ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ เลขาธิการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ อาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ น.ส.มารีญา พูนเลิศลาภ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2017 ร่วมแถลงข่าวภายหลังเปิดการประชุมนานาชาติ “เสว่ยหลง 2 และอนาคต : การพัฒนาการวิจัยขั้วโลกและความร่วมมือไทย-จีน ในสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง” โดย ศ.ดร.ไพรัชกล่าวว่า การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นในโอกาสเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และในวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน และด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ทำให้ไทยสามารถส่งนักวิจัยร่วมทีมกับจีนสำรวจขั้วโลกปีละ 2 คน ที่ผ่านมารวมแล้ว 17 คน ปีนี้เรือเสว่ยหลง 2 ซึ่งเป็นเรือตัดน้ำแข็งสำรวจขั้วโลก เดินทางกลับจากขั้วโลกใต้และแวะประเทศไทยถึงวันที่ 23 พ.ค. ไทยจึงได้จัดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้สภาพภูมิอากาศจากการสำรวจขั้วโลก จัดประชุมวิชาการ เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้มาสนใจสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกขณะที่ ศ.ดร.สุชนากล่าวว่า ตนได้รับโอกาสเดินทางไปสำรวจขั้วโลกใต้ 3 ครั้ง คือปี พ.ศ.2551, 2556 และ 2568 แต่ละครั้งสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงตลอด ตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงครั้งที่ 3 ห่างกัน 17 ปี สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากคือจำนวนประชากรเพนกวิน บางสายพันธุ์เพิ่ม บางสายพันธุ์ลดลงมาก และพบว่าอัตราการรอดชีวิตของลูกเพนกวิน จากเดิมรอด 50% ตอนนี้เหลือ 10% ขณะที่ปลาใต้ทะเลก็หายไป โดยครั้งแรกปี 2551 ใช้เบ็ดตกปลากี่ครั้งก็ได้ปลา แต่ครั้งล่าสุดใช้โดรนสำรวจและเบ็ดตกปลา ตลอด 1 เดือนที่อยู่ขั้วโลกใต้ ไม่ได้ปลาเลยสักตัว เนื่องจากอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น 3-4 องศา ปลาอาจตายหรืออพยพไปอยู่ที่อื่น แสดงให้เห็นว่าสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงและขั้วโลกได้รับผลกระทบมาก คณะนักวิจัยอยากเผยแพร่ความรู้ให้ประชาชนได้ตระหนักว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจุดหนึ่งบนโลก ส่งผลกระทบเชื่อมโยงถึงส่วนอื่นของโลกด้วยเช่นกัน.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่