“งานบุญบั้งไฟ” เป็นประเพณีดั้งเดิมของชาวอีสาน ชาวบ้านมีความเชื่อแต่โบราณที่สืบทอดกันมาว่าการจุดบั้งไฟเป็นการขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล กำหนดให้มีการจัดงานบุญบั้งไฟภายในเดือนหกของทุกปี คือก่อนฤดูกาลทำนา เป็นความร่วมมือกันของคนในชุมชนรวมถึงพระสงฆ์การจัดงานมีกิจกรรมรื่นเริง มีขบวนฟ้อนรำ และมีขบวนแห่บั้งไฟอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเฉลิมฉลองก่อนนำไปจุด สำหรับบั้งไฟในสมัยก่อนจะทำขึ้นจากลำไม้ไผ่ที่ทะลวงปล้องตรงกลางให้ถึงกัน แล้วอัดด้วยดินปืนเข้าไปภายในต่อมา มีวิวัฒนาการเปลี่ยนจากลำไม้ไผ่มาเป็นท่อพีวีซี อุปกรณ์มีขนาดใหญ่แต่เบา ปรับปรุงพัฒนาดินปืน จากสูตรต้นตำรับให้มีความรุนแรง ทะยานลอยขึ้นฟ้าสูงกว่าในอดีต ส่วนฐานจุดบั้งไฟตั้งบริเวณกลางทุ่งนาห่างไกลจากชุมชน ป้องกันไม่ให้บั้งไฟที่จุดแล้วตกใส่บ้านเรือนของชาวบ้าน ฐานจุดบั้งไฟตั้งบริเวณกลางทุ่งนาห่างไกลจากชุมชน เพื่อป้องกันไม่ให้บั้งไฟตกใส่บ้านเรือนประชาชน แต่ปัจจุบันมีการเล่นพนันเข้ามาแอบแฝง และบั้งไฟถูกวิวัฒนาการให้มีน้ำหนักเบา เชื้อเพลิงมีความรุนแรง ละเมิดกฎความปลอดภัย ทำให้ลอยสูงกว่าระดับเพดานบินกว่า 8,000 ฟุต เสี่ยงทำให้เกิดอันตราย.อย่างไรก็ตาม การจุดบั้งไฟจากงานประเพณี เริ่มจากการแข่งขันกัน บั้งไฟของใครจะพุ่งทะยานได้สูงและนานกว่ากัน ต่อมากลายเป็นการเล่นพนันเรื่อยมาจนเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวอีสานกระทั่ง กลายเป็น “บ่อนพนันบั้งไฟ” มีบรรดาเซียนพนันทั่วทุกสารทิศเข้าร่วม เพราะมีการได้เสียรวดเร็วภายในวันเดียว เมื่อเสียจากสนามนี้อาจไปแก้มือได้ในสนามอื่นในละแวกจังหวัดใกล้เคียงกันเป็นที่รู้กันโดยทั่วไป บ่อนพนันบั้งไฟ มีการจ่ายส่วยให้ทุกระดับตั้งแต่ระดับหมู่บ้านไปจนถึงระดับภาค เป็นตัวเลขจำนวนเงินในแต่ละวันนับล้านบาท รวมถึงข้าราชการระดับจังหวัดจึงไม่น่าแปลกใจว่าถึงแม้จะมีสื่อแทบทุกแขนง นำเสนอข่าวเรื่องการพนันบั้งไฟอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถที่จะทำการหยุดยั้งไม่ให้มีการเล่นพนันได้ต่อมา กลายเป็นกระแสอีกเมื่อมี “นักบินโพสต์ในโลกออนไลน์” ระบุเห็นบั้งไฟพุ่งลอยขึ้นมาสูงกว่าระดับเพดานบิน มีการนำเสนอเรื่องราวในสื่อหลายสำนักเรื่องความปลอดภัย ว่าที่ ร.ต.อัธยา ลาภมาก ผอ.ท่าอากาศยานอุบลราชธานีเมื่อไปสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ต่างอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็น มีเพียง ว่าที่ ร.ต.อัธยา ลาภมาก ผอ.ท่าอากาศยานอุบลราชธานี ออกมาให้ข้อมูลว่า ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ 4 จังหวัด อีสานใต้ มีคำขออนุญาตจุดบั้งไฟแจ้งเข้ามา 236 คำขอ มากที่สุดคือ จ.ยโสธร 2,500 ลูก รองมาคือ จ.ศรีสะเกษ 890 ลูกว่าที่ ร.ต.อัธยา กล่าวต่อว่า หลังจากได้รับหนังสือแจ้งจากทางอำเภอ ส่งเรื่องไปยังส่วนกลางเพื่อแจ้งนักบินทราบถึงพิกัดที่จะมีการจุดบั้งไฟในพื้นที่ต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการบินไปในบริเวณดังกล่าวส่วนกรณีนักบินพบเห็นบั้งไฟ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา อยู่ในแนวเขตร่อนของ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ วันดังกล่าวมีการแจ้งขออนุญาตจุดบั้งไฟในความสูง “3,000 ฟุต”แต่นักบินแจ้งว่าความสูงของบั้งไฟประมาณ “8,000 ฟุต” สูงกว่าที่ขออนุญาตเกือบ 3 เท่า (2.4 กิโลเมตร) พร้อมระบุว่า “อันตรายมาก” ต้องแนะนำเส้นทางบินหลบกันอุตลุด การพนันบั้งไฟ มีการจ่ายส่วยให้ทุกระดับตั้งแต่ระดับหมู่บ้านไปจนถึงระดับภาค และข้าราชการในจังหวัดต่างๆ รวมถึงมีนักการเมืองระดับท้องถิ่นและระดับชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ควบคุมการจุดบั้งไฟไม่ได้.“ขณะนั้น นักบินเทกออฟจากสนามบินขึ้นมาอยู่ในระดับความสูง 5,000 ฟุต การแจ้งเตือนเรื่องอันตรายจากการจุดบั้งไฟนี้ ท่าอากาศยานอุบลราชธานี ทำหนังสือแจ้งเตือนให้ทุกอำเภอใน จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร และอำนาจเจริญทราบเป็นประจำทุกปี แต่นักบินแจ้งให้ทราบเข้ามาทุกปีเช่นกัน” ว่าที่ ร.ต.อัธยา กล่าวคาดว่าปีนี้นักบินคงทนไม่ไหว นำไปเขียนระบาย ลงในโลกออนไลน์ห่วงเรื่องความปลอดภัย จนเกิดเป็นกระแสขึ้นมาอีกครั้ง จากนี้คงต้องติดตามกัน ต่อไปว่า ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในส่วนอื่นๆจะจัดการในเรื่องนี้ต่อไปอย่างไรส่วนใหญ่มักอ้างว่าเป็นงานบุญประเพณีของชาวบ้าน ทั้งที่มีการเล่นการพนันบั้งไฟกันทั้งในและนอกฤดูกาล หรือจะต้องปล่อยให้มีเหตุการณ์ร้ายแรง บั้งไฟพุ่งชนเครื่องบินระเบิดตายเกลื่อน จึงค่อยเข้ามาจัดการแน่นอนที่สุดการพนันบั้งไฟในแต่ละพื้นที่ล้วนมี นักการเมือง ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ เข้ามาเกี่ยวข้อง ขนาดและความสูงของการจุดบั้งไฟ ไม่อาจที่จะควบคุมได้อย่าปล่อยให้ “การพนัน” มาครอบงำทำลายประเพณีพื้นบ้าน ที่สืบทอดกันมาแต่โบราณและเป็นอันตรายต่อชีวิตผู้คน. บรรยากาศเซียนพนันต่อรองและจ่ายเงินเดิมพันอย่างโจ่งแจ้ง ในพื้นที่ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี พนันการจุดบั้งไฟใครจะสูงกว่ากัน.ทีมข่าวภูมิภาค รายงานอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่