นายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เผยถึงผลการดำเนินโครงการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพพื้นที่ทุ่งรังสิต (2563-2572) ครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, นครนายก, สระบุรี, ปราจีนบุรี, ฉะเชิงเทรา และกรุงเทพมหานคร ว่า เป็นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานการพัฒนาพื้นที่ดินเปรี้ยวจัดทุ่งรังสิต เน้นระบบการควบคุมน้ำและกระจายน้ำ และอนุรักษ์ทรัพยากรดินและน้ำ มีเป้าหมาย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของพื้นที่ทุ่งรังสิตให้เป็นต้นแบบในการจัดการดินเปรี้ยวจัดให้สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างสมดุลและยั่งยืน “กรมพัฒนาที่ดิน โดยสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1 ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานในพื้นที่โดยศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลสภาพพื้นที่และสภาวะเศรษฐกิจและสังคม การจัดทำกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน กำหนดพื้นที่เป้าหมายตามความสำคัญ สำรวจพื้นที่อย่างละเอียด จัดทำระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบส่งน้ำ กระจายน้ำ ควบคุมระดับน้ำในแปลงเกษตรกร ปรับระดับพื้นที่ผิวดินให้มีความสม่ำเสมอ และปรับเปลี่ยนการผลิตเป็นพื้นที่ยกร่องเพื่อปลูกพืช” อธิบดีกรมพัฒนาที่ดินกล่าวต่อไปว่า โครงการนี้ยังมีการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวจัดโดยวัสดุปรับปรุงดิน อาทิ ปูนมาร์ล ปูนโดโลไมท์ เป็นต้น และส่งเสริมการใช้พืชปุ๋ยสดและส่งเสริมการใช้สารอินทรีย์ทดแทนการใช้สารเคมีทางการเกษตร โดยมีเกษตรกรในพื้นที่เข้าร่วมโครงการ ในปี 2563 นางน้ำทิพย์ จำรัสทอง เกษตรกรต้นแบบผลสำเร็จของการดำเนินงานในพื้นที่ ต.ทองหลาง อ.บ้านนา จ.นครนายก ได้ปรับโครงสร้างพื้นฐานโดยการขุดสระบัว มีผลตอบแทนจากการผลิตบัวไร่ละ 1,704 บาท ส่วนพื้นที่ ต.ข้าวงาม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา นางณัฐสินี เจริญทรัพย์ ได้จัดทำระบบโครงสร้างพื้นฐานปรับพื้นที่นาเรียบ ขุดคูระบายน้ำ พร้อมระบบส่งน้ำ กระจายน้ำ ควบคุมระดับน้ำในแปลงสำหรับการปลูกข้าว รวมถึงปรับปรุงดินโดยการใส่ปูนมาร์ลตามค่าวิเคราะห์ดิน และการปลูกพืชตระกูลถั่ว (ปอเทือง) เพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุสามารถแก้ไขปัญหาในพื้นที่ดินเปรี้ยวจัด ยกระดับค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดิน ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้น ได้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจเฉลี่ยไร่ละ 3,251 บาท ขณะที่ นางสุวันนา พุฒโต มีการปรับเปลี่ยนแปลงนาข้าวเป็นพืชผักโดยปลูกตะไคร้ ทำให้มีรายได้ตลอดทั้งปีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจเฉลี่ยไร่ละ 35,000 บาท นอกจากนี้ เกษตรกรสามารถเลี้ยงปลาในคูระบายน้ำทำให้มีแหล่งอาหารลดรายจ่ายในครัวเรือนและมีรายได้เพิ่มขึ้น.คลิกอ่าน “ข่าวเกษตร” เพิ่มเติม