สถานีตำรวจเป็นด่านหน้าของกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะคดีอาญาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและสิทธิเสรีภาพของผู้เกี่ยวข้อง ทว่าประชาชนจำนวนมาก ทั้งผู้มีรายได้น้อย และขาดความรู้ทางกฎหมาย กลับเข้าไม่ถึงความยุติธรรมที่เท่าเทียมกัน ดังนั้นการมี “ทนายอาสาประจำสถานีตำรวจ” จึงสร้างคุณูปการอย่างมาก เพราะเป็นผู้ช่วยเหลือแนะนำทางกฎหมายที่ยืนอยู่เคียงข้างประชาชนตั้งแต่ต้นทางของกระบวนการยุติธรรมโครงการทนายอาสาประจำสถานีตำรวจ เริ่มต้นในปี 2562 เป็นส่วนหนึ่งของ แผนการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในระยะเร่งด่วน ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเพื่อ เพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานทางกฎหมายอย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำในการรับรู้สิทธิ ลดความเสี่ยงจากการบังคับใช้กฎหมายโดยมิชอบ และป้องกันไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิของผู้ต้องหาและผู้เสียหาย โครงการนี้เป็นความร่วมมือของหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะ สภาทนายความ ในสมัยที่ ดร.ถวัลย์ รุยาพร เป็นนายกสภาทนายความ และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมบทบาทหน้าที่ของทนายอาสาในสถานีตำรวจนั้นครอบคลุมหลายด้าน ได้แก่ การให้คำปรึกษาด้านกฎหมายฟรีแก่ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย หรือประชาชนทั่วไปที่มาร้องทุกข์ ช่วยตรวจสอบกระบวนการแจ้งข้อหาและการควบคุมตัว เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ตลอดจนทำหน้าที่เป็นผู้แทนทางกฎหมายให้แก่ผู้ต้องหาที่ไม่มีทนายความส่วนตัวการมีทนายร่วมฟังการสอบสวนทำให้กระบวนการสอบสวนมีความโปร่งใสมากขึ้น ตำรวจต้องดำเนินคดีอย่างระมัดระวังเมื่อมีนักกฎหมายร่วมสังเกตการณ์ ขณะเดียวกันได้ช่วยลดความหวาดหวั่นของประชาชนเมื่อเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งผลให้ประชาชนกล้าขอความเป็นธรรมและใช้สิทธิตามกฎหมายอย่างเต็มที่นอกจากนี้ทนายประจำสถานีตำรวจยังช่วยลดภาระของตำรวจและอัยการ รวมถึงช่วยลดจำนวนคดีที่เข้าสู่ศาลโดยไม่จำเป็นจากการไกล่เกลี่ยหรือให้คำแนะนำเบื้องต้นแก่คู่กรณีตอนแรกเริ่มตั้งโครงการในปี 2562 ช่วงนำร่องมีทนายอาสาประจำอยู่สถานีตำรวจ 150 แห่ง ต่อมาปี 2564 ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 230 สถานี จนปัจจุบันมีมากกว่า 340 สถานี แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่มีอยู่จริงของประชาชน และประสิทธิภาพของทนายอาสาที่สามารถช่วยเหลือในเบื้องต้นได้ทั้งในคดีอาญาและแพ่งอย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังมีอุปสรรคด้านทรัพยากรทั้งจำนวนทนายอาสาที่ไม่เพียงพอ และงบประมาณสนับสนุนที่ได้รับอย่างจำกัด ทำให้อีกพันกว่าโรงพักยังไม่มีทนายอาสา โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล หรือบางสถานีมีทนายอาสามาประจำแบบจำกัดวันเวลาเฉพาะวันอาทิตย์ที่ 24 ส.ค.นี้จะมีการเลือกนายกและกรรมการสภาทนายความชุดใหม่ ผมอยากฝากนายกและกรรมการชุดใหม่ ทุกท่านช่วย ผลักดันขยายโครงการให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น เพราะในหลายพื้นที่โดยเฉพาะชนบท ชาวบ้านเข้าไม่ถึงบริการทางกฎหมายอย่างสิ้นเชิงขณะเดียวกันภาครัฐควร จัดงบประมาณสนับสนุนเพิ่มขึ้น ทั้งค่าตอบแทนทนายอาสา การฝึกอบรมบุคลากรอย่างต่อเนื่อง การสร้างระบบข้อมูลกลางเก็บสถิติการให้บริการ หรืออาจส่งเสริมให้ภาคประชาชน ภาคธุรกิจ หรือมหาวิทยาลัยด้านกฎหมาย เข้ามาร่วมสนับสนุนโครงการนี้สภาทนายความมีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน โครงการทนายอาสาประจำสถานีตำรวจจะไม่ใช่แค่การให้บริการทางกฎหมายฟรีเท่านั้น แต่จะเป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรมที่ทุกคนเข้าถึงได้.ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม