ในยุคที่สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุ”อย่างเต็มตัว การดูแล “ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง” จึงเป็นภารกิจสำคัญที่ไม่อาจละเลยได้แต่ด้วยข้อจำกัดของบุคลากรทางการแพทย์และระบบบริการสุขภาพในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในชนบทหรือชุมชนห่างไกล ทำให้ “โครงการจ้างงานผู้ช่วยเหลือดูแลผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง” ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้กลายเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการเติมเต็มช่องว่างนี้ทั้งในมิติของการ “สร้างรายได้” ให้กับประชาชนในชุมชน และเสริมพลังให้ “ระบบสุขภาพชุมชน” เข้มแข็งยิ่งขึ้นสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) บอกว่า ขณะนี้ได้เริ่มโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลด้วยการจ้างงานผู้ช่วยเหลือดูแลฯ เพื่อดูแลผู้มีภาวะพึ่งพิงในชุมชนโดยให้ได้รับค่าจ้างรายเดือน เดือนละ 5,000–6,000 บาท ตามประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง การสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล พ.ศ.2568สปสช.ได้รับอนุมัติงบประมาณวงเงิน 1,115 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานผู้ช่วยเหลือดูแลฯตามเป้าหมายจำนวน 18,587 คน ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้ช่วยเหลือดูแลผู้มีภาวะพึ่งพิง เพื่อให้การดูแลผู้มีภาวะพึ่งพิงอีกกว่า 1 แสนคนทั่วประเทศที่กระจายตัวในชุมชนต่างๆ นอกจากนี้ จะทำให้ผู้ช่วยเหลือดูแลฯได้รับการจ้างงาน มีอาชีพ มีรายได้ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชนได้อย่างดี ที่สำคัญ...การจ้างผู้ช่วยเหลือดูแลฯผ่านโครงการจะช่วยให้ “ผู้มีภาวะพึ่งพิง” ได้รับการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพและได้รับบริการตามเวลามาตรฐานการดูแลมากขึ้น ผู้ช่วยเหลือดูแลที่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรผู้ช่วยเหลือดูแลผู้มีภาวะพึ่งพิงของหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 70 ชั่วโมง จะได้รับค่าจ้างเดือนละ 5,000 บาท หรือปีละไม่เกิน 6 หมื่นบาท แต่หากผ่านการอบรมหลักสูตร 70 ชั่วโมงขึ้นไป ก็จะได้รับค่าจ้างเดือนละ 6,000 บาท หรือปีละไม่เกิน 7.2 หมื่นบาทโครงการนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มรายได้ให้กับคนในชุมชนและกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นเท่านั้นหากยังมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างระบบสาธารณสุขชุมชนให้มีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วยประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ (Aged Society) ตั้งแต่ปี 2565...ในปี 2566 มีผู้สูงอายุประมาณ 13 ล้านคน หรือประมาณ 20% ของประชากรทั้งหมด จากข้อมูลกรมสุขภาพจิตและ สปสช. คาดการณ์ว่า...ราว 15–20% ของผู้สูงอายุทั้งหมดมีภาวะพึ่งพิงเท่ากับว่าในปี 2568 จะมีผู้มีภาวะพึ่งพิงไม่ต่ำกว่า 2.5-3 ล้านคน โดยประเภทของผู้มีภาวะพึ่งพิง (ตามเกณฑ์ LTC ของ สปสช.) คือ...ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยหรือไม่ได้เลย (กลุ่มติดเตียง), ผู้ป่วยเรื้อรังขั้นวิกฤติ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต พาร์กินสัน, ผู้พิการทางร่างกายหรือปัญญาแนวโน้มในอนาคต...คาดว่าภายในปี 2570 จะมี “ผู้สูงอายุ” เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 14 ล้านคน...ขณะที่กลุ่มที่มีภาวะพึ่งพิงจะเพิ่มตามสัดส่วนของอายุที่ยืนยาวมากขึ้น โดย “ภาวะพึ่งพิงเรื้อรัง” จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในเขตชนบทที่ลูกหลานย้ายออกไปทำงานนอกพื้นที่“ผู้ดูแลในระบบ (Care Giver)”...ยังขาดแคลน เพื่อให้ครอบคลุมผู้ป่วยทั้งหมดในระดับหมู่บ้าน ตอกย้ำทำความเข้าใจลงลึกในรายละเอียด...ระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนการเปิดรับสมัคร ผู้ช่วยเหลือดูแลฯ สำหรับในส่วนการจ้างผู้ช่วยเหลือดูแลฯนั้น ท้องถิ่นจะร่วมกับผู้จัดการการดูแลด้านสาธารณสุข (Care manager:CM) ของหน่วยบริการ สำรวจผู้มีภาวะพึ่งพิงทั้ง “รายเดิม” และ “รายใหม่”หากพบว่า “ผู้มีภาวะพึ่งพิง” ยังไม่มีผู้ช่วยเหลือดูแลฯให้ดำเนินการจัดหาผู้ช่วยเหลือดูแลฯ ที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขการจ้างและเข้าสู่ระบบการจ้างงานตามนโยบาย เพื่อให้การดูแลแก่กลุ่มเป้าหมายกรณีผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ได้รับการดูแลจากผู้ช่วยเหลือดูแลฯครบแล้ว เพื่อให้ผู้มีภาวะพึ่งพิงได้รับการดูแลอย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขอให้ท้องถิ่นประสานกับ CM ในการทบทวนภาระงานของผู้ช่วยเหลือดูแลรายเดิมและปรับตารางการปฏิบัติงานเพื่อให้สามารถจ้างผู้ช่วยเหลือดูแลฯเพิ่มเติมตามนโยบาย โดยเวลาการดูแลไม่ซ้ำซ้อนกัน ซึ่งจะทำให้ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงได้รับการดูแลที่สอดคล้องกับมาตรฐานการให้บริการมากยิ่งขึ้น“ผมจึงอยากขอเชิญชวนประชาชนที่เคยผ่านการอบรมหลักสูตรดูแลผู้มีภาวะพึ่งพิงของหน่วยงานภาครัฐได้สมัครเข้าร่วมโครงการนี้ เพราะจะได้รับค่าจ้างรายเดือน และยังได้ทำหน้าที่ดูแลผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน เป็นการช่วยเติมเต็มยกระดับสุขภาพให้ชุมชนร่วมกัน” สมศักดิ์ ว่า นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. เสริมว่า ประชาชนที่สนใจและมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข สามารถสมัครได้ที่ อบต., เทศบาล หรือสามารถติดต่อไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และโรงพยาบาลประจำอำเภอ (รพช.) ในพื้นที่ ซึ่ง อบต.หรือเทศบาลจะทำสัญญาจ้างงานผู้ช่วยเหลือดูแลฯตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงก่อนวันที่ 30 ก.ย.2568 โดยสัญญาจ้างจะครอบคลุมเวลาจ้างงาน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่เริ่มการจ้างงานตามสัญญาและผู้ช่วยเหลือดูแลฯจะได้รับค่าจ้างทุกเดือนผ่านบัญชีธนาคาร“ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง” เช่นผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย ผู้พิการ...ผู้ป่วยเรื้อรังบางรายต้องการการดูแลใกล้ชิด เช่น ช่วยอาบน้ำ ป้อนอาหาร พาไปโรงพยาบาล เป็นเพื่อนคุยคลายเหงา ฯลฯ...การดูแลผู้มีภาวะพึ่งพิงจึงไม่ใช่แค่เรื่องของ “ความจำเป็น” แต่คือ “หัวใจ” ของสังคมที่ไม่ทอดทิ้งกัน.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม