให้เกิดการรุกล้ำอธิปไตย ระหว่างลาดตระเวนกำลังพลประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิด จุดเกิดเหตุอยู่ในอาณาเขตอธิปไตยของไทย สันนิษฐานเบื้องต้นจากเศษชิ้นส่วนที่พบในที่เกิดเหตุ คาดว่าจะเป็นทุ่นระเบิดชนิด PMN 2 มีผู้ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กองทัพภาคที่ 2 ขอความร่วมมือจากประชาชน หากพบเห็นวัตถุคล้ายระเบิดหรือวัตถุต้องสงสัย ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที เพื่อประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ เก็บกู้ ทำลาย หลีกเลี่ยงเข้าพื้นที่ดังกล่าวจนกว่าจะมีประกาศยืนยันความปลอดภัยโดยชัดเจนมทภ.2 อัดกัมพูชายั่วยุผิดเงื่อนไขหยุดยิงด้าน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 กล่าวถึงเหตุการณ์ทหารพราน ร้อย ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างลาดตระเวนในพื้นที่ห่างจากปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ประมาณ1กม.ว่า เหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้ากัมพูชาจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท สันนิษฐานว่า กัมพูชาลอบมาวางกับระเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป วันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทยเป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำ ยืนยันว่าอยู่ในฝั่งไทย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิดถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอน หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ได้ขอข้อมูลเร่งด่วนเพื่อทำการประท้วงฝ่ายกัมพูชาต่อไป แม้จะมีการประชุมอาร์บีซี ไทย-กัมพูชา ครั้งต่อไป ไทยจะนำเรื่องทุ่นระเบิดนี้ไปหารือ แต่เชื่อว่ากัมพูชาคงไม่ยอมรับเหมือนที่เขาพูดในจีบีซี เมื่อเขาปฏิบัติเรื่องนี้เขาก็ไม่พูดถึงปรับแผนลาดตระเวนไม่ให้กำลังพลเสี่ยงเมื่อถามว่า กัมพูชาไม่ยอมร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดและทหารไทยเหยียบระเบิดแบบนี้ต่อไป พล.ท.บุญสินกล่าวว่า ถ้าเหตุการณ์สงบ เราก็ต้องให้ศูนย์เก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมเข้ามาดำเนินการเก็บกู้ แต่ถ้าไม่สงบ ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เราต้องตอบโต้ด้วยกำลัง เมื่อถามอีกว่า การที่เราได้เจรจาหยุดยิงไปแล้วมีผลอะไรหรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องหน้างาน การเจรจาก็เจรจาไป เรามีสิทธิ์ปกป้องและคุ้มครองกำลังพลของเราเช่นกัน ทางเราจะมีการปรับแผนในการลาดตระเวนเพื่อให้กำลังพลจะได้ไม่ต้องไปเสี่ยงกับทุ่นระเบิดที่ทางกัมพูชาได้วางไว้ ทางเราเพิ่มการใช้กล้องวงจรปิด และใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่เข้าทำการเคลียร์เส้นทางลาดตระเวนแทนการใช้บุคคล ในการควบคุมแต่ละพื้นที่ เป็นการป้องกันกำลังพล นอกจากนี้จะได้เพิ่มการเฝ้าตรวจในระยะไกลขึ้นมาอีกสเต็ปพบกัมพูชาลอบวางระเบิด PMN—2 อีก 3 ทุ่นเวลา 18.30 น. เพจเฟซบุกกองทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความว่า จากเหตุการณ์ที่ ส.อ.ธีรพล เพียขันที สังกัด กองร้อยทหารพรานที่ 2610 ทำการลาดตระเวนบริเวณฐานปฏิบัติการจุ๊บตาโมก อยู่ทางตะวันตกปราสาท ตาเหมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิด PMN-2 ได้รับบาดเจ็บสาหัส กองทัพภาคที่ 2 ส่งหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดและพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่เกิดเหตุไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อนำพิสูจน์ทราบ ผลการพิสูจน์ 100% เป็นทุ่นระเบิด PMN-2 เพิ่มเติม 3 ทุ่น อยู่ใน “สภาพใหม่” พร้อมใช้งาน ไม่ใช่ของเก่าและอยู่ในเขตอธิปไตยของไทยทัพฟ้าแสดงแสนยานุภาพโชว์ฝูงบิน F—16วันเดียวกัน เฟซบุ๊กเพจ “กองทัพอากาศไทย Royal Thai Air Force” โพสต์ภาพเครื่องบิน F-16 พร้อมแชร์บทความจาก Defense Info TH ว่า F-16 to you!! / รักสงบ F-16 จบให้ แม้จะประจำการในกองทัพอากาศไทยมา กว่า 37 ปี เครื่องบินรบแบบ F-16 A/B หรือ บข.19 นามเรียกขานตามแบบของกองทัพอากาศ ยังคงเป็นกำลังหลักในการปฏิบัติภารกิจคุ้มครองน่านฟ้าในปัจจุบัน ในฝูงบินรบหลัก คือ ฝูงบิน 103 และฝูงบิน 403 ตลอดเวลาที่ผ่านมาเครื่องบินรบแบบ F-16 A/B ได้ปฏิบัติภารกิจการป้องปราม สกัดกั้นและภารกิจพิเศษมาโดยตลอด ในความขัดแย้งด้านพรมแดนกับประเทศกัมพูชาที่เกิดขึ้นกินเวลา 5 วัน การรบในครั้งนี้ได้เป็นเวทีให้ F-16 A/B ได้แสดงแสนยานุภาพ ทั้งการครองอากาศ การโจมตีสนับสนุนการรบภาคพื้นดินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สร้างจุดเปลี่ยนทางการรบด้วยการทำลายเป้าหมายทางการทหารได้อย่างหนักหน่วงแม่นยำ สามารถทำลายขวัญและกำลังใจของข้าศึกได้เต็มรูปแบบยันปฏิบัติการตอบโต้ตามหลักสากลเพจเฟซบุ๊กกองทัพอากาศไทยฯ ยังโพสต์ข้อความด้วยว่า “ด้วยวิสัยทัศน์ในการจัดหาระบบอาวุธที่มีความทันสมัย และทำการปรับปรุงตามระยะห้วงเวลา พร้อมกับการฝึกฝนให้กำลังพลและนักบินมีความพร้อมในการปฏิบัติงานการรบทางอากาศมาอย่างต่อเนื่อง คือปัจจัยหลักของการมีส่วนร่วมในปฏิบัติการยุทธบดินทร์ ที่สามารถปกป้องอธิปไตยของประเทศได้อย่างรุนแรงและเฉียบขาด ทำให้ชื่อของ F-16 ที่คนไทยได้รู้จักและร่วมเป็นประจักษ์ พยานในสมรรถนะและความสำเร็จของเครื่องบินรบแบบนี้ ที่พิสูจน์ให้เห็นว่ากองทัพอากาศไทยมีขีดความสามารถในการรบได้อย่างเต็มรูปแบบ และ พร้อมเผชิญหน้ากับภัยคุกคามรูปแบบต่างๆด้วยความเท่าทันในเทคโนโลยีการรบทางอากาศยุคใหม่ ในฐานะ The Unbeatable Air Force” “กองทัพอากาศขอยืนยันว่าการปฏิบัติการครั้งนี้ยึดถือการตอบโต้ ตามหลักสากลที่ได้สัดส่วน คำนึงถึงมนุษยธรรมตามกฎบัตรสหประชาชาติมาตราที่ 51 ในการป้องกันตนเอง”แจง “บิ๊กเล็ก” ถูกปั่นข่าวตำหนิทหารไทยอีกด้าน พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ว่า ตามที่มีการเสนอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการแถลงข่าวต่อสื่อของ พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาราชการแทน รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบ.ทก. ภายหลังการประชุม GBC เมื่อวันที่ 7 ส.ค. มีเนื้อหาบางส่วนบิดเบือน สอดแทรกความคิดเห็นส่วนบุคคล อันอาจสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและนำไปสู่การสร้างความขัดแย้งกันเองของชนในชาติ กระทบเสถียรภาพการบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในภาพรวมได้ จึงขอทำความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้ 1. พล.อ.ณัฐพลยึดมั่นในแนวทางการคลี่คลายปัญหาความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา โดยสันติวิธี ด้วยกลไกทวิภาคีที่มีอยู่แล้วมาโดยตลอด พร้อมทั้งยึดมั่นในหลักการสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ 2.พล.อ.ณัฐพล เน้นย้ำและเรียกร้องความจริงใจจากผู้นำระดับสูงของกัมพูชาผ่านการแถลงข่าว ไม่มีข้อความใดที่เป็นการตำหนิการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทยของหน่วยทหารไทย ตามหลักการสากลในการป้องกันตนเองโดยชอบธรรม อย่างได้สัดส่วน ตามที่ถูกบิดเบือนย้ำไม่ได้ปกป้องผู้นำระดับสูงกัมพูชาพล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า จากการเพิ่มเติมความเห็นส่วนตัว การตีความที่เกินความเป็นจริงว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ จะเป็นการปกปิดข้อเท็จจริง หรือเป็นการปกป้องผู้นำระดับสูงของกัมพูชา จากการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา เรื่องการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลและอนุสัญญาเจนีวา เรื่องการกระทำต่อเป้าหมายพลเรือนและละเมิดหลักมนุษยธรรมนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากคำแถลงข่าว ไม่สามารถลบล้างข้อเท็จจริงที่ปรากฏได้ นอกจากนี้ ที่ผ่านมาฝ่ายไทยมีการเก็บรวบรวมหลักฐานในทุกกิจกรรม ที่เป็นการละเมิดหลักการสากลอย่างต่อเนื่อง และดำเนินการประท้วง-ส่งคำร้อง-ชี้แจงข้อเท็จจริง ไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ได้แก่ 1.คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 2.ประธานอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งประเทศผู้บริจาค เพื่อสนับสนุนกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด 3.องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ตลอดจนการบรรยายสรุปต่อเอกอัครราชทูต หรือผู้แทนจาก 75 ประเทศ 1 องค์กร (สหภาพยุโรป) ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ จาก 16 องค์การ รวม 122 คน เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2568 เป็นต้นกต.ออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชาช่วงบ่ายกระทรวงการต่างประเทศ มีแถลงการณ์ ประท้วงเหตุการณ์ครั้งที่ 4 ในการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล สรุปว่า รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยฝ่ายกัมพูชาที่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตใจของฝ่ายกัมพูชา การกระทำดังกล่าวขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ขัดหลักการพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ ละเมิดพันธกรณีตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญา ออตตาวา) และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน สะท้อนความไม่จริงใจของกัมพูชาและขัดต่อมาตรการหยุดยิง ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ไทยจึงขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดอนุสัญญาฯโดยทันทีวอนประชาคมอาเซียนกดดันกัมพูชาแถลงการณ์ยังระบุอีกว่า 3.ไทยจะประท้วงไปยังกัมพูชาและประธานอนุสัญญาฯ รวมถึงเลขาธิการสหประชาชาติ พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศต่างๆที่ให้ความช่วยเหลือกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดพิจารณาทบทวนการให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้ ไทยจะพิจารณาดำเนินมาตรการอื่นๆ เพื่อตอบโต้กัมพูชาตามที่เห็นเหมาะสมต่อไป 4.ไทยยืนยันความมุ่งมั่นปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ และผิดหวังอย่างยิ่งที่กัมพูชา ที่เคยผ่านเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และแสดงตนเป็นผู้ยึดมั่นในพันธกรณีตามอนุสัญญาฯ กลับใช้ทุ่นระเบิดเพื่อสังหารมนุษย์ด้วยกันอย่างไร้มนุษยธรรม ขอเรียกร้องให้ประชาคมอาเซียนที่ทำงานบนพื้นฐานของกฎกติกาสากล เรียกร้องให้กัมพูชาดำเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างจริงจัง ให้คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวที่จัดตั้งขึ้นตามมติที่ประชุมจีบีซี สมัยวิสามัญข้างต้น พิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนระหว่างการลงพื้นที่ในอนาคต เพื่อให้พื้นที่ชายแดนเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับประชาชนผู้บริสุทธิ์ของทั้งสองประเทศเผย จ.ม.วันแม่จากทหารนักรบแนวหน้าเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ที่เป็นวันแม่แห่งชาติ เฟซบุ๊กเพจ กองทัพบก Royal Thai Army โพสต์รูปภาพจดหมายนักรบถึงแม่ของ ส.ท.อินทัช ตุ้มคำ หนึ่งในทหารแนวหน้า เนื้อหาในจดหมายมีใจความว่า “สวัสดีครับแม่ ใกล้ถึงวันแม่แล้ว ในตอนนี้ลูกชายของแม่อยู่แนวหน้า กำลังทำหน้าที่ที่ชายชาติทหารควรทำ โฟนยังจำได้ถึงคำที่แม่บอก ลูกต้องทำสิ่งที่ถูกต้อง วันนี้ผมกำลังทำตามคำนั้น โดยปกป้องบ้านเกิดด้วยหัวใจทั้งหมด ทุกหยาดเหงื่อ และรอยขีดข่วนบนร่างกาย คือสิ่งที่ผมยอมแลก เพื่อให้แม่ได้ใช้ชีวิตที่สงบ ไม่ต้องหนีภัยใดๆผมสู้ ไม่ใช่เพราะเกลียดใคร แต่เพราะรักแม่ และรักบ้านเรา ประเทศไทย รักและคิดถึงเสมอ ไม่ต้องห่วงนะแม่ ลูกชายแม่เป็นนักสู้”ปิดทางเข้าปราสาทเพื่อความปลอดภัยด้านผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำ จ.สุรินทร์ รายงานว่า หลังเกิดเหตุทหารพรานเหยียบกับระเบิดขาซ้ายขาด ได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังบ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก ซึ่งเป็นหมู่บ้านใกล้บริเวณปราสาทตาเมือนธม พบว่า ทหารได้ปิดกั้นถนนทางเข้าไปยังตัวปราสาทแล้วและห้ามบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องผ่านเข้าไปเพื่อความปลอดภัย หลังเกิดเหตุดังกล่าวยิ่งทำให้ประชาชนในพื้นที่ตื่นตระหนก เกรงว่าจะเกิดสงครามยิงปะทะกันในเร็วๆนี้รอบที่ 2 อีกเนื่องจากทราบว่าทหารกัมพูชามีการเสริมกำลังพลและยุทโธปกรณ์อย่างต่อเนื่องเสียใจลูกขาขาดแต่ภูมิใจลูกทำเพื่อชาตินอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำ จ.บุรีรัมย์ เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 489 หมู่ 1 ต.สำโรงใหม่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ของนางสาคร เพียขันที อายุ 78 ปี แม่ ส.อ.ธีรพล พบเพื่อนบ้านจำนวนมากมาให้กำลังใจนางสาคร ที่กำลังนั่งดูคลิปภาพขณะรถพยาบาลนำร่างลูกชายไปส่งโรงพยาบาล นางสาคร เล่าว่า ลูกชายเป็นทหารพรานได้ประมาณ 23 ปี ทุกครั้งที่ลูกไปทำงานตามชายแดนหรือกลับจากชายแดน จะเข้ามากราบเท้าแม่แล้วยกเท้าแม่เหยียบหัวทุกครั้ง นอกจากนี้ยังฉีกชายผ้าถุงของแม่นำติดตัวเป็นเครื่องรางของขลังในการสู้รบครั้งนี้ หลังมีคำสั่งให้เตรียมความพร้อมลูกชายเก็บของเดินทางไปสนามเมื่อวันที่ 23 ก.ค. ทุกวันจะโทรศัพท์มาคุยกับแม่และครอบครัว ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ลูกโทร.มาถามว่าแม่สบายดีไหม ส่วนลูกสบายดีเพราะหยุดรบแล้ว ก็ยังดีใจว่าลูกปลอดภัย แต่เพียงข้ามคืนกลับได้รับข่าวว่าลูกชายขาขาด ยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ดีใจที่ลูกชายได้รับใช้ชาติ ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากนี้ทางบ้านจะดูแลลูกชายต่อไปถึงแม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตามขณะที่นายธนาศักดิ์ เพียขันที อายุ 21 ปี ลูกชาย ส.อ.ธีรพล กล่าวว่า เห็นพ่อเป็นทหารแล้วชอบ พ่อเป็นไอดอลของตนเสมอ ปีนี้อายุครบ 21 ปี ถึงเวลาเกณฑ์ทหาร จึงไปสมัครเป็นทหารจะเข้าประจำการผลัด 2 ในเดือน พ.ย.“ทักษิณ” ควัก 2.6 ล.ร่วมสร้างบ้านน็อกดาวน์ที่ศาลาประชาคมบ้านนาสามัคคี หมู่ที่ 5 ต.สีวิเชียร อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เที่ยงวันที่ 12 ส.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯมอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่มอบบ้านเพื่อคนไทยให้ประชาชนผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งหมด 5 หลัง แบ่งเป็นที่บ้านนาสามัคคี หมู่ที่ 5 ต.สีวิเชียร 4 หลัง ที่บ้านโพนทอง หมู่ที่ 9 ต.โดมประดิษฐ์ 1 หลัง เพื่อใช้พักอาศัยชั่วคราวระหว่างการสร้างบ้านหลังใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้มอบเงิน 2.6 ล้านบาท ร่วมการก่อสร้างบ้านน็อกดาวน์ครั้งนี้ ผ่าน พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 26อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่