สาวนักพนันร้องถูกตำรวจลาดกระบังยกพลกว่า 20 นายบุกจับพร้อมพวก 7 คน ขณะนัดมาเล่นป๊อก 8-9 ที่บ้านเพื่อนก่อนถูกคุมตัวมาที่โรงพัก บังคับให้ทุกคนถอดทรัพย์สินมีค่าและโอนเงินเข้าบัญชีรวมกันแล้วกว่า 2 ล้านบาท เฉพาะคนร้องโดนไป 8 แสนบาท หลังจากถูกส่งฟ้องศาลแล้วกลับไม่ได้เงินคืน ตั้งข้อสงสัยทำไมเจ้าของบ้านถึงไม่ถูกจับด้วย ด้าน ผบก.น.3 นั่งไม่ติดสั่งตั้งกรรมการสอบเส้นเงินชุดจับกุม ยันลูกน้องทำตามหน้าที่มีไปทั้งหมดแค่ 7 คน ยึดของกลาง 700 บาทเท่านั้น ส่วนเจ้าของบ้านที่ไม่ถูกจับเพราะเป็นคนแจ้งเบาะแสตำรวจลาดกระบังโดนร้องจับพนันมีเงื่อนงำครั้งนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 ก.ค. ที่สำนักงานทนายความรัชพล ศิริสาคร อ.เมืองนนทบุรี น.ส.ตา (นามสมมติ) อายุ 37 ปี นำหลักฐานสลิปบัญชีการโอนเงิน เข้าร้องเรียนทนายรัชพล ศิริสาคร เพื่อขอคำปรึกษากรณีถูกตำรวจ สน.ลาดกระบัง จับลักลอบเล่นการพนัน ด้านคดีได้เสียค่าปรับศาลข้อหาลักลอบเล่นการพนันไปแล้ว แต่ตำรวจเจ้าของคดีไม่ยอมคืนเงินที่ถูกยึดไปจากบัญชีคืนมาให้ ทั้งของเพื่อนที่ร่วมกันเล่นพนันและของตนรวมแล้วเกือบ 2 ล้านบาท ส่วนเจ้าของบ้านกลับไม่ถูกจับดำเนินคดีน.ส.ตากล่าวว่า กลุ่มพวกตนและเจ้าของบ้านรู้จักกันมาก่อนจากการตระเวนเล่นพนันไพ่ป๊อก 8-9 ตามบ้านเพื่อนไม่เคยเข้าไปเล่นในบ่อน วันที่ 10 มิ.ย. ได้นัดหมายไปเล่นที่บ้านเพื่อนย่านลาดกระบัง ตั้งแต่บ่ายโมงจนกระทั่งบ่าย 2 โมง มีตำรวจกว่า 20 นาย บุกเข้ามาจับยึดเงินของกลางกว่า 2 แสนบาท นอกจากนี้ ยังให้พวกตนเขียนรหัสธนาคาร ไลน์ และเฟซบุ๊กในกระดาษให้ บังคับให้โอนเงินจากบัญชีตนและกลุ่มเพื่อนรวมทั้งให้ถอดทรัพย์สินมีค่าในตัวออกให้หมดรวมแล้วเกือบ 2 ล้านบาท บางรายรหัสบัญชีใช้ไม่ได้ก็ให้สแกนใบหน้า ตำรวจอ้างว่าหลังเสร็จสิ้นคดีจะคืนเงินให้ ส่วนของตนเงินที่ถูกโอนออกไป 8 แสนบาท บัญชีที่โอนไปนั้นทางทนายขอให้สงวนไว้เพื่อผลทางคดี ก่อนที่ตำรวจจะควบคุมตนและเพื่อน 7 คนไป สน.ลาดกระบัง ช่วงสายอีกวันถูกนำตัวไปส่งศาลเพื่อเปรียบเทียบปรับข้อหาลักลอบเล่นการพนัน น.ส.ตากล่าวว่า แปลกใจทำไมตำรวจไม่จับเพื่อนที่เป็นเจ้าของบ้านไปดำเนินคดีด้วย ส่วนเพื่อนตนอีกคนไม่ได้เล่นแต่ถูกจับ ไปสอบถามที่โรงพักมีตำรวจบอกว่า รู้จักกับสารวัตรรายหนึ่งบนโรงพัก มาทราบตอนหลังว่าเจ้าของบ้านบอกพวกตนรวมหัวกันเล่นโกง ตนจะโกงได้อย่างไรเมื่อเล่นพนันไม่มีเจ้ามือใช้วิธีเวียนกันแจกไพ่ไปตามรอบ เมื่อไปสอบถามตำรวจเจ้าของคดีเรื่องเงินที่ยึดไว้ก็ไม่ได้รับคำตอบนำเรื่องปรึกษาทนายหาวิธีให้ตำรวจคืนเงินด้านทนายรัชพลกล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมันอยู่ในพื้นที่ สน.ลาดกระบัง แต่จะไปร้องที่ สน.ลาดกระบังคงไม่ถูกต้อง คงต้องไปที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือที่สูงกว่าให้ช่วยตรวจสอบว่าเรื่องเป็นมายังไง มีพยานหลักฐานอะไรบ้าง สำหรับตนค่อนข้างจะเชื่อ เพราะดูหลักฐานการโอนเงินระหว่างที่ถูกจับอยู่ คนที่ถูกจับอยู่คงไม่มานั่งใช้หนี้กัน และอยู่ในระหว่างที่จะขอประกันตัว แล้วไม่ได้โอนคนเดียวแต่กลุ่มที่เล่นด้วยกันก็โดนด้วย อยากให้ตรวจสอบด้วยว่ามีอะไรเกิดขึ้นกันในโรงพัก ถ้าการโอนเงินมีการบังคับข่มขืนใจให้กระทำมันเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ ส่วนงานที่เกี่ยวข้องอาจจะร้องไป “บิ๊กเต่า “พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพราะท่านดูแลด้านนี้โดยตรงในเรื่องมาตรา 157 ทำไมไม่ดำเนินคดีกับเจ้าบ้าน เรื่องนี้ถ้าไม่ถูกต้องจริงๆต้องคืนเงิน เพราะการโอนเงินไปโดยไม่มีเหตุอะไรเลย ไม่มีสิทธิ์อยู่แล้ว และถ้ามีการดำเนินคดีกรรโชกทรัพย์ เงินตรงนี้เป็นของกลางก็ต้องคืนให้กับผู้เสียหายอยู่แล้วต่อมาเวลา 16.30 น.วันเดียวกัน ที่ สน.ลาดกระบัง พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3 พ.ต.อ. สมคิด ประเชิญสุข ผกก.สน.ลาดกระบัง ร่วมชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พ.ต.อ.สมคิดกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เจ้าของบ้านและลูกสาวมาลงบันทึกประจำวันที่ สน.ลาดกระบัง เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 10 มิ.ย. ว่าจะมีการลักลอบเล่นการพนันที่บ้านย่านลาดกระบัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดกระบังไปตรวจสอบพร้อมจับกุมผู้ต้องหา 7 คน ของกลางเงินสด 700 บาท ข้อหาร่วมกันลักลอบเล่นการพนัน พนันเอาทรัพย์สินกันโดยผิดกฎหมาย นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพ ส่งฟ้องศาลดำเนินคดี และศาลมีคำพิพากษาเรียบร้อยแล้ว เป็นเหตุผลที่ตำรวจไม่ได้จับกุมเจ้าของบ้านและลูกสาว เนื่องจากอยู่ในสถานะสายลับผู้แจ้งเบาะแสและให้สัญญาณตำรวจเข้าจับกุม วันที่จับกุมมีตำรวจฝ่ายป้องกันและปราบปรามจาก สน.ลาดกระบังเพียง 7 นาย ไม่ได้มีตำรวจ 30-40 นายตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างพ.ต.อ.สมคิดกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีเจ้าของบ้านที่จะมีพฤติกรรมเล่นพนันก่อนหน้านี้หรือไม่ ต้องตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งเรื่องเงิน 800,000 บาท ที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างว่าตำรวจบังคับให้โอนเงินไปให้เจ้าของบ้านนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะมีการส่งดำเนินคดีตามขั้นตอน ยืนยันว่าของกลางที่จับได้ คือเงินกองกลาง 700 บาท ไม่ใช่ 200,000 บาท ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงยืนยันว่า ผู้เสียหายไม่เคยมาพบตนรวมทั้งสารวัตร หัวหน้าชุดจับกุมไม่ได้เป็นญาติกับเจ้าของบ้านตามที่ผู้เสียหายกล่าวหาด้าน พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3 กล่าวชี้แจงว่า เบื้องต้น บก.น.3 ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางสื่อมวลชน มอบหมายให้ พ.ต.อ.โฆษิต บุญทวี รอง ผบก.น. 3 เป็นผู้ตรวจสอบโดยเร็วที่สุด ส่วนการรับฟังข้อร้องเรียน เบื้องต้นจะติดตามทั้ง 7 คน ที่ถูกจับกุมมาสอบปากคำว่า กระทำตามที่กล่าวหาจริงหรือไม่ เนื่องจากวันนี้ยังไม่ได้ฟังทางเจ้าของบ้านทางผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ รวมถึงข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดจากทางชุดจับกุม พร้อมกันนี้ได้สั่งให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินตำรวจทั้ง 7 นาย ให้ชัดเจนด้วยว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่