“เหนือ-อีสาน” หนาวอีกวัน โดยเฉพาะตาม “ยอดดอย-ภูเขา สูง” “เหมยขาบ-แม่คะนิ้ง” โผล่เพียบ บางจุดอุณหภูมิยอดหญ้าลดต่ำถึงขั้นติดลบ จนเป็นที่ฮือฮาที่ได้เจออากาศหนาวสุดในรอบหลายปี แต่ “กรมอุตุนิยมวิทยา” ระบุจากนี้มวลอากาศเย็นกำลังแรงที่ปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง ส่งผลมีหมอกบางในตอนเช้าแต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวจัดในบางพื้นที่ ส่วนภาคใต้อาจมีฝนบ้าง และทะเลทั้ง “อ่าวไทย- อันดามัน” ยังมีคลื่นลมแรงสภาพอากาศที่ยังหนาวเย็นในช่วงนี้ ทำให้หลายจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเกิดน้ำค้างแข็ง หรือเหมยขาบ หรือแม่คะนิ้ง โผล่ให้เห็นจนเป็นที่ฮือฮา โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันที่ 13 ม.ค. ตามยอดดอยต่างๆ มีการโชว์ตัวเลขอุณหภูมิในช่วงเช้าที่ลดต่ำลงแบบไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก อาทิ ที่เขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ อุณหภูมิต่ำสุดที่บริเวณกิ่วแม่ปาน วัดได้ 1 องศาเซลเซียส ส่วนอุณหภูมิยอดหญ้า ลบ 1.1 องศาฯ ส่วนที่ทำการอุทยานฯ อุณหภูมิ 4 องศาฯ อุณหภูมิยอดหญ้า ลบ 1.8 องศาฯ ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสอากาศหนาวอย่างเต็มที่ และเกิดเหมยขาบบริเวณกิ่วแม่ปาน และอีกหลายจุด อาทิ ริมทาง กม.ที่ 43 ใกล้กับจุดชมวิว บริเวณลานสนามหญ้าสองข้างทางหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานยอดดอย สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่นักท่องเที่ยว นำกล้องถ่ายรูปมาบันทึกภาพอย่างอิ่มเอมใจ ซึ่งปรากฏการณ์เหมยขาบที่เกิดขึ้นนี้เป็นวันที่ 16 ของฤดูหนาวนี้ และเป็นวันที่ 8 ของปีนี้ส่วนที่ดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วงเช้าอุณหภูมิลดลงเหลือ 2 องศาฯ ขณะที่อุณหภูมิยอดหญ้า ลบ 2.4 องศาฯ เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งครั้งแรกของปีนี้ ผืนหญ้าตามแปลงผลไม้เมืองหนาวเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งขาวโพลนไปทั่วบริเวณ และอากาศยังหนาวจัดจนทำให้หลังคารถยนต์ของนักท่องเที่ยวที่จอดไว้เต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ขณะที่ในตัวเมืองเชียงใหม่ และอีกหลายอำเภออุณหภูมิลดฮวบไม่น้อยหน้า อาทิ อ.แม่แจ่ม ต่ำสุดที่ 7 องศาฯ อีกหลายอำเภออยู่ที่ 10-12 องศาฯ ซึ่งผลจากอากาศที่หนาวเย็น ไม่เพียงทำให้ประชาชนต้องหาเสื้อกันหนาวและผ้าห่มหนาๆมาใช้ รวมถึงนั่งผิงไฟคลายหนาว แต่ที่ปางช้างแม่สา อ.แม่ริม ควาญช้างที่บ้านพักช้างสูงวัยต้องนำผ้าห่มผืนใหญ่มาห่มให้กับแม่บัวคำ ช้างชรา วัย 73 ปี ที่มีอาการตัวสั่นจากความหนาวเย็น พร้อมทั้งก่อไฟเพิ่มไออุ่น เช่นเดียวกับช้างชราทั้งหมด 8 เชือก ที่มีอายุกว่า 50 ปีขึ้นไป อายุมากที่สุดคือ พลายคำหมื่น อายุ 87 ปี ที่ควาญช้างต้องช่วยดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกันนอกจากนี้ หลายจังหวัดอุณหภูมิลดต่ำสุดอยู่ 8-10 องศาฯ ทั้งที่ จ.พะเยา และ จ.แพร่ ที่พบว่าต้นหญ้าบริเวณลานหน้าพระเจ้าต๋นหลวง วัดนาคูหา มีเหมยขาบขึ้นตามขอบใบหญ้า ทำให้นักท่องเที่ยวพากันมาถ่ายรูปเหมยขาบที่นานๆจะเกิดขึ้น เช่นเดียวกับที่บ้านใหม่ร่องกล้า หมู่ 10 ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก หมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ใจกลางอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เกิดน้ำค้างแข็งหรือแม่คะนิ้งเกาะเต็มหลังคารถ หลังคาเต็นท์ และยอดหญ้าอีกรอบ อุณหภูมิทั่วไปอยู่ที่ 3 องศาฯ อุณหภูมิยอดหญ้า 0 ถึง ลบ 2 องศาฯ ภายในหมู่บ้าน รวมทั้งบนยอดภูลมโล ทำให้นักท่องเที่ยวที่ไปพักค้างคืนต่างตื่นตาตื่นใจได้ชมแม่คะนิ้งในปีนี้ ซึ่ง นายสมัคร ทองแซก อายุ 70 ปี ชาวบ้านร่องกล้า กล่าวว่า นับตั้งแต่ช่วงปีใหม่ที่บ้านร่องกล้าเกิดปรากฏการณ์แม่คะนิ้งครั้งนี้เป็นรอบที่ 3 แล้วสำหรับ จ.เลย อุณหภูมิลดลงอีก 1-2 องศาฯ ทำให้พื้นราบอุณหภูมิเหลือ 6-9 องศาฯ ส่วนยอดภูอยู่ที่ 0-4 องศาฯ รวมถึงที่อุทยานแห่งชาติภูเรือ อุณหภูมิอยู่ที่ 0 องศาฯ เป็นวันที่ 2 ขณะที่ อ.ด่านซ้าย อุณหภูมิอยู่ที่ 6-7 องศาฯ ชาวบ้านที่ออกมาทำไร่ นำพืชผลมาขายที่ตลาดแต่เช้าต้องนั่งผิงไฟให้ร่างกายอบอุ่น ส่วนเด็กๆต้องใส่เสื้อหนาวมาโรงเรียนและทำกิจกรรมกลางแสงแดดก่อนเข้าเรียน ขณะเดียวกันยังเกิดน้ำค้างแข็งในหลายพื้นที่ อาทิ ที่โรงเรียนบ้านนาลานข้าว ต.โพนสูง พบบนหลังคารถยนต์ขาวโพลนไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งที่เกาะอยู่เต็มขณะที่จังหวัดริมโขง อาทิ จ.บึงกาฬ ช่วงเช้ายังมีอากาศหนาวเย็นต่อเนื่อง อุณหภูมิพื้นราบวัดได้ 9 องศาฯ ในขณะที่ยอดภูใกล้แหล่งน้ำ ติดเชิงเขา อยู่ที่ 7-8 องศาฯ พร้อมกับมีหมอกลงและลมกระโชกแรงพัดมาจากฝั่ง สปป.ลาว ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่ทั้ง 8 อำเภอของจังหวัดบึงกาฬ เช่นเดียวกับ จ.หนองคาย ที่แลนด์มาร์กพญานาค วัดอุณหภูมิอยู่ที่ 9-10 องศาฯ ขณะเดียวกันที่หน้าจุดบริการประชาชน สภ.หนองบุญมาก 3 แยกบ้านหนองตะไก้ ต.หนองตะไก้ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา อุณหภูมิลดลงแตะ 10 องศาฯ ทำให้ น.ส.จริญญา ประจิตร์ วัย 32 ปี ที่มาเปิดแผงลอยนำเสื้อผ้ามือสองมาวางจำหน่ายเป็นประจำทุกวัน ได้นำเสื้อกันหนาวมือสองหลายร้อยตัวมาวางให้ลูกค้าและผู้คนที่ผ่านไปมาเลือกหากลับไปสวมใส่ รวมถึงนำไปฝากเด็กและคนชราในครอบครัวกันได้ฟรี เป็นการช่วยเหลือครอบครัวที่มีรายได้น้อยและกำลังประสบกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นอยู่ในช่วงนี้สำหรับภาคใต้ ฝั่งชายทะเลอ่าวไทย ตลอดวันที่ 13 ม.ค. ทะเลยังคงมีคลื่นสูง ลมกระโชกแรง ทำให้เกิดคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่งรุนแรง และบางพื้นที่น้ำทะเลหนุนสูงเข้าท่วมบ้านเรือน โดยที่ จ.นครศรี ธรรมราช ประชาชนใน 4 ตำบลของ อ.ปากพนัง ได้รับผลกระทบประกอบด้วย ต.แหลมตะลุมพุก จำนวน 750 ครัวเรือน ต.ปากพนัง ฝั่งตะวันออก 400 ครัวเรือน ต.ท่าพญา 200 ครัวเรือน และ ต.ขนาบนาก 375 รวม 1,725 ครัวเรือน นอกจากนี้ถนนสายหลัก ปากพนัง-หัวไทร และปากพนัง-แหลมตะลุมพุก น้ำทะเลท่วมขังทำให้มีเศษขยะที่ถูกคลื่นทะเลซัดเกลื่อนถนนเป็นช่วงๆ ด้านนายสัญชัย อายุ 65 ปี ชาวประมงพื้นบ้าน หมู่ 3 ต.แหลมตะลุมพุก กล่าวว่า ตนและชาวประมงพื้นบ้านย้ายเครื่องมือและเรือประมงขึ้นฝั่งแล้ว หลังจากนี้คงหยุดออกเรือหาปลานานนับเดือน จนกว่ามรสุมคลื่นลมทะเลจะสงบนอกจากนี้ จังหวัดที่มีชายฝั่งติดทะเลอ่าวไทย ก็ได้ปักธงแดงห้ามประชาชนและนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำทะเล อาทิ ที่หาดทรายแก้ว อ.สิงหนคร มีคลื่นสูงกว่า 2-4 เมตร ซัดเข้าหาฝั่ง เจ้าหน้าที่ยกธงแดง ห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ และห้ามเดินบนสันเขื่อนโดยเด็ดขาด เนื่องจากน้ำทะเลได้ซัดข้ามมายังถนนริมชายทะเลด้วยต่อมาในช่วงเย็นวันที่ 13 ม.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยรวมทั้งทะเลอันดามัน (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 13 มกราคม 2568) ฉบับที่ 12 ซึ่งเป็นฉบับสุดท้ายของเหตุการณ์นี้ โดยระบุว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงที่ปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกบางในตอนเช้าแต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวและหนาวจัดในบางพื้นที่ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้และทะเลอันดามัน มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางแห่งบริเวณตอนล่างของภาค ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีก 1 วันอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่