ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบหมายให้สภาการศึกษา (สกศ.) ไปดำเนินการสำรวจและวิจัยการเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนให้แก่โรงเรียนขนาดเล็กที่เหมาะสม โดยให้แยกโรงเรียนขนาดเล็กแต่ละขนาดของจำนวนนักเรียนด้วย ซึ่งเบื้องต้น สกศ.อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล และอาจจะนำรูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กของต่างประเทศมาเป็นแนวทางในการบริหารจัดการ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้เลขาธิการ กพฐ.กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มอบหมายให้สำนักนโยบายและแผนพัฒนาการศึกษาของ สพฐ. สำรวจค่าใช้จ่ายเฉพาะด้านขั้นพื้นฐานที่จำเป็น เช่น ค่าไฟ ค่าสาธารณูปโภค ค่าอินเตอร์เน็ต เป็นต้น กลุ่มโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนตั้งแต่ 60 คนลงมา ประมาณ 6,000 แห่ง จะมีค่าใช้จ่ายจำนวนเท่าไหร่ต่อเดือน และเป็นการแยกออกจากงบอุดหนุนรายหัว เพราะการบริหารโรงเรียนขนาดเล็กให้สำเร็จได้นั้นจะต้องได้รับงบประมาณที่เพียงพอต่อจำนวนผู้เรียน แต่ที่ผ่านมางบประมาณที่สนับสนุนให้แก่โรงเรียนขนาดเล็กจะเป็นงบอุดหนุนรายหัวเท่านั้น จึงทำให้โรงเรียนขนาดเล็กขาดการจัดสรรงบในการบริหารจัดการที่ไม่เพียงพอ ดังนั้นระหว่างนี้ สพฐ.อาจท็อปอัปเงินอุดหนุนรายหัวไปให้โรงเรียนขนาดเล็กก่อน โดยเป็นเงินท็อปอัปเฉพาะด้านค่าใช้จ่ายพื้นฐานที่จำเป็น หลังจากนั้นจะจัดสรรเงินรายหัวที่คำนวณใหม่ต่อไป“นอกจากการปรับเงินอุดหนุนรายหัวโรงเรียนขนาดเล็กแล้ว สพฐ.จะมีปรับเงินอุดหนุนโครงการอาหารกลางวันนักเรียนด้วย โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการวิเคราะห์การปรับเพิ่มงบอาหารกลางวัน เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจส่งผลให้ราคาสินค้ามีการปรับขึ้น และที่ผ่านมาหลายฝ่ายสะท้อนว่าการปรับเพิ่มเงินค่าอาหารกลางวันในขณะนี้อาจไม่เพียงพอแล้ว เช่น โรงเรียนที่เด็ก 40 คนลงมาได้ปรับเพิ่มเป็น 41 บาท ขณะที่โรงเรียนที่มีเด็ก 41-100 คน ได้ปรับเพิ่ม 27 บาท ซึ่งเท่ากับการปรับเพิ่มดังกล่าวยังมีช่องว่างอยู่” ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าว.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่
