ญาติมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิรับร่างสาว 1 ใน 5 ผู้ต้องหาที่ถูกฟ้องข้อหาบุกรุกคดีครอบครองปรปักษ์บ้าน ผูกคอเสียชีวิตไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบางเตย ย่านบึงกุ่ม กทม. พี่สาวผู้ตายที่ตกเป็นผู้ต้องหาด้วย เผยยอมถอนฟ้องคดีครอบครองปรปักษ์บ้านคู่กรณี ขอโทษ “อากู๋” เจ้าของบ้าน หลานชายและหลานสะใภ้ ยืนยันทนายไม่ได้แนะนำให้ฟ้องร้องหรือดันทุรังสู้คดีต่อ น้องสาวที่เสียชีวิตไม่ได้กราบเท้าทนายเพื่อขอให้ถอนฟ้องตามที่ปรากฏในคลิปเสียง ด้านสามีผู้ตายร่ำไห้บอกยอมถอยไม่อยากให้ไปต่อว่าต่อขาน คนตายอีกแล้ว ส่วนทนายฝ่ายผู้ต้องหาระบุพร้อมถอนคดีตามความต้องการลูกความหลังจากงานศพเสร็จเรียบร้อยกรณี น.ส.ภาณุมาศ หรือณุ สามัคคี อายุ 52 ปี 1 ใน 5 ผู้ต้องหาถูกฟ้องคดีบุกรุก ผูกคอตายคาบ้านย่านคันนายาว กทม. ตอนสายวันที่ 26 ก.พ. คาดเกิดจากความเครียดจากคดีฟ้องร้องครอบครองปรปักษ์ บ้านเลขที่ 12/119 (62) หมู่บ้านฟายน์โฮม ซอยรามอินทรา 58 แยก 6-2 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กทม. ที่นายเหมทัศน์ หรืออากู๋ ปราชญานุสิทธิ์ อายุ 64 ปี ซื้อบ้านดังกล่าวไว้ยกให้หลานชาย นายภคิน หรือซัน ทิมกุล กระทั่งวันที่ 31 ส.ค.66 พบว่าถูกเพื่อนบ้านยึดเปิดร้านขายไก่ทอด ต่อมาวันที่ 1 ก.ย.66 นายภคินรับมอบอำนาจจากอากู๋แจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ได้แก่ น.ส.ภาณุมาศ หรือณุ สามัคคี ผู้ตาย น.ส.ศรีพรรณ สามัคคี พี่สาวผู้ตาย นางนิตยา สามัคคี นายพลกฤษณ์ ทองคำ และนางมาลี ชินน้อย และวันที่ 8 ก.พ. แจ้งดำเนินคดี น.ส.ศรีพรรณข้อหาบุกรุกเนื่องจากไปยื่นคำร้องศาลให้ออกคำสั่งครอบครองปรปักษ์บ้านดังกล่าวอีก ทนายความอ้างว่าคู่กรณีใช้สื่อกดดันทำลูกความเครียดคิดสั้น ขณะที่ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ พร้อมหลานอากู๋แถลงโต้ว่าร้องเรียนสื่อเพื่อเสนอข่าวช่วยผู้เดือดร้อนให้ได้รับความเป็นธรรม พร้อมอโหสิกรรมผู้เสียชีวิต ความคืบหน้าที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 27 ก.พ. มีรายงาน ไม่มีญาติเดินทางมาติดต่อขอรับศพ น.ส.ภาณุมาศแต่อย่างใด มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู 2 นาย ได้รับมอบหมายจากนายพลกฤษณ์ ทองคำ อายุ 49 ปี สามี น.ส.ภาณุมาศเป็นตัวแทนติดต่อรับศพของ น.ส.ภาณุมาศ ที่สถาบันนิติเวชฯ นำร่างขึ้นรถตู้ไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่วัดบางเตย ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.มีรายงานว่า นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ เปิดเผยคลิปเสียงบทสนทนาระหว่าง นายเหมทัศน์ หรืออากู๋ เจ้าของบ้าน กับ น.ส.ภาณุมาศ ผู้เสียชีวิต มีความยาว 01.22 นาที คลิปเสียงดังกล่าวเป็นการพูดเจรจาคดีกับผู้ฟ้องร้อง เป็นคลิปเสียงช่วงหนึี่ง อากู๋กล่าวว่า “ให้เกียรติกันไง แล้วจริงๆน่ะ มันก็ไม่เลยเถิดถ้าไม่ไปแจ้งปรปักษ์ ตอนนี้พอแจ้งปรปักษ์” จากนั้น น.ส.ภาณุมาศพูดว่า “กู๋คะ ตอนนี้เราคุยกับทนายแล้วค่ะ เราจะยกเลิกปรปักษ์ เราจะไม่ทำแล้วค่ะ เพราะด้วยที่เรา หนูชื่อณุ หนูจะไม่ทำแล้ว เมื่อวานหนูก็เรียกคุยกับทนายที่ออฟฟิศ แล้วหนูก็กราบเท้าเขาเลยค่ะ เพราะว่าหนูคิดว่าตัวเองด้วยความที่ทุกคนก็จะมาแนะนำแล้วว่า ทำแบบนี้สิ โดนคดีความไปแล้ว 13 ปีแล้ว เราทำแบบนี้เราถึงจะชนะ”ฝ่ายผู้ตายพูดต่อว่า “คือเรายอมรับเลยว่า ทุกอย่างเราไม่เป็นตัวของตัวเองเลย แล้วเมื่อวานหนูก็ได้คุยกับทนายอะค่ะ กราบเท้าเขาเลยค่ะว่าไม่อยากทำแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่เจตนาของหนูตั้งแต่แรกจริงๆ พี่สาวหนูเข้าไปดูแลจริงๆ เข้าไปดูแลทำโน่นทำนี่ทำนั่นทำอะไร มีอะไรเขาก็จะปรึกษาว่า เนี่ยหลังคามันรั่วนะ อันนี้มันหลุดนะ อะค่ะอากู๋” จากนั้นคลิปเสียงก็ถูกตัดออกไปต่อมา เวลา 14.30 น. ที่ศาลา 8 วัดบางเตย ญาติต่างทยอยเดินทางมาร่วมรดน้ำศพ น.ส.ภาณุมาศ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า สมาชิกครอบครัวต่างโผกอดและร่ำไห้กัน น.ส.ศรีพรรณ สามัคคี พี่สาวผู้ตาย เปิดเผยว่า จากนี้พวกตนยินดีจะถอนการฟ้องร้องคดีครอบครองปรปักษ์และขอโทษไปยังอากู๋เจ้าของบ้าน นายซัน และ น.ส.อาย หลานชายและหลานสะใภ้ด้วย เพราะตนเสียใจกับเรื่องนี้ พร้อมขอความเป็นส่วนตัว เนื่องจากเห็นสื่อมวลชนแล้วรู้สึกกดดัน ตามจริงแล้วเรามีวิธีที่จะพูดคุยแก้ไขกันได้ ไม่น่าเกิดเหตุกะทันหันเช่นนี้ ยืนยันว่าน้องสาวไม่ได้ไปกราบเท้าทนายความเพื่อขอให้ถอนการฟ้องร้อง ขณะนั้นไปพูดคุยและปรึกษาเรื่องคดีกัน ทนายความไม่ได้เป็นผู้แนะนำให้ฟ้องการครอบครองปรปักษ์หรือดันทุรังให้สู้คดีต่อ แต่แนะว่าคดีบุกรุกของพวกตนเป็นคดีอาญา หากช่วยได้ก็จะพ้นผิด แต่คดีครอบครองปรปักษ์ไม่เกี่ยวกับคดีอาญา เมื่อถอนฟ้องทนายความก็ต้องถอน ต่อมา นายวัฒนา เรืองแก้ว ทนายความเดินทางมาร่วมงานศพ น.ส.ภาณุมาศที่วัด กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุยังไม่มีพูดคุยคดีความกับลูกความเลย ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นศาลเป็นเรื่องของผู้ร้อง คือ น.ส.ศรีพรรณพี่สาวผู้เสียชีวิตเป็นผู้ร้องคดีครอบครองปรปักษ์จะถอนฟ้องขึ้นอยู่กับผู้ร้อง กรณี น.ส.ภาณุมาศขอร้องขอให้ถอนฟ้องเป็นเพราะเขามีอาการป่วยเราก็เห็นใจที่มีต้องการแบบนั้น แต่ผู้ร้องคนอื่นอาจจะมีความเห็นที่แตกต่างกันออกไป ทุกคนคิดว่าน่าจะมีบทสรุปและทางออกที่ดีร่วมกันได้ ตนไม่เคยได้พูดคุยกับทางฝั่งของอากู๋เลย อยากให้ทุกคนกลับไปทบทวนคดีนี้เริ่มต้นด้วยสื่อมวลชนก่อนมีการแจ้งความตำรวจด้วย ช่วงแรกยังไม่ได้มีการเจรจาพูดคุยกันในคดีครอบครองปรปักษ์ เพราะฉะนั้นอาจมีทางออกที่ไม่ขัดแย้งไม่เกิดปัญหา ถ้าไม่มีสื่อมวลชนมาทำข่าวอย่างต่อเนื่องก็อาจไม่เกิดเรื่องขึ้น การมาเจอคู่กรณีฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก ไม่ได้ร้ายแรงอะไรหากเทียบกับคดีครอบครองปรปักษ์ที่อื่นแรงกว่านี้เยอะส่วนการถูกดำเนินคดีอาญาเข้าไปตัดโซ่จนเป็นที่มาของข้อหาบุกรุก นายวัฒนากล่าวว่า เขาไม่เคยครอบครองมาก่อนในรูปแบบคดี เพียงแต่เอาอะไรมาคล้องประตูไว้ อีกฝ่ายยอมรับเองว่าเอามาคล้อง ตอนแรกไม่ทราบด้วยซ้ำว่าใครเอามาคล้องไว้ น.ส.ศรีพรรณยังไม่สละการครอบครองปรปักษ์ มีสิทธิ์มาก่อนหน้านี้ก่อนที่จะมีคดีอาญา และตั้งใจว่ายื่นคำร้องต่อศาลอยู่แล้วบังเอิญว่ามีคดีอาญาเข้ามาแทรกก่อน แต่ในมุมชาวบ้านไม่ได้มองเรื่องกฎหมายมองเรื่องของศีลธรรม ทำให้เกิดอารมณ์ความเกลียดชังกันในสังคมผ่านสื่อมวลชน สื่อทำหน้าที่เผยแพร่ข้อเท็จจริงก็ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเป็นธรรม เรื่องมันไม่ได้ใหญ่โตทำไมกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้นายวัฒนากล่าวถึงประเด็นเรื่องผู้เสียชีวิตไปกราบเท้าขอให้ถอนฟ้องว่า ไม่ถึงกับกราบเท้า ขอให้ไปถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ตนพูดเองเดี๋ยวจะไม่มีน้ำหนัก น.ส.ศรีพรรณผู้ร้องก็อยู่ผู้เสียชีวิตก็ขอร้องไม่อยากมีปัญหากับใคร ไม่ว่าคดีอะไรเข้าก็มารับหน้าแก้ไขปัญหา เข้าใจว่ามีความ ปรารถนาดีกับทุกฝ่ายทำด้วยเจตนาดี ส่วนจะสู้คดีต่อหรือไม่เป็นการตัดสินใจของเขาเองไม่ใช่เป็นคำแนะนำของตน ถ้าลูกความบอกว่าต้องการเปลี่ยนทนายต้องขึ้นกับลูกความ หรือตนไม่สบายใจก็ขอถอนได้ ยืนยันไม่ได้มีปัญหาทะเลาะกับลูกความ การที่คู่กรณีบอกให้เปลี่ยนทนาย มันผิดปกติไม่มีใครที่ไหนทำกันแบบนี้ มันมีข้อต่อรองเยอะแต่ตกลงกันไม่ได้ เคยตกลงคดีกันมารอบหนึ่งแล้วตัวเลขความเสียหายมันสูง ตนไม่กังวลยืนหยัดอยู่บนข้อเท็จจริง ไม่ใช่ว่าดื้อด้านแต่อยู่บนข้อเท็จจริง รับผิดชอบลูกความตัวเอง น.ส.ศรีพรรณเป็นลูกความตน แต่ น.ส.ภาณุมาศไม่ใช่ลูกความคดีที่ตนรับผิดชอบ เป็นทนายอีกท่านหนึ่ง ส่วนทนายเดชาพูดพาดพิงถึงมีช่องสื่อส่วนตัวพูดยังไงก็ได้ พูดให้ตัวเองดูดีใครก็พูดได้ แต่พูดให้คนอื่นดูร้ายคนดีไม่ทำกันขณะที่ น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ทีมทนายความของทนายเดชาฝ่ายฟ้องร้อง กล่าวว่า คดีนี้เรื่องอยู่ในขั้นตอนของศาลแพ่งมีนบุรีแล้ว เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ผู้เสียชีวิตกับพวกให้ทนายไปยื่นคำร้องให้การแก้ฟ้องแย้งผู้คัดค้าน ในวันที่ 18 มี.ค. ศาลแพ่งมีนบุรีนัดชี้คดี คู่กรณีไม่จำเป็นต้องไป เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีทนายไปรับฟังแทนได้ กรณีบทสนทนาระหว่างอากู๋และผู้เสียชีวิตนั้น ผู้เสียชีวิตโทร.มาหาอากู๋เมื่อวันที่ 19 ก.พ. สรุปใจความว่าจะให้ทนายไปถอนคำร้องถอนปรปักษ์และขอไกล่เกลี่ย แต่สุดท้ายไม่มีการไปยื่นขอถอดคำร้องแต่อย่างใด เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ผู้เสียชีวิตกับพวกให้ทนายไปยื่นคำร้องให้การแก้ฟ้องแย้งผู้คัดค้านเท่านั้น ก่อนมาเกิดเหตุสลดดังกล่าวมีรายงานว่า นายพลกฤษณ์ ทองคำ สามีของน.ส.ภาณุมาศ โฟนอินเข้ามาพูดคุยในรายการโหนกระแส สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 นายพลกฤษณ์ร้องไห้หลังสูญเสียภรรยา ยืนยันว่าจะคืนบ้านให้ทางอากู๋ นายพลกฤษณ์กล่าวว่า ตนกับภรรยาไม่เคยโดนคดีอาญามาก่อน พอถูกแจ้งฟ้องร้องคดีบุกรุกและเรียกค่าเสียหาย พยายามจะหาทางเจรจา ได้รับคำแนะนำทางกฎหมายมาว่า ให้ไปยื่นฟ้องครอบครองปรปักษ์ เพื่อที่จะมาเป็นข้อต่อรองให้การเจรจาเรื่องคดีอาญาคดีแรก ยอมรับว่าเป็นความโง่เขลาของตนกับภรรยา ไม่ได้ไปฟ้องเพราะอยากได้บ้านของคนอื่น หากฟ้องชนะจริงก็จะยกบ้านคืนให้อากู๋ แถลงข่าวให้ชัดเจนยืนยันเจตนาของเราเลยว่า ไม่ได้ฟ้องเพราะอยากได้บ้าน แต่ถามว่าทำไมไม่คืนไปเลยต้องฟ้องก่อนทำไม เพราะเราเชื่อคำแนะนำในเรื่องนี้เอง“ภรรยาได้เข้าไปคุยกับซัน อาย และอากู๋หลายครั้ง ยืนยันว่าจะคืนบ้านให้ จะไปถอนฟ้องปรปักษ์ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ถอน ภรรยาถึงขั้นกราบขอร้องทนายความของตัวเองให้ไปถอน แต่ถ้ายังถอนไม่ได้สักที ตนจะพา น.ส.ศรีพรรณ พี่สาวของภรรยาไปยื่นขอถอนฟ้องด้วยตัวเอง น.ส.ศรีพรรณว่ายังไงว่าตามกันอยู่แล้ว” นายพลกฤษณ์กล่าว พร้อมขอโทษอากู๋ ซัน และหลานสะใภ้ของอากู๋ ยืนยันว่าต้องการจะถอยแล้วจริงๆไม่อยากให้ไปต่อว่าผู้เสียชีวิตอีกแล้วอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่