สืบนครบาลบุกช่วย นศ.สาวปี 2 มหาวิทยาลัยชื่อดัง หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตุ๋น 2 ชั้น แต่งเรื่องว่าส่งพัสดุผิดกฎหมายพัวพันแก๊งฟอกเงิน ให้ไปเปิดโรงแรมพักอ้างเพื่อความปลอดภัย ก่อนควบคุมเหยื่อด้วยวิดีโอคอลขู่ให้ทำตามคำสั่ง ไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนินคดี พร้อมหลอกล่อเอาข้อมูลครอบครัวไปด้วย จากนั้นคนร้ายอีกทีมใช้ไลน์เหยื่อสาวติดต่อกับแม่ว่าจับลูกสาวเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท ถ้าไม่โอนเงินจะตัดนิ้วลูก สุดท้ายชุดสืบสวนทราบเรื่อง บุกเข้าไปช่วยไว้ได้ท่ามกลางความมึนงงของเหยื่อ ขณะที่คนร้ายที่วิดีโอคอลอยู่ตัดสายทันที เบื้องต้นพบกลุ่มคนร้ายอยู่ประเทศเพื่อนบ้านแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้รูปแบบใหม่หลอกเหยื่อนักศึกษาและผู้ปกครอง เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 12 ส.ค. มีรายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 11 ส.ค. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.สั่งการ พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.วิเคราะห์ข่าว บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.ทศรัสมิ์ กิติธารา สว. วิเคราะห์ข่าว บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.ธนพล มโนษร รอง สว.วิเคราะห์ข่าว บก.สส.บช.น. ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล รอง สว. วิเคราะห์ข่าว บก.สส.บช.น.นำกำลังเข้าช่วยเหลือ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปี 2 มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งใน กทม.ขณะอยู่ในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งย่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ หลังผู้ปกครองของ น.ส.เอ แจ้งว่ามีคนร้ายใช้ไลน์ลูกสาวติดต่อมาว่าได้ลักพาตัวลูกสาวไปเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท ถ้าไม่จ่ายเงินให้จะทำอันตรายหลังรับแจ้งชุดสืบสวนได้ตรวจสอบข้อมูลก่อนวางแผนช่วยเหลือ น.ส.เอ ที่ห้องดังกล่าว พบว่า อยู่เพียงลำพังคนเดียว นั่งอยู่บนเตียงในห้อง กำลังวิดีโอคอลกับคนในไอแพดที่ตั้งอยู่บนโต๊ะปลายเตียง โดย น.ส.เอมีท่าทีงงๆหลังตำรวจบุกเข้าไปช่วย โดยบอกว่ากำลังวิดีโอคอลคุยกับตำรวจอยู่ ชุดสืบสวนได้แสดงบัตรเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงๆ ส่วนคนร้ายที่วิดีโอคอลอยู่ได้ตัดสายทันทีหลังจากนั้นชุดสืบสวนได้นำตัว น.ส.เอกลับมาสอบปากคำที่ บก.สส.บช.น.โดยให้การว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค.เวลา 12.56 น.มีคนร้ายโทร.หาอ้างเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทไปรษณีย์ไทย แจ้งว่าตนส่งพัสดุผิดกฎหมาย ได้ปฏิเสธไปว่าไม่ได้ส่ง คนร้ายทำทีแนะนำให้ไปแจ้งความอ้างว่าพัสดุส่งจาก จ.สงขลา ต้องไปแจ้งความที่ จ.สงขลา ถ้าเดินทางไม่สะดวกจะอาสาประสานตำรวจให้เพื่อแจ้งความพิสูจน์ความบริสุทธิ์ พร้อมโอนสายให้บุคคลที่อ้างเป็นตำรวจ โดยคนร้ายที่แสร้งเป็นตำรวจได้ทำทีเช็กประวัติอ้างว่าพบบัญชีธนาคารเกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกเงิน พร้อมสอบถามข้อมูลการเงินและให้รวมเงินจากทุกบัญชีธนาคารที่มีเข้ามาในบัญชีธนาคารเดียวกันและให้โอนเข้าบัญชีคนร้าย เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินโดยละเอียดว่าเกี่ยวข้องกับขบวนฟอกเงินหรือไม่น.ส.เอให้การต่อว่า จากนั้นสอบถามว่าตนอยู่ที่ไหนตอบไปว่าอยู่มหาวิทยาลัย คนร้ายสั่งให้ย้ายสถานที่ไปโรงแรมใกล้สถานศึกษาเพื่อความปลอดภัย และให้ทำตามคำแนะนำไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนินคดี ด้วยความกลัวเลือกไปพักโรงแรมแถวสนามบินสุวรรณภูมิ โดยคนร้ายที่ปลอมเป็นตำรวจอ้างว่าเป็นผู้กำกับสังกัด ปปง. ถามอีกว่าที่บ้านประกอบธุรกิจอะไรจะขอตรวจสอบหลักทรัพย์บัญชีธนาคารพ่อแม่ด้วย ได้บอกข้อมูลชื่อ สกุล เบอร์โทร.ของพ่อ แม่ ขณะที่คนร้ายสั่งให้บอกแม่ว่าถูกลักพาตัวเพื่อให้แม่โอนเงินมาตรวจสอบด้วยความรวดเร็ว และกำชับอีกว่าระหว่างที่อยู่โรงแรมห้ามติดต่อใคร คนร้ายที่อ้างว่าเป็นตำรวจจะติดต่อกับแม่เอง และเมื่อตรวจสอบเสร็จจะโอนคืนเงินทั้งหมดให้ขณะเดียวกันคนร้ายอีกทีมได้โทรศัพท์ติดต่อแม่ น.ส.เอ ด้วยไลน์ น.ส.เอ ซึ่งได้ให้รหัสคนร้ายไว้ ทำให้แม่เชื่อว่าลูกสาวอยู่กับคนร้ายและตกอยู่ในอันตรายโดยคนร้ายขู่จะตัดนิ้ว ถ้าไม่โอนเงิน 3 ล้านบาทเข้าบัญชี กระทั่งครูและพ่อของ น.ส.เอ ทราบเรื่องได้ขอความช่วยเหลือจาก พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก. สส.บช.น.ก่อนเข้าช่วยเหลือ น.ส.เอไว้ได้ จากการสืบสวนเบื้องต้นพบว่าคนร้ายทั้งหมดกระทำความผิดอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ใช้การโทรศัพท์ และควบคุมเหยื่อด้วยการวิดีโอคอลพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า ถือว่าเป็นวิธีกระทำความผิดแบบใหม่ของคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะหลอกเหยื่อที่เป็นนักเรียนนักศึกษาและผู้ปกครองเหยื่อ โดยอ้างว่าเป็นการเรียกค่าไถ่ข่มขู่จะตัดนิ้วเพื่อให้ผู้ปกครองยอมโอนเงินให้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องระดมกำลังเพื่อออกปฏิบัติการเนื่องจากผู้ปกครองเป็นห่วงความปลอดภัย เข้าใจว่าเป็นเรื่องเรียกค่าไถ่จริง สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมเป็นอย่างมาก อยากประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกันป้องกันตัวจากวิธีการรูปแบบใหม่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์