ผบช.สพฐ.ตร.แถลงผลตรวจพิสูจน์ปมมรณะคร่าชีวิต ร.ต.อ. หญิง กับลูกสาว 3 ศพ คาห้องน้ำในบ้าน ต้นตอจากน้ำยาล้างท่อตัน ตราเต่า ที่ผู้เป็นแม่นำมาเทราดลงท่อ เป็นกรดซัลฟิวริกเข้มข้นสูงไปทำปฏิกิริยากับสิ่งอุดตันสารตกค้างในท่อ จนกลายเป็นก๊าซไข่เน่า มีพิษรุนแรงถึงขั้นหยุดหายใจ เฉียบพลัน ประกอบกับห้องน้ำขนาดเล็กมีช่องระบายอากาศนิดเดียว แถมประตูแบบเปิดเข้า พอมีคนหมดสติ ในห้องน้ำแล้วคนที่เข้าไปช่วยต้องสูดดมก๊าซพิษเข้าไปด้วย แฉน้ำยาล้างท่อตันไม่มีเลขทะเบียน อย. และไม่มีทะเบียนวัตถุอันตรายที่ใช้ในการสาธารณสุข หากสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากผลิตภัณฑ์ก็ฟ้องร้องได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ พฐ.เข้าตรวจที่เกิดเหตุอีกครั้ง เร่งไขคดี ให้กระจ่างชัดจากเหตุสลดใจ กรณีการเสียชีวิตของ ร.ต.อ.หญิง อนัญญา หรือผู้กองนก บุษยากุล อายุ 60 ปี รอง สว.สส.สภ.เมืองชลบุรี น.ส.จิตรพิสุทธิ์ บุษยากุล อายุ 34 ปี ลูกสาวคนโต และ น.ส.ปัณณิกา บุษยากุล อายุ 25 ปี ลูกสาวคนเล็ก หลังพบร่างทั้ง 3 คนแม่ลูกนอนหมดสติอยู่ในห้องน้ำชั้นล่างของบ้านพักตำรวจ บริเวณหลัง สภ.เมืองชลบุรี เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 ส.ค. หน่วยกู้ชีพกู้ภัยพยายามช่วยปฐมพยาบาลแต่สุดท้ายเสียชีวิตทั้ง 3 ศพ สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้กองนกให้ น.ส.ข้าวฟ่าง สาวทอมเพื่อนสนิทของลูกสาวคนโต ไปซื้อโซดาไฟมาให้เพื่อเอาไปล้างท่อที่อุดตัน เบื้องต้นคาดว่า หลังจากผู้กองนกเทโซดาไฟลงไปในท่อแล้วลูกสาวคนเล็กไปเข้าห้องน้ำ สูดดมไอระเหยจนหมดสติ แม่กับพี่สาวเข้าไปช่วยเหลือก็หมดสติไปด้วยกัน ก่อนจะเสียชีวิตทั้งหมด ตรวจสอบภายในห้องน้ำพบขวดน้ำยาล้างห้องน้ำจำนวนหนึ่งและขวดน้ำยาล้างท่อตันตราเต่า เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บไปตรวจสอบความคืบหน้าผลตรวจพิสูจน์หลักฐานยืนยันชัดเจนแล้วว่าสาเหตุการเสียชีวิตไม่ได้มาจากโซดาไฟ แต่เป็นน้ำยาล้างท่อตันที่สาวทอมเพื่อนลูกสาวไปซื้อมาให้ทำปฏิกิริยาเคมีในท่อน้ำจนเกิดก๊าซไข่เน่า โดยเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 13 ส.ค. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร. แถลงผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานในคดีการเสียชีวิต 3 ศพแม่ลูกว่า หลังเกิดเหตุและได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานนำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และทราบข้อมูลจากพยานว่า ก่อนเกิดเหตุสมาชิกในบ้านได้ไปซื้อผลิตภัณฑ์ล้างท่ออุดตัน มาเพื่อแก้ปัญหาท่อตันในห้องน้ำภายในบ้าน มีลักษณะเป็นขวดสีขาวทึบ ฝาสีแดง ต่อมาเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจพบผลิตภัณฑ์ดังกล่าวภายในถังขยะ มีปริมาณของเหลวเหลืออยู่ก้นขวด ส่วนในห้องน้ำพบผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำยี่ห้อตามท้องตลาดทั่วไปอีก 4 ขวด แต่ละขวดถูกใช้งานไปแล้ว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานยังได้เก็บดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝงที่ประตูห้องน้ำ รวมถึงขวดน้ำดื่ม และอาหารภายในบ้านเพื่อนำไปตรวจสารพิษเจือปนในอาหารด้วย เบื้องต้นในที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตทันที 1 ราย และอีก 2 รายไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ทั้งหมดไม่มีบาดแผลและไม่พบรอยไหม้ในช่องปากจากการสอบปากคำพยานทราบว่า น่าจะมีการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างท่ออุดตัน ไปประมาณ 3 ชม.ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาถึง ขณะเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ยังได้กลิ่นเหม็นไหม้รุนแรง และมีอาการแสบตา แสบจมูก ส่วนลักษณะของห้องน้ำพบว่ามีขนาดเล็ก กว้าง 1.2 เมตร ยาว 2.5 เมตร สูง 2.05 เมตร และมีช่องระบายอากาศขนาดกว้าง 40 ซม.เพียงช่องเดียว ส่วนประตูเป็นแบบผลักเข้าไปด้านใน จึงสันนิษฐานว่า หากมีคนเป็นลมติดอยู่ภายใน คนที่เข้าไปช่วยจะต้องปิดประตูเพื่อช่วย ก็จะต้องสูดดมสารเคมีเข้าไปด้วยขณะที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปซื้อผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างท่ออุดตันแบบเดียวกันมาตรวจพิสูจน์ พบว่าเป็นของเหลวสีดำ เป็นกรดซัลฟิวริกที่มีความเข้มข้นสูง และไม่สามารถนำไปใช้ร่วมกับสารที่มีฤทธิ์เป็นด่างโดยเฉพาะโซดาไฟได้ หากนำไปใช้ร่วมกันแล้วไปเจอสิ่งอุดตันและสารตกค้างภายในท่อทั้งสบู่หรือน้ำยาล้างห้องน้ำจะทำปฏิกิริยากลายเป็นก๊าซไข่เน่า มีควันพวยพุ่งขึ้นมา ในอดีตเคยมีการเสียชีวิตจากก๊าซไข่เน่ามาแล้ว สำหรับผลิตภัณฑ์ตัวนี้หาซื้อได้ยาก ไม่มีขายในห้างสรรพสินค้าทั่วไป แต่จะพบในร้านขายวัสดุก่อสร้าง ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นผลิตภัณฑ์ไม่มีเลขทะเบียน อย. และไม่มีทะเบียนวัตถุอันตรายที่ใช้ในการสาธารณสุข เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะรายงานผลการตรวจสอบให้กับตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีดำเนินการต่อไปพ.ต.อ.หญิง วิภาวดี เกษมวรภูมิ นักวิทยาศาสตร์กลุ่มงานตรวจทางเคมี ฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ระบุว่า จากรายงานทางวิชาการ ปริมาณของก๊าซไข่เน่าที่ทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพมีหลายระดับ ปริมาณ 50 ppm จะทำให้ระคายเคืองตา และเยื่อบุทางเดินหายใจอักเสบ ถ้าหากก๊าซมีปริมาณ 500 ppm จะทำให้มีอาการคลื่นไส้หมดสติ หากเกิน 500 ppm จะทำให้ขาดออกซิเจนและหยุดหายใจเฉียบพลัน ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตตอนนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลชันสูตรอย่างละเอียด ถ้าเกิดจากผลิตภัณฑ์ล้างท่ออุดตันก็สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ก่อนหน้านี้ช่วงสายวันเดียวกัน พล.ต.ต.ฉัตรชัย นันทมงคล ผบก.ศพฐ.2 นำเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานภาค 2 พร้อมกำลังตำรวจ สภ.เมืองชลบุรี เดินทางมาที่บ้านที่เกิดเหตุอีกครั้ง เข้าไปติดตั้งเครื่องตรวจสอบอากาศภายในบ้าน โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวหรือผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปเด็ดขาด พล.ต.ต.ฉัตรชัย กล่าวว่า ในส่วนของการเก็บพยานหลักฐาน หากมีข้อสงสัยก็จะมาเก็บเพิ่มเติม ช่วงนี้จะกันพื้นที่ไม่ให้ใครเข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อให้คดีนี้ปราศจากข้อสงสัย โดยเฉพาะสารเคมีจะต้องตรวจสอบว่าเป็นสารอะไรกันแน่ เพราะยังไม่สามารถยืนยันได้ ต้องนำหลักฐานทั้งหมดเข้าห้องปฏิบัติการ เพราะหลักทั่วไปทั้งกรดและด่างเข้มข้นอาจจะมีผลต่อร่างกาย หากสูดดมเข้าไป รวมทั้งรับประทาน ส่วนผลจะออกมาอย่างไรก็ต้องฟังผลจากห้องปฏิบัติการ ประกอบการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามขอรอผลการตรวจสอบจากห้องปฏิบัติการจะดีกว่าเพราะมีความชัดเจน ต้องใช้เวลาขณะเดียวกันได้มีนายธิติ บุษยากุล อายุ 63 ปี สามีของผู้กองนกและเป็นพ่อของลูกสาวทั้ง 2 คน เดินทางมาที่บ้านกล่าวเพียงว่า ตอนนี้ยังสรุปอะไรไม่ได้ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกับผลชันสูตรจากโรงพยาบาลเท่านั้น ตนกับภรรยายังไม่ได้เลิกกัน ยังสมรสกันอยู่ แค่ต่างคนต้องทำหน้าที่กัน ตนต้องไปดูแลแม่และพี่สาวที่ต่างจังหวัดเลยไปๆมาๆที่บ้านหลังนี้จ.ส.ต.เจนณรงค์ บุญอยู่ สายตรวจ สภ.เมืองชลบุรี หนึ่งในผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือ 3 แม่ลูกเผยว่า ตนเข้าไปช่วยเป็นคนที่ 3 มีอาการแน่นหน้าอกทั้งวันเหมือนหายใจไม่เต็มปอด ตอนที่เข้าไปช่วยอยู่บริเวณห้องรับแขกก็สูดดมไปประมาณ 15-20 นาทีจนทนไม่ไหว เวียนหัวจนอาเจียนไป 3 ครั้ง ตอนนั้น น.ส.ข้าวฟ่างอยู่ในบ้านช่วยกับตำรวจอีกคนปั๊มหัวใจให้ให้ลูกสาวคนโต ส่วนตนกับผู้ช่วยพยาบาลอีกคนช่วยปั๊มหัวใจบริเวณหน้าห้องรับแขก เรื่องที่เกิดขึ้นขอให้เป็นไปตามพยานหลักฐานและรูปคดี ส่วนเรื่องครอบครัวของพี่นกขอไม่พูดดีกว่า ส่วนตัวตนกับพี่นกจะเจอกันทุกวัน ตอนเช้าพี่นกจะออกกำลังกายที่หน้าบ้าน ตนไปส่งลูกจะเจอกันทุกวัน พี่นกเป็นคนรักตัวเอง รักสุขภาพมาก เรื่องที่จะฆ่าตัวตายไม่มีแน่นอน ส่วนภายในบ้านก็ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ส่วนจะมีอะไรหายไปหรือไม่ก็ไม่ทราบได้เพราะตนไม่เคยเข้าไปในบ้านของพี่นกด้านคดี พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ อยู่ไพร ผกก.สภ.เมืองชลบุรี กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างทำสำนวนการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ยังต้องดูทุกประเด็นแล้วสรุปหลักฐานที่ชัดเจนออกมาจาก พฐ. รวมทั้งผลการตรวจของแพทย์ รายงานการสืบสวนการสอบสวนของพนักงานการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานกันอีกครั้ง ส่วนเรื่องของสารเคมีที่ทำให้เสียชีวิตยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของแพทย์ พนักงานสอบสวนเร่งรัดอยู่อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่