แม้สองตระกูลผู้มีอำนาจในรัฐบาลไทยและกัมพูชา จะประกาศตัดสัมพันธ์กันแล้ว แต่การตอบโต้กัมพูชาของกระทรวงการต่างประเทศไทย ยังดูล่าช้ามากเมื่อเทียบกับฝ่ายกัมพูชา ไม่รู้ยังเกรงใจอะไรกันอยู่อีกหรือเปล่า ทหารไทยไปเหยียบกับระเบิดเขมรที่เนิน 481 ช่องบก จ.อุบลฯ บาดเจ็บ 3 ราย ขาขาด 1 ราย ตั้งแต่ 16 ก.ค. จนกระทั่ง คํ่าวันอาทิตย์ 20 ก.ค. กระทรวงการต่างประเทศไทยเพิ่งจะออกแถลงการณ์ประท้วง การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของฝ่ายกัมพูชา โดยระบุว่า“ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และ เป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่นๆที่หน่วยงานความมั่นคงพบ นำไปสู่ข้อสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงรัฐบาลไทย ขอประณามอย่างรุนแรงที่สุด ต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งถือเป็นการ ละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณี ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาจะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆที่มีอยู่...”พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุม ศบ.ทก.ชุดใหญ่ เมื่อวันจันทร์ว่า จากการตรวจสอบ 3 วัน พบว่ามีการวางอีก 2 จุด รวม 8 ทุ่น เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN2 จากประเทศรัสเซีย ซึ่งไทยไม่เคยมีใช้งาน จุดที่พบมีการเอาเศษวัชพืชมาปกคลุมบ่งชี้ว่าเป็นของใหม่คุณวาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร ได้โพสต์ข้อมูลที่ให้สัมภาษณ์พีพีทีวีเมื่อ 2 มิ.ย.68 ที่ยืนยันว่า ทหารเขมรได้วางกับระเบิดตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่มีคนไปรายงาน “ภูมิธรรม” รมว.กลาโหม ในเวลานั้นว่า เป็นระเบิดเก่า โดยระบุว่า หลังทหารไทย-ทหารเขมรยิงปะทะ 28 พ.ค.2568 ทหารในพื้นที่แจ้งมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า ทหารเขมรได้วางกับระเบิดไว้แล้ว เพราะในบริเวณที่ทหารเขมรเข้ามายึดนั้น เป็นแผ่นดินไทยแนวต้นพญาสัตบรรณก่อนมีการเจรจา แล้วทหารเขมรยอมถอนกำลังออกไปอยู่แถวศาลาตรีมุขเดิม 8 มิ.ย.2568 แต่ไม่ได้กู้กับระเบิดไปด้วย สะท้อนเจตนาชัดเจนว่าเขมรวางระเบิดไว้ และไม่ได้กู้ออกไป เพราะรู้ว่าทหารไทยต้องเข้ามาเดินในจุดนี้ เพราะเป็นแผ่นดินไทย และเมื่อถอยออกไป ยังวางทุ่นระเบิดสังหารไว้เพิ่มอีกอ่านแล้วก็เจ็บปวดนะครับ ทหารเขมรได้วางกับระเบิดไว้ตั้งแต่ 2 มิ.ย. หลังเกิดเหตุปะทะ ตอนถอยออกไปยังวางกับระเบิดเพิ่ม ตอนนั้น “สองตระกูล” ผู้มีอำนาจในไทยและกัมพูชายังไม่ขัดแย้งกัน เลยมีการรายงานว่าเป็น “ระเบิดเก่า” จนทหารไทยไปเหยียบกับระเบิดเมื่อวันอาทิตย์มีการนำโพสต์ของ คุณวาสนา นาน่วม ที่ระบายความอัดอั้นมาโพสต์ต่อว่า “บางเรื่องมีนโยบายที่จะปิดข่าว หรือทำบรรยากาศให้ดูเหมือนว่า ไม่มีอะไรมาตลอด โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ตั้งแต่ทหารเขมรเผาศาลาตรีมุข และนำกำลังเข้ายึดพื้นที่ช่องบก กองทัพก็ปิดข่าวเงียบ และตอนนั้น ไม่มีใครกล้าพูดว่า ทหารเขมรลํ้าแดนแผ่นดินไทย แต่ ระดับกลาโหม-ฝ่ายทหาร ไปให้สัมภาษณ์ออกสื่อว่า เป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน (ซึ่งความจริงแล้วพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนก็คือแผ่นดินไทยเช่นกัน) จนทหารใน พื้นที่อึดอัด...”คุณวาสนา เป็นผู้สื่อข่าวสายทหารที่ใกล้ชิดกับทหารทุกระดับ ข้อมูลจึงน่าเชื่อถือเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ครับ เป็นเรื่องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ การปิดข่าวและรายงานไม่ตรงข้อเท็จจริงว่า “เป็นระเบิดเก่า” เป็นความจริงหรือไม่ รัฐบาลต้องรับผิดชอบสอบสวนให้เป็นที่ประจักษ์ มิฉะนั้นรัฐบาลอาจกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยก็ได้."ลม เปลี่ยนทิศ"คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม