"ด้ามขวานสะเทือน" อิทธิพลพายุ "วิภา" บวกกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำฝนตกหนักฟ้าคะนองลมแรงพัดถล่มหลายจังหวัดภาคใต้ ทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย "กระบี่" หนุ่มจีนฝ่าธงแดงลงเล่นน้ำโดนคลื่นซัดจมดับ เรือส่งสินค้าจากเมืองไปเกาะพีพีสูญหาย ลูกเรือ 5 ชีวิตไม่รู้ชะตากรรม "พังงา" ถนนเลียบหาดย่านเขาหลัก ต้นไม้ใหญ่หัก "ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ" ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ ส่งข้อความแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast และ SMSภายหลังกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งประกาศเตือนอิทธิพลของพายุ “วิภา” และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ จะส่งผลให้ช่วงวันที่ 20-24 ก.ค. ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ด้านตะวันตกของภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ทะเลอันดามันคลื่นลมมีกำลังแรง ทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 4 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กในฝั่งอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งช่วงวัน-เวลาดังกล่าวผลกระทบจากอิทธิพลของพายุในฝั่งอันดามันช่วงบ่ายวันที่ 20 ก.ค. เกิดลมพัดแรงในหลายพื้นที่ของ จ.กระบี่ ส่งผลให้บ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก ส่วนใหญ่ลมพัดหลังคาปลิว โดยเฉพาะที่บ้านนายธีรเดช เวชกุล นายก อบต.พรุเตียว อ.เขาพนม ต้นทุเรียนเกือบ 10 ต้นหักโค่น ลูกทุเรียนที่กำลังจะตัดร่วงหล่นกว่า 4 ตัน ส่วนบ้านไม้ 2 ชั้น ถูกลมพัดหอบหลังคาหายไปครึ่งหลัง ข้าวของในบ้านเสียหายจากน้ำ ขณะที่หน้าแฟลตตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ มีต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นถอนรากถอนโคน ดึงรั้งสายไฟทำเสาไฟหัก 1 ต้นด้านศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือ จ.กระบี่ (ศคท.จว.กระบี่) รับแจ้งจากกัปตันเรือสินค้าภูฟ้าทะเล โรงแรมพีพีรีแล็กซ์ บีช รีสอร์ท ว่า เรือหางยาวชื่อเรือ “พีพีคาบาน่าทัวร์” เป็นเรือขนส่งสินค้าระหว่างตัวเมืองกระบี่ไปยังเกาะพีพี ออกจากฝั่งเวลา 12.00 น. ขณะแล่นผ่านเกาะไม้ไผ่ ห่างฝั่ง 2-3 ไมล์ทะเล เกิดคลื่นลมแรงฉับพลัน คาดว่าเรืออาจจะถูกคลื่นซัดจม ลูกเรือ 5 คนยังติดต่อไม่ได้ ประสานตำรวจน้ำกระบี่นำเรือตำรวจน้ำ 637 ออกค้นหาท่ามกลางสภาพคลื่นลมแรง ขณะที่ชุดกู้ภัยอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ออกค้นหานายฉิน หยูฉี อายุ 30 ปี นักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ฝ่าฝืนสัญญาณธงแดงแจ้งเตือนคลื่นลมแรง ลงเล่นน้ำทะเลบริเวณอ่าวไม้ไผ่ ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ กระแสน้ำดูดร่างจมหายไป ก่อนพบศพเกยหาดแหลมโตนด อยู่ห่างไป 1 กม. นำศพขึ้นฝั่งส่ง รพ.เกาะลันตา เพื่อชันสูตรจ.พังงา สภาพท้องฟ้ามืดครึ้ม มีฝนตกหนักกว่า 2 ชั่วโมง ประกอบกับมีลมกระโชกแรง ต้นสนขนาดใหญ่ริมถนนเลียบหาดแหลมปะการัง เส้นเขาหลัก ถนนเพชรเกษม หมู่ 2 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา หักโค่นล้มทับเสาไฟฟ้ารวมระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดการจราจร ต้นสนยังล้มทับรถยนต์ชาวบ้านที่จอดบริเวณชายหาดได้รับความเสียหายหลายคัน เจ้าหน้าที่ ทต.คึกคัก ประสานเจ้าหน้าที่ กฟภ.ตะกั่วป่า ลงพื้นตัดต้นไม้ ซ่อมแซมกระแสไฟฟ้าที่ดับเป็นบริเวณกว้าง และที่บ้านเลขที่ 2/6 หมู่ 4 ต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมืองพังงา เปิดเป็นอู่ซ่อมรถยนต์ พบหลังคาเมทัลชีทหลุดออกทั้งแผ่น ส่วนที่บ้านเลขที่ 634 ถนนเพชรเกษม ต.ท้ายช้าง เขตเทศบาลเมืองพังงา ลมฝนกระหน่ำ หลังคากระเบื้องแตก น้ำฝนไหลเข้าบ้านทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่นอน เสื้อผ้า ทรัพย์สินต่างๆพังเสียหายจ.ภูเก็ต ตั้งแต่ช่วงบ่าย เกิดฝนตกหนักลมกระโชกแรง ในพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ต อ.กะทู้ และ อ.ถลาง ส่งผลให้ป้ายโฆษณาที่ติดตั้งอยู่ริมถนนถูกแรงลมพัดพังล้มลง ต้นไม้ใหญ่หักโค่นทับสายไฟ กระแสไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง บางพื้นที่มีบ้านเรือนถูกแรงลมพัดหลังคาพัง ภายในวัดเก็ตโฮ่ อ.กะทู้ ต้นไม้มะขามป้อมขนาดใหญ่ถูกแรงลมพัดหักโค่นทับรถยนต์ที่จอดอยู่ในวัดพังเสียหาย และมีวัวชนถูกต้นไม้โค่นทับขาหัก 1 ตัว กู้ชีพเทศบาลตำบลกะทู้ เข้าช่วยเหลือทั้งวัวและรถยนต์ของประชาชนที่เสียหาย ขณะที่ ปภ.ภูเก็ต สั่งเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขังและคลื่นลมแรงช่วงวันที่ 19-24 ก.ค. มีปริมาณฝนสะสมได้สูงสุดที่สถานีอ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำวัดปริมาณน้ำฝนได้ 12.60 มม. สถานีภูเก็ตวัดปริมาณน้ำฝนได้ 11.30 มม. สถานีบ้านกะรนวัดปริมาณน้ำฝนได้ 4.50 มม.เย็นวันเดียวกัน เกิดอุบัติเหตุต้นไม้ใหญ่โค่นทับนางหวาง หยาง อายุ 53 ปี สัญชาติจีน เสียชีวิต ขณะเดินทางไปท่องเที่ยวที่เกาะเฮ ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต กับกรุ๊ปทัวร์ ช่วงเกิดเหตุผู้ตายกับสามีนั่งพักผ่อนอยู่ที่เก้าอี้ชายหาดใต้ต้นไม้ใหญ่ จู่ๆ มีลมกระโชกแรงและมีฝนตกกระหน่ำ ต้นไม้ถูกแรงลมพัดหักโค่นทับนางหวาง หยางเสียชีวิตคาที่ ส่วนสามีถูกกิ่งไม้ฟาดเจ็บเล็กน้อย ส่งศพไปชันสูตรที่ รพ.วชิระภูเก็ต พร้อมแจ้งสถานกงสุลจีน ประจำ จ.ภูเก็ต ทราบด้านฝั่งอ่าวไทยที่ จ.นครศรีธรรมราช หลายพื้นที่ครอบคลุมทั้ง 23 อำเภอ ได้รับผลกระทบจากพายุวิภา และมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอ.เมืองนครศรีธรรมราช ลมพายุพัดกระหน่ำทำเสาไฟฟ้าริมถนนเทิดพระเกียรติ ต.ปากนคร ตลอดสายทั้ง 2 ฝั่งถนน รวมหลายสิบต้น หักโค่นล้มเป็นโดมิโน ระยะทาง 2-3 กม. บางจุดล้มทับบ้านเรือน ร้านค้าเสียหาย ไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้างทั่วทั้งจังหวัด การจราจรถนนสายเทิดพระเกียรติติดขัด รถผ่านไม่ได้ชั่วคราวต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น หลังเกิดเหตุตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ระดมกำลังไปอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และเจ้าหน้าที่ กฟภ.นครศรีธรรมราช ลงพื้นที่แก้ไขซ่อมแซมเสาไฟฟ้าที่โค่นล้มขวางถนนอย่างเร่งด่วนวันเดียวกัน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์ที่อาจได้รับผลกระทบจากพายุ “วิภา” ในช่วงวันที่ 19-24 ก.ค.68 จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี และกรมทรัพยากรน้ำ มีปัจจัยบ่งชี้ว่า จะมีพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากอิทธิพลพายุ “วิภา” ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ AIS True และ NT ส่งข้อความแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast ควบคู่กับการส่งข้อความสั้น (SMS) ในลักษณะ Infomation Alert ดังนี้"เตือน! พื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ที่ลาดเชิงเขา ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ดินโคลนถล่ม ขอให้ผู้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ยกของขึ้นที่สูงเตรียมอพยพหากจำเป็น เคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบางไปที่ปลอดภัย โดยพายุวิภามีแนวโน้มเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน ในวันที่ 22 ก.ค.68 และจะอ่อนกำลังลง อิทธิพลพายุทำให้ฝนตกหนักและมีลมแรงในวันที่ 22-24 ก.ค.68 พื้นที่น่าน พะเยา เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร หนองบัวลำภู เลย อุดรธานี กาญจนบุรี ราชบุรี อุทัยธานี จันทบุรี ตราด ให้ติดตามข่าวสารราชการอย่างใกล้ชิด"อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่