กรณีเพจสถานทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทยได้เผยแพร่ข้อมูลเตือนชาวอินโดนีเซียที่จะเข้ามาท่องเที่ยวไทยให้เตรียมหนังสือเดินทางทริปการท่องเที่ยวและเงินติดตัว ไม่เช่นนั้นจะถูก ตม.ไทยส่งกลับต่อมามีนักท่องเที่ยวสาวชาวอินโดนีเซียเผยแพร่คลิปลง Tiktok เผยว่าช่วงเดือน ม.ค. เดินทางมากับสามี ฉลองฮันนีมูนที่ประเทศไทย ผ่าน ตม.ได้ แต่สามีติด ตม. เนื่องจากไม่มีเงินติดตัว กด ATM แสดงเงินแต่เจ้าหน้าที่ ตม.ส่งสามีตนกลับ เป็นเหตุให้ตนต้องยกเลิกทริป และเดินทางกลับไปพร้อมสามี เปลี่ยนไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นแทนกลายเป็นไวรัลในอินโดนีเซียมียอดวิว 24.5 K และยอด comment 1,476 แสดงความเห็น ส่งผลเสียหายอย่างหนักต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย และสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอย่างมากพล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 และ โฆษก สตม. ไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าผู้โพสต์เป็นหญิงชาวอินโดนีเซียเข้าไทยทางสนามบินดอนเมือง เที่ยวบินที่ FD395 จากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ปรากฏภาพในวงจรปิดว่าหญิงดังกล่าวเดินทางเพียงคนเดียวไม่มีสามีมาด้วยตามที่กล่าวอ้าง ได้รับอนุญาตเข้าไทยและเดินทางออกจากไทยวันที่ 16 ม.ค. ทางสนามบินสุวรรณภูมิ พักอยู่ไทย 13 วัน ไม่ได้เดินทางออกทันทีตามที่พูดในคลิปพบเข้าออกไทยบ่อยครั้ง มีอาชีพขายของออนไลน์ เชื่อว่าตั้งใจกุเรื่องขึ้นเพื่อสร้าง content เท่านั้นพล.ต.ต.เชิงรณ เชิญผู้แทนสถานทูตอินโดนีเซียในไทยฟังชี้แจง นางเดวี เลสตารี อัครราชทูตที่ปรึกษา หัวหน้าฝ่ายพิธีการทูตและกงสุลอินโดนีเซีย นายนิธิ สีแพร รองผู้ว่าการด้านการสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย เนื่องจากเรื่องนี้กระทบต่อนโยบายเปิดฟรีวีซ่าและกระตุ้นการท่องเที่ยวของทางรัฐบาลพล.ต.ต.เชิงรณ ชี้แจงพร้อมเปิดเผยหลักฐาน “กล้องวงจรปิด” เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยัน ตม.ไทยจัดลำดับตรวจสอบกลุ่มท่องเที่ยวที่อาจแฝงตัวเข้ามาลักลอบทำงาน โดยดูแผนการท่องเที่ยว การจองที่พักเป็นหลักส่วนเงินติดตัวเป็นประเด็นประกอบ ปัจจุบันใช้บัตรเครดิต ระบบ E-payment การกล่าวอ้างเรื่องมีเงินติดตัวไม่พอถูกปฏิเสธการเข้าเมืองไม่ตรงตามข้อเท็จจริง คนต่างชาติที่ถูกปฏิเสธเข้าเมืองส่วนใหญ่ไม่สามารถแสดงแผนการท่องเที่ยว ไม่มีการจองที่พัก บางรายใช้หลักฐานการจองที่พักปลอมตบตาเจ้าหน้าที่ ตม.ด้วยพล.ต.ต.เชิงรณ พบว่าปัจจุบันคนอินโดนีเซียจำนวนมากถูกหลอกให้บินเข้าไทยเพื่อผ่านแดนไปประเทศเพื่อนบ้านเข้าไปทำงานเป็น “คอลเซ็นเตอร์” ซึ่งเข้าข่ายเสี่ยงค้ามนุษย์ ที่ผ่านมาสถานทูตอินโดนีเซียมีหนังสือขอบคุณเจ้าหน้าที่ ตม.สนามบินดอนเมือง ที่ช่วยคัดกรองชาวอินโดนีเซียให้ด้วยซ้ำเป็นอีกปัญหาใหญ่สังคม “สื่อออนไลน์”.“เพลิงพยัคฆ์”pluengpayak@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ "เลขที่1 วิภาวดีฯ" เพิ่มเติม