ศบ.ทก.ปลื้มช่วงหยุดยาวนักท่องเที่ยวแห่ชม 3 ปราสาทโบราณใน จ.สุรินทร์ ล้นหลาม พร้อมขอบคุณคนไทยอดกลั้นในช่วงสถานการณ์ตึงเครียด ส่วนปมนักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารเขมร ยันไม่สนับสนุนความรุนแรง ด้านรอง โฆษกบัวแก้วย้ำไทยไม่ได้ปิดด่าน แต่เข้มงวดในการ ควบคุมทุกจุดชายแดน เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของ คนในพื้นที่ รวมถึงป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ข้ามชาติ ส่วนคดี “ก๊กอาน” ตำรวจ สอท.1 เร่งสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายแดง และส่งข้อมูล ให้ ปปง.ยึดทรัพย์ความคืบหน้าสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าชม 3 ปราสาทโบราณที่ตกเป็นส่วนหนึ่งในกรณีพิพาทด้านดินแดน ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ใน อ.พนมดังรัก จ.สุรินทร์ อย่างล้นหลามต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 14 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมแถลงข่าวประจำวัน โดย พล.ร.ต.สุรสันต์ระบุว่าที่ประชุม ศบ.ทก.ขอบคุณประชาชนที่ในวันหยุดที่ผ่านมาใช้เวลาไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวกลุ่มปราสาทตาเมือน ยอดรวม 1 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 6-12 ก.ค. มีนักท่องเที่ยวชาวไทยกว่า 1.8 หมื่นคน ในขณะที่ปราสาทตาควายมียอดนักท่องเที่ยวไทย กว่า 2,800 คน ถือเป็นการช่วยเหลือเศรษฐกิจในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี รวมถึงเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของโบราณสถานของไทยในพื้นที่จริง ต้องขอขอบคุณกองกำลังกองทัพบกในพื้นที่ที่มีการประชาสัมพันธ์ จัดกำลังพลนำชมพื้นที่ต่างๆพล.ร.ต.สุรสันต์ยังกล่าวถึงกรณีเกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชาชุดประสานงานที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย และได้ดำเนินการกับผู้ก่อเหตุ ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ศบ.ทก.ไม่สนับสนุนการกระทำความรุนแรงดังกล่าวไม่ว่าด้วยฝ่ายใด ทั้งนี้ ช่วง สถานการณ์ที่มีความตึงเครียดที่อาจเผชิญกับการยั่วยุต่างๆ ศบ.ทก.ขอขอบคุณประชาชน และทุกภาคส่วนที่ใช้ความอดกลั้น ขอให้ทุกคนร่วมสร้างบรรยากาศที่นำไปสู่การพูดคุยเจรจาทั้งสองฝ่าย เพื่อบรรลุข้อตกลงทวิภาคีได้ในที่สุด เพราะท้ายที่สุดแล้วทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศที่มีชายแดนติดกัน คงต้องอยู่ร่วมกัน ไม่สามารถแยกจากกันได้ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม กล่าวว่าสถานการณ์ในพื้นที่ ณ จุดผ่านแดนทุกแห่งยังเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไทยยังคงเข้มงวดในการควบคุมทุกจุดเพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งไม่ได้เป็นการปิดด่าน ขอย้ำว่าไม่ได้มีการปิดด่าน แต่เป็นการทำตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ สอดคล้องกับการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศในช่วงนี้วันเดียวกัน นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศเงื่อนไขในการเปิดด่านข้ามพรมแดนไทย-กัมพูชาว่า 1.ฝ่ายไทยต้องออกแถลงการณ์เปิดด่านข้ามแดนพร้อมยืนยันว่าจะไม่ปิดด่านอีก โดยเป็นเรื่องที่ไทยต้องทำเพียงฝ่ายเดียว กัมพูชาไม่เกี่ยวข้อง เพราะไทยคือคนที่ปิดด่านก่อน 2.การเปิดด่านข้ามแดนจะต้องเปิดทุกด่าน ไม่มีข้อยกเว้น 3.ด่านข้ามแดนจะต้องเปิดตามเวลาปกติ 06.00-22.00 น.ส่วนบรรยากาศที่ปราสาทตาเมือนธม ตั้งแต่เช้าวันที่ 14 ก.ค. ยังคงมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเข้ามาชมตัวปราสาท และมอบสิ่งของเป็นกำลังใจทหารไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักท่องเที่ยวฝั่งกัมพูชามีแต่ไม่มากนัก ส่วนการดำเนินการคดีกับคนที่ชกทหารกัมพูชานั้น พ.ต.อ.นพดล พินิจอักษร ผกก.สภ.พนมดงรัก เปิดเผยว่า คนที่ทำร้ายทหารกัมพูชาคือนายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตทหารพราน อายุ 60 ปี ชาวนครปฐม และนายปฐมพงศ์ อายุ 50 ปี ชาวนนทบุรี ทั้งสองให้การระบุว่า เมื่อเข้ามาถึงที่เกิดเหตุ หน้าทางเข้าปราสาทตาเมือนธม ได้พบกับทหารกัมพูชาและมีการพูดจากัน แต่สื่อสารกันไม่เข้าใจ และร่วมกันทำร้ายทหารเขมรคนดังกล่าวโดยชกคนละครั้งตามที่ ปรากฏในคลิป เจ้าหน้าที่ทหารไทยที่อยู่จุดนั้นได้เข้าห้ามปรามและควบคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน นำส่งที่ สภ.พนมดงรัก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นได้รับเรื่องร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญา ส่วนการสอบสวน ให้พนักงานสอบสวนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุที่ปราสาทตาเมือนธม เพื่อประสานเจ้าหน้าที่ทหาร เชิญตัวทหารกัมพูชามาให้ปากคำ ให้แพทย์ตรวจร่างกาย อยู่ระหว่างการดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานว่าคนเจ็บเจ็บมากน้อยขนาดไหน เพื่อจะได้แจ้งข้อหากับคนทั้งสองอีกครั้ง ซึ่งความผิดฐานทำร้ายร่างกาย พนักงานสอบสวนไม่สามารถเปรียบเทียบปรับได้ ต้องส่งฟ้องที่ศาลแขวงสุรินทร์ต่อไปผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงสาย ตำรวจ สภ.พนมดงรัก ประสานกับทหารกัมพูชาเพื่อขอสอบปากคำทหารกัมพูชาในเหตุการณ์ที่ถูกนักท่องเที่ยวไทยชกหน้า เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ แต่ไม่พบทหารกัมพูชานายดังกล่าว ขึ้นมาในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมแต่อย่างใดสำหรับความคืบหน้าคดีนายก๊กอาน คนสนิท สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (ผบก.สอท.1) เปิดเผยว่า หลังร่วมประชุมกับ ผบช.สอท.พร้อมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ประชุมมุ่งเน้นไปที่การรวบรวมพยานหลักฐาน ขยายผลหาความเชื่อมโยงถึงบุคคลกลุ่มบุคคลที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดโดยเฉพาะเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการกระทำความผิดเกี่ยวกับมูลฐานการฟอกเงิน เพื่อส่งข้อมูลให้กับ ปปง.สืบทรัพย์ และอายัดทรัพย์สิน ส่วนนายก๊กอาน ทางการสืบสวนทราบว่าอยู่นอกราชอาณาจักร ส่วนจะเสนอขอออกหมายจับสากลหรือไม่ ยังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะว่ามีคนไทยและกัมพูชาที่ร่วมกันกระทำความผิดอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่