ภารกิจเก็บบัญชีหน่วยงานเก่า ท่ามกลางเสียงร้อง ขอความเป็นธรรม อ้างถูกกลั่นแกล้ง “ยัดข้อหา” ของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ข้าราชการตรวจคนเข้าเมือง”ร้อนถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ต้องตั้ง พล.ต.ท.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองจเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานคณะกรรมการสืบสาวราวเรื่องว่า มีมูลตามที่ถูก “ตีฆ้อง” หรือไม่แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่นำทีมลงไปสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ยืนยันพบตำรวจ ตม.กว่า 110 นาย ร่วมกระทำการทุจริตเอื้อประโยชน์ “ชาวจีนสีเทา” ที่เข้ามาลงทุนทำธุรกิจในประเทศไทยถือเป็นการกระทำผิดในข่ายมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบและความผิดมาตรา 149 ฐานเรียกรับผลประโยชน์“ลับคมดาบ” เตรียมฟันกลุ่มที่อยู่ในข่ายผิดส่วนใหญ่รับผิดชอบอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่ช่วงปี 2563 ต่อเนื่องถึงปี 2565มียศ นายพลตำรวจ 3 นาย ที่เหลือลดหลั่นกันไป ทั้ง ผกก.ถึงชั้นประทวนใช้เอกสารรับรองจากมูลนิธิว่าเป็นอาสาสมัคร หรือจากสถานศึกษารับรองว่าเป็นนักศึกษาในการขอต่อวีซ่า ทั้งที่ความจริงมีการทุจริตตั้งแต่ขั้นตอนการเข้าไปเป็นอาสาสมัคร และนักเรียนแล้ว“นายพลบางคน” เป็น เพื่อน นรต.47 ร่วมรุ่น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แม่ทัพหลักในการคุมทีมกวาดบ้านหลังเก่า“ถึงเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ถ้าทำผิดก็ไม่ละเว้น เพื่อนกันต้องส่งเสริมในทางที่ถูกต้อง เมื่อเป็นเพื่อนก็ห้ามการเป็นเพื่อน หรือห้ามรู้จักกันไม่ได้ แต่เมื่อทำผิดแล้วต้องดำเนินคดี ไม่ช่วยเหลือแน่นอน” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไม่สนสัมพันธ์ครั้งเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจจ่อหวดใส่กระทงร้ายแรง.สหบาท