วันที่ 26 ก.ย.66 ที่ศาลาว่าการ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า คณะ กก.วิสามัญศึกษาระบบขนส่งมวลชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยมีนายนภาพล จีระกุล สก. เขตบางกอกน้อย เป็นประธานได้สรุปผลการศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยเสนอให้ฝ่ายบริหาร กทม.เจรจากับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (บีทีเอสซี) แยกสัญญาส่วนหนี้ค่าจ้างการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย 2 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทร ปราการ จากส่วนหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขสัญญาสัมปทานใหม่ตามคำสั่ง ม.44 ต้องรอ ครม.ตัดสินความชัดเจนจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งฝ่ายบริหารเห็นด้วยกับแนวทางแยกหนี้ดังกล่าว เนื่องจากหนี้ E&M ได้ของมาใช้ สามารถจับต้องได้ กทม.มีอำนาจต่อรอง ส่วนหนี้ O&M เป็นค่าใช้จ่ายการจ้างเดินรถต้องมีการวิเคราะห์ตัวเลขหลายส่วน อีกทั้งเป็นก้อนหนี้ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาต่อสัญญาสัมปทาน โดยคณะกรรมการวิสามัญฯจะรายงานสภา กทม.ทราบวันที่ 27 ก.ย.นี้ หากสภา กทม.มีมติรับหลักการให้ฝ่ายบริหารแยกหนี้ E&M ขั้นตอนต่อไปจะต้องรายงานกระทรวงมหาดไทย เพื่อ เสนอ ครม.พิจารณา หากไม่ขัดข้องตามที่เสนอ ทางฝ่ายบริหารจะต้องนำเรื่องเสนอสภา กทม.อีกครั้งเพื่ออนุมัติงบจ่ายหนี้ โดยเตรียมเงินไว้แล้วเป็นงบจ่ายขาดนายชัชชาติกล่าวว่า เหตุผลที่ กทม.ต้องรายงานกระทรวงมหาดไทยและเสนอ ครม.เห็นชอบการแยกหนี้ E&M ก่อน เพราะถ้า กทม.จ่ายหนี้ไปก่อน ขณะที่คณะกรรมการฯตามคำสั่ง ม.44 มีการศึกษาเอาหนี้ E&M ไปรวมกับหนี้ O&M ตามเงื่อนไขสัมปทานใหม่ หากดึงหนี้ E&M มาจ่ายก่อน และถ้า ครม.มีมติไม่ต่อสัมปทานจะทำให้สมการเงื่อนไขสัมปทานถูกเปลี่ยนใหม่ แล้วหนี้ที่ กทม.จ่ายไปแล้วจะเอาได้หรือไม่ ต้องให้ ครม.เห็นชอบ ก่อน จึงจะดำเนินการได้ ซึ่งในสัปดาห์นี้ได้นัดหารือนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย แล้ว.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่