สัมภาษณ์ “แต๋ม-ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT หนึ่งในผู้บริหารหญิงแถวหน้าของไทย ที่สามารถคุมหางเสือให้องค์กรชั้นนำฝ่าฟันพายุแห่งความเปลี่ยนแปลงต่างๆมาได้ จะมาเล่าสไตล์การบริหารงานที่เฉียบขาดแต่แฝงไปด้วยความนุ่มนวล ตั้งแต่สมัยบริหารองค์กรใหญ่ระดับโลกอย่าง IBM รวมทั้ง “ไทยคม” และปัจจุบันมาดูแลกลุ่มดุสิตธานี ผู้บริหารมืออาชีพคนเก่งที่ตระกูลโทณวนิกไว้ใจ และที่สำคัญ เธอเป็นเพื่อนผมตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ครับ“ขอย้ำว่า ไม่ใช่คนเก่ง ทุกวันนี้ก็ยังไม่ใช่คนเก่ง นี่แหละค่ะเป็นข้อดีของศุภจีที่ไม่เหมือนคนอื่น ด้วยเหตุที่ว่าเราไม่เก่งเลยมี 2 เรื่องที่เราต้องทำมากกว่าคนอื่น ก็คือ เราต้องพยายาม และเราต้องอดทน อีกอย่างหนึ่งก็ต้องขอบคุณโอกาส เพราะว่าได้อยู่ในที่ที่ให้โอกาสทั้งนั้น เริ่มต้นจากบริษัท IBM ให้โอกาสเราทำหลายอย่างมากมาย มาอยู่บริษัทไทยคมก็ได้ทำเรื่องที่ไม่เคยทำเลยมากมาย แล้วจนมาอยู่ที่กลุ่มดุสิตธานีก็เช่นกัน เพราะงั้นด้วยตัวเองก็คือ พยายามอดทน ขยัน แล้วก็ได้โอกาส ที่ทำให้เราได้มาเป็นวันนี้”“ศุภจี” ยังได้เล่าสมัยบริหารงานที่ไอบีเอ็มว่า “สมัยที่เริ่มเข้า (ทำงาน) ปี 1989 ปีนั้น IBM ต้องมีการเปลี่ยนผ่านอย่างยิ่งยวด คนทั่วไปยังคิดว่า IBM ตอนนั้นจะล้มทั้งยืนด้วยซ้ำ IBM เกิดมาปัจจุบันก็ร้อยกว่าปีนะคะ ในช่วงหนึ่งจะยิ่งใหญ่มากในเรื่องของคอมพิวเตอร์ที่เราเรียกว่า Main Frame ตอนนั้นเราเน้นในเรื่องของฮาร์ดแวร์ แต่สุดท้ายแล้วโลกมันเปลี่ยน กลายเป็น Personal Computer (PC) ไอ้ตัวการประมวลผล หน่วยความจำ สมัยก่อนเท่าห้องนี้นะคะ ถึงจะได้ความจำเท่ากับปัจจุบันนี้ อยู่ในโทรศัพท์มือถือของเราแค่นั้นเอง เพราะฉะนั้น IBM ต้องเปลี่ยน จากตอนนั้นที่นำโดยฮาร์ดแวร์ (Hardware driven) เป็นนำโดยการให้บริการ (Service driven)”“การเปลี่ยนอย่างนี้วิธีคิด (mindset) สำคัญมากๆ เพราะว่ามันไม่ได้เปลี่ยนแค่รูปแบบของการให้บริการเปลี่ยนสินค้า แต่มันเป็นการเปลี่ยนวิธีคิด”สำหรับการมาเป็น CEO บริหาร “ไทยคม” ช่วงวิกฤติ “ศุภจี” สามารถเปลี่ยนให้ไทยคม จากขาดทุนเป็นกำไรได้ภายใน 2 เดือน “สิ่งที่ทำก็คือว่าเข้าไปดูงบแสดงสถานะทางการเงิน (Balance Sheet) เข้าไปดูงบกำไรขาดทุน (P&L) ว่าจริงๆแล้วเขามีอะไรที่เราสามารถจัดการแก้ไขได้บ้าง เราก็ไปเห็นว่าเขามีหนี้เสียเยอะที่เขาตั้งสำรองไว้หมด 100% เขามีสินค้าคงคลังที่ต้องตัดจำหน่ายเยอะ ซึ่งถ้าเราสามารถไปเก็บหนี้ได้ แม้กระทั่งบาทเดียว มันจะลงไปที่กำไรสุทธิเลย เพราะว่าเขาตั้งสำรองไว้หมดแล้ว หรือสินค้าคงคลังที่เขาตั้งสำรองไว้หมดแล้วเช่นกัน ถ้าเราขายได้มันก็ลงไปที่กำไรสุทธิเลย “แล้วเราก็ยังมีบริษัทลูกด้วย เพราะไทยคมเป็นเหมือนบริษัทโฮลดิ้ง (holding) วิธีทำของแต๋มก็คือเราไปคัดกรอง (บริษัท) ลูก ที่เขาพอมีกำไรได้ ซึ่งของที่มันไม่เคยถูกบีบ ถูกคัดกรอง ถูกเคลียร์ เวลาที่เราไปทำการปัดฝุ่น มันจะได้สมบัติมากองหนึ่ง รวมถึงสิ่งที่เราไปทำในเรื่องของการขายสินค้าคงคลังเดิม หรือว่าเราไปตามเก็บเงิน แล้วพอเดือนตุลาคม พอเราประกาศผลประกอบการ เรามีกำไร 19 ล้านซึ่งน้อยมาก แต่กำไร ซึ่งเราไม่ได้กำไรมาหลายปี มันก็เลยทำให้คนในไทยคมเองด้วย และคนในสาธารณะด้วย มีความรู้สึกว่า หื้ม? (เสียงแสดงความแปลกใจ)”“ศุภจี” ยังได้กล่าวถึงการเข้ามาบริหารงานที่ “ดุสิตธานี” ว่า เนื่องจากเราเป็นธุรกิจบริการ สิ่งที่เป็นหัวใจของดุสิตธานีคือคน เพราะฉะนั้น ทางดุสิตธานีก็อยากได้ผู้นำที่ให้ความสำคัญกับคน แล้วก็อยู่กับคนทั่วไปได้ ขณะที่โลกวันนี้มันถูกดิสรัปต์ด้วยเทคโนโลยี ในทุกๆสายอุตสาหกรรม แม้กระทั่งธุรกิจบริการ ดังนั้น ถ้าได้คนที่มีพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีมาด้วย ก็น่าจะเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ได้ ดังนั้น ตั้งแต่ประสบการณ์กับบริษัทระดับโลกที่เราทำมาหลากหลายประเทศ เป็นคนที่ทำงานกับคนได้ เป็นคนที่มีภูมิหลังทางด้านเทคโนโลยี แล้วก็เป็นคนที่ไม่กลัวกับการเปลี่ยนแปลง เลยน่าจะเป็นสิ่งที่ทางดุสิตธานีคงอยากจะให้มาทำให้เมื่อถามว่า ปีหน้าเป็นปีที่ 10 ของ “ศุภจี” ในฐานะ CEO เครือดุสิตธานี พอใจกับผลงานตัวเองไหม แล้วมีอะไรที่ยังก้าวข้ามไปไม่ได้ และเป็นภารกิจที่ต้องทำบ้าง“ศุภจี” กล่าวว่า “ก็ถือว่าพอใจระดับหนึ่ง อย่างโครงการ Dusit Central Park ก็เป็นโครงการที่ภูมิใจว่าเราฝ่าฟันมา โดยเฉพาะฝ่าฟันในช่วงโควิด-19 อยู่ดีๆ โลกหยุดหมุนไปเลย 3 ปี รายได้เราหายไปเลยช่วงหนึ่ง แต่ว่าเรายังต้องทำโครงการนี้ต่อเนื่อง และวัสดุ คนงาน ค่าแรง เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะว่าเนื่องจากช่วงนั้นของก็หายาก ทุกอย่างก็ (ราคา) เพิ่มขึ้น แต่เราไม่เคยลดทอนในเรื่องของวัสดุและงบประมาณเลย ก็คือเราต้องทำให้ดีที่สุดให้ได้ เรากำลังดึงความยิ่งใหญ่ของที่ท่านผู้หญิง (ชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้งดุสิตธานี) เคยทำมา เมื่อ 60 ปีที่แล้วกลับมายืนให้สง่าอีกครั้งหนึ่งเหมือนที่เคยเป็นมา เพราะฉะนั้น เราก็ตั้งใจกัดฟันทำให้เต็มที่ อันนี้ก็เป็นความภูมิใจของแต๋มอย่างหนึ่ง”ติดตามได้ที่รายการ Thairath Front Page ทางช่อง YouTube ช่อง Thairath TV Original เจาะลึกวิสัยทัศน์ผู้บริหารที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศ ออกอากาศเวลา 14.30 น. วันพุธที่ 4 มิ.ย.นี้.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่