ศัพท์ที่ 11 ใน “นิพัทนัย ศัพท์อักษร” (สถาพรบุ๊คส์พิมพ์ พ.ศ.2567) โดนัทยังมีรู อาจารย์ปรัชญา ปานเกตุ ตั้งใจเล่น “มุก” เป็นศัพท์สุดท้าย ทุกศัพท์ที่เกี่ยวกับ “รู” ล้วนแต่ความรู้ระดับจี๊ดจี้หัวใจแต่ศัพท์นี้มีเนื้อหายาวหลายหน้า ผมขอตัดออก แล้วก็ขออนุญาตสับไพ่ เรียงลำดับใหม่ แต่ยังไม่แน่ใจ จะเล่นการเมือง หรือเล่นสัปดน“รู” หนึ่งหมายถึงช่อง เช่น รูเข็ม ผ้าขาดเป็นรู “รู” หมายถึงช่องที่ลึกเข้าไปในสิ่งต่างๆ เช่น รูหู รูจมูก รูปู รูงูภาษาถิ่นอีสาน จำแนกขนาดของ “รู” จากเล็กไปใหญ่ ดังนี้เล็กสุดเรียก “รูจิ่งปิ่ง” ใหญ่อีกนิดเรียก “รูจ่องป่อง” ใหญ่อีกหน่อยเรียก “รูแจ่งแป่ง” ใหญ่อีกนิดอีกหน่อย เรียก “รูจ่างป่าง” และรูใหญ่ที่สุดเรียก “รูโจ่งโป่ง”เรียกสิ่งของบางอย่างที่มีรูให้สิ่งอื่นเกาะหรือสอดเข้าไป ว่า “ตัวเมีย” เช่น นอตตัวเมีย ปลั๊กตัวเมียร้อยด้ายเข้าไปในรูเข็ม เรียก “สนเข็ม” “บ้องหู” หมายถึงรูหู เช่น ขี้เต็มบ้องหู ทำให้ช่องเป็นรู เรียก “เจาะ” เช่น เจาะกำแพง เจาะเข้าไปในช่องหรือรู เรียก “ไช” เช่น เอานิ้วไชจมูกทำให้เป็นรูตามลวดลาย เรียก “ฉลุ” “ฉลุลาย” หมายถึงฉลุให้เป็นลาย เรียกลายที่ฉลุแล้วว่า “ลายฉลุ” ทำให้เป็นรูเล็กๆหลายรู เรียก “ปรุ” เช่น ปรุกระดาษ เรียกลักษณะใบหน้าที่เป็นรูเช่นนั้นว่า “หน้าปรุ”กริยาของน้ำหรือของเหลวที่ไหลไปตามรูเล็กๆอย่างช้าๆ เรียก “ซึม” รูเล็กๆที่น้ำซึมออกไปได้ อย่างรูรั่วตามก้นหม้อเป็นต้น เรียก “ตามด” รูเล็กที่หัวตา เรียก “หีตา”เกิดเป็นรูหรือทำให้เป็นรูอีกข้างหนึ่ง เรียก “ทะลุ” เรียกสิ่งที่เป็นรูเช่นนั้นด้วย เช่น “หม้อทะลุ”วรรณคดีใช้ว่า “ชลุ” ก็มีตัวอย่างจากโคลงนิราศพิพิธสาลี...เห็นเขาชลุช่องชั้น ชำลาย ดุจหนึ่งอกเรียมสลาย รักน้อง นับวันทอดตนตาย ประดาษ เจ็บยิ่งพิษศรต้อง ชลุร้อยทรวงเรียมทำให้เป็นช่องทะลุ เรียก “ทะลวง” เช่น ทะลวงปล้องไม้ไผ่ “ทะลุทะลวง” หมายถึง เจาะผ่านไปได้ลักษณะที่เป็นรูเล็กๆทั่วไป เรียก “พรุน” ดังตัวอย่างบทละครเรื่องเงาะป่า...ปิดประตูขัดกลอนนอนในทับ ไม่หลับจิตรใจให้ว้าวุ่น แสงประยงลงตามใบไม้พรุน ขยับหมุนฉวยบอเลาะจะเข้าดงลักษณะที่เป็นรูเว้าชอนไชไปทั่ว ก็เรียก “พรุน” ดังตัวอย่างจาก กลอนไอเอรีซึมทราบ กับตามเสด็จไทรโยค...ยังมีห้วยด้วยทั้งเกาะน้ำเซาะเชี่ยว เรียกห้วยเรี่ยววังกระแจะจวบชื่อหลัง เบื้องหน้าแซงภูผามาตั้งบัง ศิลาพรุนริมฝั่งตั้งเรียงรายกินพรุนข้างในเรียก “ฟอน” ดังตัวอย่างจากภายนครคำกลอน...ทุกข์ที่สามนามมรณทุกข์ เข้าถึงยุคร่างกายวายสังขาร ย่อมขึ้นพองหนองในไหลออกมา ทั้งแร้งกาหมู่หนอนเข้าฟอนกินเป็นรูลึกเข้าไปเรียก “โบ๋” เช่น สะดือโบ๋ ตาโบ๋ แยงเข้าไปในรูเรียก “แหย่” เช่นเอาไม้แหย่รูปู แหย่เข้าไปในรูเรียก “แยง” เช่นเอาขนไก่แยงรูหู ลับหายเข้าไปในรูอย่างรวดเร็วทันที เรียก “ผลุบ” เช่น หนูผลุบเข้าไปในรูเอาสิ่งมีปลายแหลมทำให้สิ่งที่ติดอยู่ในรูหลุดออกมา เรียก “แคะ” เช่น เขาใช้เล็บแคะขี้มูก ทำให้ค้างคาอยู่ในรูเรียก “จุก” เช่นเอาไม้ก๊อกจุดปากขวด จุกรูให้แน่น เรียก “อุด”เพลงที่ร้องเล่นสำหรับเด็กว่า จิ้งหรีดมันอยู่ในรู เอาไม้แหย่รูมันร้องจึ๊ดจี๊ด แปลงเป็นเพลงเชียร์กีฬาสีว่า จิ้งหรีดอุแง้อุแง้ แหย่ตรงนี้ตรงนี้ สี... (ชอบสีแดง น้ำเงิน หรือสีส้ม ก็เติมลงไป) มันอยู่ในรู เอาไม้แหย่หูมันร้องจี๊ดจี๊ดบรรทัดนี้แหละครับ ที่ผมตั้งใจจะจบให้เป็นเรื่องการเมืองในบรรยากาศโจรปล้นโจร แต่คิดแล้วโจรสองพวกนี้หนังมันหนา ด่ายังไงก็ไม่เห็นว่าจะเจ็บ จึงขอเปลี่ยนมาจบที่เรื่องสัปดน...ปริศนาคำทายว่าอะไรเอ่ยรีรีเหมือนใบพลู ตรงกลางมีรูตรงริมมีขน...คำตอบคือหูวัวนึกขึ้นได้ทายเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ เอาเข้าจริงๆก็ไม่ใช่เรื่องสัปดนอะไรสักหน่อยเลย.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม