ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวเต็มตัว ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นช่วงๆ ตลอดฤดู กรมการข้าว ห่วงใยชาวนาที่อาจประสบปัญหา “ข้าวกระทบหนาว” ที่จะส่งผลให้ได้ผลผลิตไม่เต็มที่นายณัฎฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว แนะชาวนาในช่วงที่ลมหนาวพัดลงมาทำให้อุณหภูมิลดลง ควรหมั่นตรวจแปลงนาและสังเกตความผิดปกติของต้นข้าว เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างทัน ท่วงทีเนื่องจากอาการของต้นข้าวที่ได้รับผลกระทบจากอากาศหนาวนั้นส่วนใหญ่ทำให้ข้าวมีโอกาสเป็นหมันสูง ออกรวงช้า และสุกแก่ไม่พร้อมกันโดยอาการเป็นหมันนั้นจะพบวิกฤติในอุณหภูมิ 15-17 องศาเซลเซียส และจะพบอาการดังกล่าวในอุณหภูมิ 17-19 องศาเซลเซียสสำหรับพันธุ์ข้าวที่อ่อนแอต่ออากาศหนาว จะเป็นพันธุ์ข้าวที่มีความอ่อนแอต่อสภาพอากาศหนาวเย็นนั้น ได้แก่ พันธุ์สุพรรณบุรี 3 ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับข้าวทุกระยะนอกจากนี้ อุณหภูมิที่ลดต่ำลงยังส่งผลกระทบให้การสังเคราะห์แสงของข้าวลดลงอย่างมาก หากอุณหภูมิของรากและอากาศต่างกัน 5-7 องศาเซลเซียส จะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำตาลในใบข้าวพันธุ์ข้าวที่อ่อนแอเมื่อกระทบต่ออุณหภูมิต่ำ ปริมาณโปรตีนในอับเรณูของข้าวจะเปลี่ยนแปลงไปมากกว่า 2 เท่า และหากยังคงมีอากาศหนาวต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบต่อการออกรวงและผลผลิตแนวทางแก้ไข คือ ฉีดพ่นฮอร์โมน (NAA, ไซโตไคนิน หรืออื่นๆ) เพื่อกระตุ้นให้ข้าวออกรวงและหากพี่น้องชาวนาจำเป็นหรือต้องการปลูกข้าวในช่วงอากาศหนาว แนะนำให้ใช้พันธุ์ข้าวที่ทนต่อสภาพอากาศหนาว ได้แก่ พันธุ์ชัยนาท 1, กข31, กข41, กข43 และควรหลีกเลี่ยงพันธุ์ข้าวที่อ่อนแอต่อสภาพอากาศหนาว.สะ-เล-เต