กองอำนวยการน้ำแห่งชาติประกาศเตือนระวังดินถล่ม น้ำ ท่วมฉับพลันน้ำล้นตลิ่ง และอ่างเก็บน้ำที่มีความเสี่ยงในพื้นที่ภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคอีสาน และพื้นที่ลุ่มต่ำในภาคกลาง ระหว่างวันที่ 25-30 ก.ย. หลังพบมีมรสุมกำลังแรงและมีฝนตกหนักถึงหนักมาก แม่ฮ่องสอนยังลำบากเจอฝนกระหน่ำสะพาน จ.แพร่ ประกาศปิดถ้ำผานางคอย หลังฝนหนักจนหินถล่มลงมาทับบันไดทางขึ้นถ้ำ ชาวบ้าน 7 หมู่บ้านกว่า 80 หลังคาเรือนที่ศรีสะเกษโวยทางการไม่เป็นธรรม น้ำท่วมปีก่อนบ้านทรัพย์สินเสียหายเพียบ คิดเป็นเงินหลายหมื่นบาท แต่ได้ค่าชดเชยเพียง 310 บาท ภูเก็ต-ป่าตองอ่วม เมืองจมบาดาลหลังฝนเททั้งวัน ชาวประมง เพชรบุรีออกเรือไดหมึกเจอพายุกลางทะเลซัดเรือจมหายขณะพยายามหนีฝนเข้าฝั่ง สุพรรณบุรีฝนถล่ม ต้นไม้ล้มทับบ่อจระเข้จนจระเข้หลุดจากบ่อ 30 ตัว เลื้อยหนีไปหลบในร่องน้ำ ตามจับทันควันได้ 26 ตัวเมื่อวันที่ 22 ก.ย.กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ มีประกาศว่า พบร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอน ล่าง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลาง ภาคตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคใต้ ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำด้วยฝน คาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก พื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่มบริเวณต้นน้ำจากกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรธรณี พบว่ามีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังในช่วงวันที่ 25-30 ก.ย.ดังนี้1.พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม ภาคตะวันออก จ.ระยอง (อ.เมืองระยอง แกลง ปลวกแดง เขาชะเมา) จ.จันทบุรี (อ.เมืองจันทบุรี มะขาม ท่าใหม่ สอยดาว เขาคิชฌกูฏ แหลมสิงห์ ขลุง) จ.ตราด (อ.เมืองตราด เขาสมิง บ่อไร่ เกาะกูด เกาะช้าง) ภาคใต้ จ.ชุมพร (อ.ท่าแซะ พะโต๊ะ) จ.ระนอง (อ.เมืองระนอง กะเปอร์ ละอุ่น สุขสำราญ กระบุรี) จ.พังงา (อำเภอเมืองพังงา คุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง ท้ายเหมือง) จ.ภูเก็ต (อ.เมืองภูเก็ต กะทู้ ถลาง) จ.กระบี่ (อ.เมืองกระบี่ เขาพนม อ่าวลึก คลองท่อม ปลายพระยา เกาะลันตา) จ.สุราษฎร์ธานี (อ.เมืองสุราษฎร์ธานี พนม บ้านตาขุน เกาะพะงัน) จ.สตูล (อ.เมืองสตูล ควนโดน ควนกาหลง ทุ่งหว้า มะนัง) จ.ตรัง (อ.เมืองตรัง ปะเหลียน นาโยง กันตัง ห้วยยอด หาดสำราญ รัษฎาวังวิเศษ) จ.พัทลุง (อ.ป่าบอน ตะโหมด) จ.สงขลา (อ.สะเดา) จ.นครศรีธรรมราช (อ.ช้างกลาง พิปูนฉวาง ทุ่งใหญ่ ถ้ำพรรณรา)2.พื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่งและท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ ริมแม่น้ำแควน้อย จ.พิษณุโลก แม่น้ำเจ้าพระยา จ.ชัยนาท อ่างทองและพระนครศรีอยุธยา ลำน้ำก่ำ จ.นครพนม ลำเซบาย จ.ยโสธร แม่น้ำลำปาว อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์, ลำน้ำยัง อ.โพนทอง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด, แม่น้ำมูล จ.อุบล ราชธานี, แม่น้ำตรัง จ.ตรัง และแม่น้ำตาปี จ.สุราษฎร์ ธานี 3.เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำสูงกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำกักเก็บสูงสุด (Upper Rule Curve) จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่, อ่างเก็บน้ำห้วยหลวง จ.อุดรธานี, อ่างเก็บน้ำน้ำพุง อ่างเก็บน้ำน้ำอูน และหนองหาร จ.สกลนคร, อ่างเก็บน้ำลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ส่วนสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดต่างๆที่ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน นายอัครพันธุ์ พูลศิริ นอภ.สบเมย เผยว่า เมื่อคืนวันที่ 21 ก.ย.มีน้ำกัดเซาะ คอสะพานบ้านแม่ทะลุ หมู่ที่ 5 ต.สบเมย จนทรุดตัวลงและขาด ทำให้ยานพาหนะทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ แขวงทางหลวงชนบทแม่สะเรียงนำโครงสร้างสะพานเบลีย์มาติดตั้งแก้ไขสถานการณ์ และยังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ อ.สบเมย อ.แม่สะเรียง อ.แม่ลาน้อย ทำให้เกิดน้ำป่าไหลทะลักจากลำห้วยสายต่างๆลงสู่แม่น้ำยวม ทะลักท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ลุ่มตั้งแต่ อ.แม่ลาน้อย อ.แม่สะเรียง อ.สบเมยที่ จ.แพร่ อบจ.แพร่ ประกาศปิดการท่องเที่ยวถ้ำผานางคอย อ.ร้องกวาง หลังได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง จนมีปริมาณน้ำฝนสะสมใน พื้นดินจำนวนมากทำให้ดินอิ่มน้ำจนไม่สามารถอุ้มน้ำได้ รากไม้ไม่สามารถยึดดินจนมีก้อนหินร่วงลงมาจากหน้าผาทับบันไดทางขึ้นถ้ำผานางคอย จึงประกาศปิดเพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่ จ.บึงกาฬ นายนฤชา โฆษาศรีวิไลช์ ผวจ.ไปตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำสงครามล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ที่บ้านสันติสุข หมู่ที่ 5 ต.ดอนหญ้านาง อ.พรเจริญ กว่า 17 หลังคาเรือน และท่วมพื้นที่การ เกษตรโดยเฉพาะนาข้าว รอบหนองเลิงและริมแม่น้ำสงครามกว่า 3,000 ไร่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำถุงยังชีพ น้ำดื่ม มามอบให้กับชาวบ้านที่ประสบภัย และ รพ.สต.ดอนหญ้านาง ตรวจพบมีชาวบ้านเป็นโรคนำกัดเท้าจึงมอบยารักษาให้ที่หน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ วันเดียวกัน ชาวบ้านกว่า 30 คนที่เป็นตัวแทนจาก 7 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านเหล่าโดน หมู่ 10 บ้านผึ้ง หมู่ 4, หมู่ 14 บ้านมะยาง หมู่ 5, หมู่ 16 บ้านดอนงูเหลือม หมู่ 7 ต.หนองแค อ.ราษีไศล กว่า 80 หลังคาเรือน มาร้องทุกข์ว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการจ่ายเงินชดเชยน้ำท่วมเมื่อปี 2565 หลังจากเมื่อเร็วๆนี้ อบต.ไปจ่ายเงินชดเชยแก่ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมเสียหาย ปรากฏว่า เงินที่ได้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง โดยเฉพาะรายของนางเข็มมา ประกายแดง อายุ 62 ปี น้ำท่วมบ้านเสียหายทั้งตัวบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า หม้อหุงข้าว รถจักรยานยนต์ กับอื่นๆ เจ้าหน้าที่ อบต.หนองแค มาประเมินแจ้งว่าทรัพย์สินเสียหายคิดเป็นเงินกว่า 20,000 บาท แต่กลับได้รับเงินชดเชยเพียง 310 บาท ที่เจ็บใจหนักกว่านั้น คือบ้านที่อยู่ติดกันได้รับเงินกว่า 2 พัน ทั้งที่ความเสียหายน้อยกว่า จึงอยากให้ทางราชการได้ทบทวน ตรวจสอบความเสียหายใหม่ เพื่อความเป็นธรรมแก่ชาวบ้าน และไม่ใช่แค่บ้านตนแต่เป็นทั้งหมู่บ้านเหล่าโดนกว่า 80 หลังคาเรือน เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับหนังสือร้องทุกข์ไปตรวจสอบ ประสานข้อมูลกับ อบต.หนองแค เพื่อนำเรื่องมาชี้แจงกับราษฎรทุกครัวเรือน ทั้งหมดพอใจและเดินทางกลับ ที่ จ.ภูเก็ต ตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงค่ำวันที่ 22 ก.ย มีฝนตกหนักทั้งวัน ทำให้มีน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่เทศบาลเมืองป่าตอง ต.ป่าตอง อ.กะทู้ มีน้ำรอการระบายตามถนนต่างๆ เช่น ถนนราษฎร์อุทิศ 200 ปี ถนนนาใน ถนนไสน้ำเย็น เป็นต้น บางจุดมีน้ำท่วมขังสูงกว่า 1 เมตร รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ตามหน้าร้านค้าหรือที่พักต่างๆ จำนวนมากถูกน้ำท่วมจมเกือบมิดทั้งคัน ขณะเดียวกันมีน้ำท่วมเข้าตามร้านค้าริมถนนสายดังกล่าว การจราจรกลายเป็นอัมพาต หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตและเทศบาลเมืองป่าตอง นำเรือท้องแบนออกมาลำเลียงประชาชนตามถนนสายต่างๆ หากฝนทิ้งช่วง น้ำจะระบายลงสู่ทะเลและการจราจรต่างๆจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติที่ จ.ราชบุรี นายอัศนีย์ สุภานัย ผอ.แขวงทางหลวงราชบุรี นายมงคล จันทสุวรรณ วิศวกรชำนาญการ ศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) นำ จนท.ที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบคอสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง บ้านโป่ง-เบิกไพร ฝั่งหน้าสำนักงานเทศบาล ต.เบิกไพร ที่ทรุดตัวกินพื้นที่เข้ามาในถนน 1 ช่องจราจร หลังเกิดพายุฝนถล่มหนักและมีลมกระโชก เมื่อเย็นวันที่ 21 ก.ย. บางจุดเป็นโพรงหลุมลึกจนเห็นตอม่อใต้สะพาน เจ้าหน้าที่นำแท่งกรวยและแบริเออร์ วางกั้นแนวป้องกัน ไม่ให้รถที่สัญจรประสบอุบัติเหตุ และยังพบว่าอีกฝั่งหนึ่งของถนนเริ่มมีรอยแตกและยุบตัวเช่นกันที่ จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองชะอำ อาสากู้ภัยมูลนิธิสว่างสรร เพชญธรรมสถาน ร่วมกันค้นหาร่างนายประจักษ์ มิ่งขวัญ อายุ 44 ปี บ้านอยู่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ชาว ประมงพื้นบ้านที่ถูกพายุรุนแรงมีคลื่นสูงซัดเรือชื่อ “โชคมิ่งขวัญ” ขณะออกไปไดหมึกจมหายกลางทะเลพื้นที่ อ.ชะอำ เมื่อค่ำวันที่ 21 ก.ย.จนเที่ยงวันที่ 22 ก.ย.ชุดค้นหาพบเสื้อแจ็กเกตสีดำของนายประจักษ์ลอยอยู่กลางทะเล 1 ตัว แต่ยังไม่พบตัวผู้สูญหายระหว่างการค้นหา มีนางปทุม มิ่งขวัญ มารดานายประจักษ์ น.ส.เจนกีฬา พุทธา ภรรยาและญาติพี่น้อง มาร่วมสังเกตุการณ์ พร้อมนำธูป 16 ดอกและบุหรี่จุดบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้เปิดทางให้พบผู้สูญหาย น.ส.เจนกีฬา เล่าทั้งน้ำตาว่า สามีนำเรือลำออกจากท่าเรือสะพานหินไปไดหมึกตั้งแต่ตอนเย็นจนเวลา 20.30 น. สามีโทรศัพท์มาบอกว่าที่กลางทะเลเกิดพายุอย่างแรง กำลังจะนำเรือฝ่าพายุกลับเข้าฝั่งจากนั้นไม่สามารถติดต่อสามีได้อีกเลยที่สุพรรณบุรี ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 21 ก.ย.มีลมพายุพัดกระหน่ำรุนแรงและฝนตกหนัก ทำให้ในเขตอำเภอเมืองสุพรรณบุรีมีต้นไม้ล้มหลายสิบต้น ไฟฟ้าดับหลายจุดและมีต้นไม้ล้มทับกำแพงปูนที่สูงเกือบ 2 เมตรของฟาร์มจระเข้ชื่ออมรฟาร์ม ที่ ต.ดอนมะสังข์ อ.เมืองสุพรรณบุรี ของนายอมร สุขสมศร ที่มีใบอนุญาตเลี้ยงถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้จระเข้ที่เลี้ยงไว้หลุดออกมา 30 ตัว เจ้าหน้าที่ชุดไกรทองของกรมประมง 3 จังหวัดมีสุพรรณบุรี ชัยนาท อยุธยา เจ้าหน้าที่กู้ภัย และชาวบ้านเร่งตามจับกันวุ่น พบจระเข้เลื้อยหนีอยู่ตามร่องน้ำในบริเวณรอบฟาร์มและจับได้ 26 ตัว ที่เหลือ 4 ตัว กำลังตามหาบ่ายวันเดียวกัน จนท.การไฟฟ้าภูมิภาค อ.บางบัวทอง ไปตัดไฟจากสายไฟฟ้าแรงสูงที่ริมถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ม.6 ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังมีหลังคาเมทัลชีทของดาดฟ้าตึกแถว 10 ห้องที่โดนลมและพายุฝนที่ตกหนักมากเมื่อค่ำวันที่ 21 ก.ย. กระหน่ำพัดจนหลังคาเมทัลชีทปลิวมาพาดสายไฟฟ้าแรงสูง หวั่นว่าจะเกิดอันตราย นอกจากนี้รถเครนของการไฟฟ้าฯ และรถกระเช้าของ อบต.ละหาร ยังได้รื้อหลังคาตึกที่พังเสียหายออกมาด้วย