ชาวบ้านตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ที่อพยพไปอยู่ศูนย์พักพิงเริ่มมีบางส่วนทยอยเดินทางกลับบ้านแล้ว บรรยากาศตอนเดินออกจากศูนย์พักพิงมีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา อพยพหนีภัยร่วม 2 สัปดาห์ ก็สุดแสนห่วงบ้าน ห่วงสัตว์เลี้ยง และ พืชสวนไร่นา ครั้นกลับไปอยู่บ้านก็ยังต้องหวาดผวาไม่รู้จะโดนกัมพูชาตลบหลังโจมตีอีกหรือไม่แม้การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา ที่ประเทศมาเลเซีย บรรลุข้อตกลงรักษาสันติภาพ 13 ข้อ เช่น ยุติการ ใช้อาวุธโจมตีพลเรือนและเป้าหมายทางทหาร ไม่เคลื่อน กำลังและไม่เสริมกำลังตลอดแนวชายแดน ไม่ยั่วยุทางทหาร ไม่บิดเบือน ข้อมูลหรือสร้างข่าวเท็จ ฯลฯ ทำให้ความตึงเครียดคลี่คลายลงพอสมควร แต่ความรู้สึกตอนนี้ไทยก็ไม่อาจเชื่อใจวางใจกัมพูชาได้เต็มร้อยหลังจากนี้ยังมีขั้นตอนปฏิบัติที่ต้องทำอีกหลายอย่าง ตั้งแต่การ จัดประชุมคณะกรรมการส่วนภูมิภาค (RBC) ไทย-กัมพูชา การสร้าง กลไกคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว การจัดประชุม GBC อีกครั้ง ยังต้อง จับตาอย่างใกล้ชิดว่ากัมพูชาจะบิดพลิ้วละเมิดข้อตกลงหรือไม่ก็ขอเอาใจช่วยให้การประสานงานระหว่าง 2 ประเทศ ราบรื่น นำความสงบสุขกลับมาอีกครั้ง อย่างไรเสียสงครามก็ต้องจบลงบนโต๊ะเจรจา ห้วงเวลาตึงเครียดที่ผ่านมา หลายคนถูกกระแสปลุกปั่น อยากให้สู้รบถล่มกัมพูชาให้ราบ โดยลืมนึกถึงหัวอกชาวบ้านตามแนวชายแดนที่เสี่ยงภัยทุกวินาที ไม่อาจทำมาหากินใช้ชีวิตปกติได้มูลค่าการค้าตามแนวชายแดนเฉลี่ยวันละ 300-500 ล้านบาทปิดด่าน 1 เดือน เสียหายหมื่นล้านบาท ปิดด่าน 1 ปี ก็แสนล้านบาท ซึ่งไทยเจ็บหนักกว่า เพราะส่วนใหญ่เป็นลูกค้ากัมพูชาที่ซื้อสินค้าไทย มากกว่าที่ไทยซื้อสินค้ากัมพูชาส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะก็มีจำนวนไม่น้อย แบ่งเป็นพลเรือนเสียชีวิต 17 ราย บาดเจ็บ 38 ราย และทหาร เสียชีวิต 15 นาย บาดเจ็บ 196 นายผมขอกราบขอบคุณธารน้ำใจจากหลายภาคส่วนที่ส่งไปช่วยแนวหน้าอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF นำโดย เจ้าสัวหัวใจรักชาติ คุณสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF ที่ได้จัดตั้ง กองทุนมูลค่า 100 ล้านบาท มอบให้แก่กองทัพบกเพื่อช่วยเหลือเยียวยาทหารที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยมีเป้าหมายหลักในการยกระดับคุณภาพชีวิต มอบขวัญกำลังใจแก่เหล่าทหารและครอบครัวให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเข้มแข็งเจ้าสัวสารัชถ์เผยว่า คุณพ่อเป็นทหาร ทำให้มีความผูกพัน กับกองทัพและความมั่นคงค่อนข้างสูง พอมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจึงได้ปรึกษากับกลุ่มบริษัทและครอบครัวว่า เราในฐานะบริษัทไทย ขนาดใหญ่ยินดีเข้าไปช่วยเหลือกองทัพและสนับสนุนความมั่นคงของประเทศ อะไรที่ช่วยเหลือได้จะพยายามช่วยให้มากที่สุด เชื่อว่ากองทัพมีอาวุธและเครื่องมือพร้อมอยู่แล้ว จึงอยากช่วยเหลือในส่วนของคุณภาพชีวิตของทหารที่บาดเจ็บ ทุพพลภาพ และเสียชีวิต อยากให้พวกเขามีกำลังใจในการใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งต่อไป และหวัง ให้ความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนยุติลงโดยเร็วก่อนหน้านี้กัลฟ์ได้มอบ ถุงยังชีพ 2,000 ชุด ให้แก่ทหารแนวหน้า และประชาชนในศูนย์พักพิง อีกทั้งมอบ เงินช่วยเหลือ 1.2 ล้านบาท ให้แก่ทหารที่บาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ ช่องบก จ.อุบลราชธานี นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทของกัลฟ์ทั้ง AIS และ ไทยคม ได้ร่วมกัน นำเทคโนโลยีด้านโทรคมนาคมและดาวเทียมมาช่วยอำนวยความสะดวกในการสื่อสาร ขยายสัญญาณ 4G/5G เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสามารถสื่อสารได้อย่างสะดวกความสามัคคี เสียสละ และพลังใจที่มีให้กันจากทุกภาคส่วน คือเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด.ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม