“ประเทศไทย” ได้ก้าวล้ำนำหน้าในการพัฒนา “นวัตกรรมการแพทย์” ที่ไม่เพียงแต่มีคุณภาพระดับสากล หากแต่ยังถูกนำมาใช้ได้จริงใน...“ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “สิทธิบัตรทอง”มุ่งหมายเพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุดได้อย่างเท่าเทียมกัน น่าสนใจว่านวัตกรรมเหล่านี้เป็นผลงานอันน่าภาคภูมิใจของ “บุคลากรทางการแพทย์” และ “นักวิจัยไทย” ที่มุ่งมั่นคิดค้นและพัฒนา เพื่อตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพของคนในประเทศโดยเฉพาะ เมื่อไม่นานมานี้ “สปสช.” จับมือ “TCELS” จัดนิทรรศการชั่วคราวในงาน World Expo 2025 โอซากา ประเทศญี่ปุ่น โชว์ 7 นวัตกรรมการแพทย์ ร่วมเปิดตลาดสู่ต่างประเทศ หลังประสบผลสำเร็จอย่างดีในไทย ที่สำคัญงานนี้...ผู้ประกอบการญี่ปุ่นสนใจ “รากฟันเทียม” ในราคาสมเหตุผลได้มาตรฐานระดับโลกนพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) บอกว่า เราได้ร่วมกับศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS จัดนิทรรศการแสดงผลงานนวัตกรรมการแพทย์ไทย 7 รายการที่ใช้ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือสิทธิบัตรทอง 30 บาทภายในงาน World Expo 2025 โอซากา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 20 มิถุนายน-1 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะเป็นนิทรรศการชั่วคราว แต่เราก็แสดงถึงศักยภาพสาธารณสุขของไทยได้เป็นอย่างดี สะท้อนภาพหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ..ถือเป็น 1 ใน 100 ศักยภาพสาธารณสุขของไทย ทั้ง 7 นวัตกรรม..เป็นสิ่งที่ไทยอยากให้ต่างประเทศได้เห็นศักยภาพด้านนวัตกรรมของไทย และการที่ถูกนำมาใช้ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแล้วก็เป็นการสนับสนุนให้นวัตกรรมการแพทย์ฝีมือคนไทยได้มีโอกาสขยายไปตลาดต่างประเทศด้วย เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจนว่ามีการใช้ในภาครัฐของประเทศแล้ว“จากการที่ไปจัดแสดงนวัตกรรม ก็มีผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นสนใจรากฟันเทียมฝีมือคนไทยที่มีราคาไม่แพงแต่ได้รับมาตรฐานระดับสากล และผู้เข้าชมนิทรรศการซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่นก็ชื่นชมประเทศไทยว่าดูแลประชาชนได้ดี” นพ.จเด็จ ว่าประเด็นสำคัญ..เราใช้เทคโนโลยีการแพทย์ฝีมือคนไทยในหลักประกันสุขภาพภาครัฐ ทำให้ไม่เป็นภาระทางการเงินของประชาชนการนำเสนอเรื่องผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ฝีมือคนไทยครั้งนี้ ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์เชิงรุกของ “ระบบสาธารณสุขไทย” ที่จะไม่ปล่อยให้งบประมาณด้านสุขภาพเป็นเพียง “ค่าใช้จ่าย (expenditure)” แต่จะเปลี่ยนให้เป็น “การลงทุน (Investment)” ได้อย่างไร“รัฐบาลจึงมอบหมายให้ สปสช.ในฐานะที่บริหารจัดการงบประมาณสุขภาพก้อนใหญ่ ให้มองไกลกว่าเรื่องสุขภาพที่ดีขึ้น แต่ยังมองไปถึงเรื่องการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ไทย และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางอีกด้วย”นี่จึงเป็นเหตุผลในการออกแบบนิทรรศการชั่วคราวในครั้งนี้ร่วมกันระหว่าง สปสช. และ TCELS ดร.จิตติ์พร ธรรมจินดา ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS เสริมว่า TCELS ได้ร่วมกับ สปสช.ในการสนับสนุนนวัตกรรมการแพทย์ไทยให้สามารถขยายตัวในเชิงพาณิชย์ พร้อมกับการสร้างประโยชน์ต่อสังคม“การนำเสนอนวัตกรรมการทางการแพทย์ฝีมือคนไทยทั้ง 7 รายการในงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2025 ครั้งนี้ แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็ช่วยเปิดตลาดนวัตกรรมการแพทย์ของไทยในต่างประเทศได้ดีและได้รับความสนใจผลิตภัณฑ์ในหลายรายการด้วย”“นวัตกรรมฝีมือคนไทย” ที่ได้รับการบรรจุในบัญชีนวัตกรรมไทยและเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ในขณะนี้มี 7 รายการ ได้แก่ 1.เท้าเทียมไดนามิกส์ 2.แผ่นปิดกะโหลกศีรษะจากวัสดุ Poly methylmethacrylate 3.แผ่นปิดกะโหลกศีรษะจากไทเทเนียม4.ชุดตรวจพยาธิใบไม้ตับสำเร็จรูป (OV–ATK) 5.วัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดไร้เซลล์ acellular Pertussis Vaccine 6.รากฟันเทียม และ 7.ถุงทวารเทียมสำหรับผู้ป่วย มะเร็งลำไส้“ปัจจุบันมีผู้ป่วยกว่า 105,000 คน ที่ได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมทั้งหมดนี้ แม้จำนวนนี้อาจดูไม่มาก แต่สามารถสร้างรายได้ให้เอสเอ็มอีกว่า 321 ล้านบาท การนำนวัตกรรมของไทยเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการแพทย์ในราคาที่เหมาะสม”ทั้งยังช่วยลด “ต้นทุนบริการสุขภาพ” สร้าง...“ตลาดให้กับนวัตกรรมไทย” เสริมสร้าง...“ศักยภาพของเอสเอ็มอี” ให้มีความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ และ “ขยายสู่ตลาดต่างประเทศ” ได้อีกด้วยนอกจากนี้ เรายังได้รับความอนุเคราะห์จากหน่วยงานความร่วมมือ ในการนำนวัตกรรมสุขภาพที่ตอบโจทย์สังคมสูงวัยและกลุ่มเป้าหมายผู้เข้าชมงานที่เป็นประชาชนทั่วไปชาวญี่ปุ่น ไปร่วมจัดแสดงเพิ่มเติมได้แก่ ไม้เท้าเลเซอร์ช่วยเดินสำหรับผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน, แก้วน้ำกันสำลักสำหรับผู้สูงอายุ ผลงานของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ...แผ่นรองเท้าอัจฉริยะ, เครื่องสแกนแรงกดใต้ฝ่าเท้า ผลงานของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เข้าเยี่ยมชม“ผู้เข้าชมนิทรรศการชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีความประทับใจที่ประเทศไทยใส่ใจการดูแลสุขภาพของประชาชนในประเทศ อีกทั้งยังระบุอีกว่าการที่ไทยมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ชาวญี่ปุ่นสูงอายุเลือกมาใช้ชีวิตวัยเกษียณที่ประเทศไทย” ดร.จิตติ์พรกล่าวทิ้งท้าย.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม