ศาลชั้นต้นตัดสินคดีแชร์แม่มณี หลังหลอกเหยื่อกว่า 2,500 คนร่วมลงทุนออมเงินผลตอบแทนดีรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1,300 ล้านบาท สั่งจำคุก 2 ผัวเมีย เรียงความผิดรวมคนละ 12,640 ปี รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 5,056 ปี 15,168 เดือน แต่ตาม กฎหมายลงโทษได้สูงสุดแค่ 20 ปี พร้อมให้ชดใช้ เงินคืนผู้เสียหายพร้อมดอกเบี้ย ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 7 คน เป็นลูกจ้างไม่รู้เห็นการกระทำความผิดยกฟ้องที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 พ.ค. ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีพนักงานอัยการคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.วันทนีย์ หรือเดียร์ ทิพย์ประเวช นายเมธี หรือบอส ชิณภา สองสามีภรรยา นายปิยะ หรือเป้ คีรีสุวรรณกุล น.ส.พรสวรรค์ หรือฝ้าย ภูอินอ้อย น.ส.ธวัลรัตน์ ทิพย์ประเวช มารดา น.ส.วันทนีย์ จำเลยที่ 1 น.ส.วิไลวรรณ หรือมิ้น หงษ์ประชาทรัพย์ น.ส.นิตยา หรือโบว์ พินนอก นายบริภัทร เข็มรัตน์ (ได้ประกัน) และนายปิยะเศรษฐ์ ธิโสภา ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-9 ตามลำดับความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนอัยการฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 9 มี.ค.62 ถึงวันที่ 30 ต.ค.63 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งเก้าบังอาจร่วมกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างวาระ จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4 เจตนาทุจริตหรือโดยการหลอกลวง บังอาจร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ คอมพิวเตอร์โปรแกรมเฟซบุ๊กประกาศให้ประชาชนทั่วไปร่วมออมเงินหรือร่วมลงทุนกับจำเลย จะได้ผลตอบแทนมากกว่าปกติเป็นพิเศษ มีแผนการตลาดหรือรูปแบบ การลงทุนจัดแบ่งออกเป็นวง จำนวนการลงทุนวงละ 1,000 บาท ได้รับผลตอบแทน 930 บาทต่อหนึ่งวง เมื่อครบกำหนด 9 เดือนนับแต่วันที่ลงทุนหรือวันที่ ฝากเงินมายังบัญชีที่แจ้ง ผู้ลงทุนจะได้รับเงินที่ลงทุนพร้อมผลตอบแทนกลับไปจำนวนวงละ 1,930 บาทต่อมาจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4 กับพวกเปลี่ยนเป็นการลงทุนระยะสั้นและอีกหลายระบบหลายครั้งซึ่งล้วนเป็นเท็จ ความจริงแล้วจำเลยที่ 1 และที่ 4 กับพวกไม่ได้จัดให้มีการออมเงินหรือร่วมลงทุนโดยได้รับผลตอบแทนมากกว่าปกติดังกล่าว เพียงแต่เป็นอุบายให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทองจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวงเท่านั้น จนเกิดความเสียหาย 2,533 ราย รวมทั้งสิ้น 1,376,215,359 บาท ให้อัตรา ดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ ตั้งแต่อัตราร้อยละ 1,116 ถึงร้อยละ 3,040.45 ต่อปี อันเป็นเท็จ การกู้ยืมเงินตามกฎหมายดอกเบี้ยสูงสุด ที่สถาบันการเงินตามกฎหมายจำเลยที่ 1-2 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยอื่นให้การปฏิเสธศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเบิกความยืนยันทำนองเดียวกันว่า จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันมีพฤติการณ์โฆษณาหลอกลวง ประชาชน และผู้เสียหายจำนวนมากให้มาร่วมลงทุน โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารจำเลยทั้งสอง ส่วนจำเลยที่ 3-9 เป็นลูกจ้างของจำเลยไม่มีส่วนรู้เห็น การกระทำผิดพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันกระทำผิดตามฟ้องจริง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนเป็นบทหนักสุด 2,528 กระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 12,640 ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 5,056 ปีกับ 15,168 เดือน (โทษบางอย่างนับเป็นเดือน) ตามกฎหมายคงจำคุก ได้ไม่เกิน 20 ปี จำคุกจำเลยที่ 1-2 ไว้คนละ 20 ปี และให้จำเลยทั้งสองชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายพร้อมดอกเบี้ย ส่วนจำเลยที่ 3-9 พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มี น้ำหนักเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้ พิพากษายกฟ้องผู้สื่อข่าวรายงานงานว่า ทันทีที่ศาลอ่านคำพิพากษาจบ จำเลยที่ศาลยกฟ้องส่งเสียงกรีดร้องดีใจ กอดคอร้องไห้แสดงความยินดีแก่กัน โดยมีญาติที่มาให้ กำลังใจร้องไห้ด้วยความดีใจ ขณะที่ญาติจำเลย บางส่วน ที่ยกฟ้องกล่าวว่า ดีใจที่ศาลยกฟ้องและให้ความเป็น ธรรมแก่น้องๆ เพราะที่จริงแล้วเป็นแค่ลูกจ้างเท่านั้น