อุกอาจฝั่งธนฯ 2 เดนคุก พกปืนปลอมขี่รถ จยย.ตระเวนดูลาดเลา สบโอกาสปีนหน้าต่างชั้น 2 เข้าไปก่อเหตุชิงทรัพย์ 2 สามี-ภรรยา ใช้สายโทรศัพท์พันธนาการในตึกแถว 4 ชั้น ซอยบรมราชชนนี 28 ย่านตลิ่งชัน ชุดสืบสน.ตลิ่งชัน-สืบ 7 ตามจับได้ทันควันหลังเกิดเหตุไม่ถึง 6 ชั่วโมง เผยคนร้ายอ้างต้องการเงินแค่ 6 พันบาทเพื่อจ่ายค่าห้องเช่า ตรวจสอบทั้งคู่ประวัติยาวเหยียดมีทั้งคดีลักทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขืน บุกรุก แถม1ใน2 เป็นคนเร่ร่อนอาศัยป้ายรถเมล์ริมทางรถไฟเป็นที่พักรวบทันควัน 2 เดนคุกก่อเหตุใช้ปืนปลอมชิงทรัพย์สองผัวเมียในตึกแถวยามวิกาล เปิดเผยเมื่อเวลา 05.55 น. วันที่ 17 ส.ค. ร.ต.ท.อมรพงษ์ ตุ้ยทา รองสว. (สอบสวน) สน.ตลิ่งชัน รับแจ้งจากนายศิวกร บรรลือทรัพย์ อายุ 30 ปี เจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และน.ส.เจนจิรา เป็นมงคล อายุ 29 ปี ภรรยา ว่าถูกคนร้ายเป็นชาย 2 คน บุกเข้าไปในตึกแถวที่พักใช้ปืนข่มขู่ชิงทรัพย์และใช้สายไฟมัดมือทั้งคู่ไว้ ก่อนรื้อค้นได้ทรัพย์สินไปหลายรายการนายศิวกรให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 03.46 น. มีคนร้าย 2 คนบุกเข้ามาในที่พักเป็นตึกแถว 4 ชั้น เลขที่ 100 ซอยบรมราชชนนี 28 แขวงและเขตตลิ่งชัน กทม. ชั้นล่างเป็นที่รับฝากส่งพัสดุ ชั้น 2 เป็นห้องทำงาน ตนพักอยู่ชั้น 3 คาดคนร้ายปีนเข้ามาทางหน้าต่างชั้น 2 ที่เปิดทิ้งไว้แล้วบุกเข้ามาในห้องนอนปลุกตนกับภรรยาให้ตื่น 1 ในคนร้ายใช้ปืนลูกโม่ข่มขู่ถือปืนส่ายไปมา คนร้ายอีกคนเดินไปกระชากสายโทรศัพท์ในห้องเอามามัดไพล่หลังตนส่วนภรรยาถูกมัดมือไว้ที่ด้านหน้า จากนั้นคนร้ายทั้งคู่ช่วยกันรื้อทรัพย์สินประกอบด้วย สร้อยข้อมือทองคำหนัก 50 สตางค์ แหวนทองคำ 3 วง หลวงปู่ทวดเลี่ยมทอง 1 องค์ ไอแพ็ด 1 เครื่อง โน้ตบุ๊กสภาพเก่า 1 เครื่อง สว่านไฟฟ้า 2 ตัว พร้อมกระเป๋าสะพายและเอกสารส่วนตัว ส่วนโน้ตบุ๊กอีกตัวที่มีสภาพใหม่กับโทรศัพท์มือถือ คนร้ายทั้งคู่บอกไม่เอาเพราะอยากได้ทรัพย์สินมูลค่าแค่ 6 พันบาทเท่านั้น เพื่อนำเงินไปให้ลูกและจ่ายค่าเช่าบ้าน จากนั้นคนร้ายทั้งคู่เปิดประตูตึกแถวชั้นล่างวิ่งหลบหนีออกไปขี่และซ้อนท้ายรถจยย.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนที่จอดอยู่หลบหนีไป ขณะที่ภรรยาของตนแก้เชือกที่ถูกพันธนาการอยู่ด้านหน้าจนสำเร็จแล้วมาแก้มัดให้ตน ก่อนตั้งสติเดินทางมาแจ้งความหลังทราบเรื่อง ร.ต.ท.อมรพงษ์ รีบรายงานเหตุอุกฉกรรจ์ให้ พ.ต.อ.มนต์ชัย อรุณส่องแสงดี ผกก.สน.ตลิ่งชัน รับทราบเพื่อประสานข้อมูลกับพ.ต.อ.ไตรรัตน์ เพ็งนู ผกก.สส.บก.น.7 นำกำลังชุดสืบสวนกก.สส.บก.น.7 และตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.ตลิ่งชัน เข้าร่วมคลี่คลายคดีเป็นการด่วนกระทั่งเวลา 09.30 น. พ.ต.ท.พงษ์ธวัช คงเสือ รองผกก.สส.สน.ตลิ่งชัน พ.ต.ท.บำเพ็ญ นามฉวี สว.สส.สน. ตลิ่งชัน สามารถจับสัญญาณไอแพ็ดของผู้เสียหายที่คนร้ายขโมยไป ปรากฏอยู่ที่ห้องเช่าเลขที่ 711 ซอยโรงหวาย ถนนอ่อนนุช แขวงและเขตสวนหลวง กทม. จึงนำกำลังไปจับกุมตัวคนร้ายทั้งคู่ไว้ได้ทราบชื่อนายคำสิงห์ หรือโต้ง คงเครือ อายุ 38 ปี ชาวจ.สระแก้ว และนายวิชัย หรือต้น พรมฟัก อายุ 40 ปี ตรวจค้นในห้องเช่าพบของกลางไอแพ็ด 1 เครื่อง แหวนทองคำ 3 วง พระหลวงปู่ทวดเลี่ยมทอง 1 องค์ โน้ตบุ๊กเก่า 1 เครื่อง กระเป๋าสะพายพร้อมเอกสารของเหยื่อ ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุพบเป็นปืนปลอมชุบโครเมียมแบบลูกโม่ใส่อยู่ในซองหนังซุกไว้ใต้เตียง เบื้องต้นทั้งคู่ให้การรับสารภาพ จากนั้นพาไปเอาสร้อยข้อมือทองคำและสว่านไฟฟ้าที่นำไปจำนำไว้ที่โรงรับจำนำใกล้ห้องพักในราคา 4,800 บาท คืนมาได้อย่างครบถ้วน จากนั้นคุมตัวทั้งคู่ไปสอบสวนต่อที่ สน.ตลิ่งชันเบื้องต้นนายคำสิงห์ 1 ใน 2 คนร้าย ให้การว่าเพิ่งออกจากคุกมาเมื่อเดือนมี.ค.65 หลังต้องโทษนาน 6 ปี ในคดีกักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขืนกระทำชำเรา พรากผู้เยาว์ในท้องที่สภ.ลาดโตนด จ.นนทบุรี ส่วนนายวิชัยเป็นคนเร่ร่อนเจอกันในคุก เมื่อพ้นโทษก็ติดต่อกันเรื่อยมา ก่อนก่อเหตุไปซื้อปืนปลอมมาจากร้านขายของเก่าย่านวงเวียน 22 กรกฎาคม เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ราคากระบอกละ 70 บาท แล้วพากันซ้อนรถ จยย.ตระเวนดูลาดเลาจนมาสะดุดตากับตึกแถว 4 ชั้นที่เกิดเหตุ เพราะชั้น 2 เปิดไฟและหน้าต่างทิ้งไว้ไม่มีเหล็กดัด นำรถ จยย.ไปซ่อนไว้ข้างตึก ปีนกำแพงของธนาคารที่อยู่ติดกันขึ้นไปชั้น 2 รื้อค้นได้ทรัพย์สินบางส่วน เดินไปชั้นล่างเข็นรถจยย.ของเหยื่อออกไปจอดไว้ริมถนนตั้งใจจะขโมยไปด้วย จากนั้นเดินขึ้นไปชั้น 3 เป็นห้องนอนของเหยื่อที่ไม่ได้ล็อกประตูลูกบิด เปิดเข้าไปพบฝ่ายชายเลยชักปืนขู่ให้อยู่นิ่งๆ สั่งนายวิชัยไปตัดสายโทรศัพท์ในห้องนำมามัดมือไพล่หลัง ส่วนฝ่ายหญิงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มตื่นมาตกใจพยายามร้องขอความช่วยเหลือ ใช้ปืนขู่ให้เงียบแล้วสั่งให้นายวิชัยใช้สายโทรศัพท์มัดมือไว้ด้านหน้า จากนั้นเริ่มรื้อค้นทรัพย์สินและคืนส่วนที่ไม่ต้องการ เพราะต้องการทรัพย์สินเพียง 6 พันบาทเพื่อไปจ่ายค่าห้องเช่าเท่านั้นจากการตรวจสอบประวัตินายคำสิงห์ พบยังมีหมายจับติดตัวอยู่ที่สน.พญาไท โดยหมายจับเพิ่งออกเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ในข้อหาบุกรุกเคหสถานและลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ทำลายสิ่งกีดขวางฯ ส่วนนายต้น ผู้ต้องหาอีกคนที่อ้างว่าชื่อนายวิชัย พรมฟัก ตรวจสอบในทะเบียนราษฎร์ไม่พบประวัติ เมื่อสอบเค้นนายต้นให้การว่า พ่อแม่ไม่ได้ไปแจ้งเกิดให้ เป็นบุคคลเร่ร่อน พอพ้นโทษมาก็อาศัยนอนตามป้ายรถประจำทางริมทางรถไฟย่านพญาไท เบื้องต้นคุมตัวทั้งคู่ส่งพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน ดำเนินคดีฐานร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้สิ่งเทียมอาวุธปืนและยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป