ตำรวจ 191 แกะรอยตามลากคอแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ ผู้ต้องหา 3 คน เช่าบ้านหรูย่านบางใหญ่ไว้ซุกยานรกสารพัดชนิด ตั้งแต่ยาไอซ์ ยาเค และเฮโรอีน รวมของกลางที่ตรวจยึดได้เกือบ 300 กก. มูลค่า 55 ล้านบาท แถมยังติดตั้งระบบรีโมตกดเปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติแบบหนังสายลับไว้หลบเลี่ยงการจับกุมของตำรวจ โฆษก ตร.เตือนประชาชน การแก้ไขเปลี่ยนแปลงทะเบียนรถ โดยการปลอมขึ้นทั้งแผ่นหรือแก้ไขตัวเลขส่วนหนึ่งส่วนใดมีความผิดตามมาตรา 264 และ 265 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี ปรับ 1 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาทแก๊งค้ายานรกแสบดัดแปลงเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติใช้ขนยาเสพติด เปิดเผยขึ้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 ต.ค. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก โฆษก บช.น. พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น. แถลงชุดสืบสวน นำโดย พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ชัยกฤต โพธิ์อ๊ะ รอง ผบก.สปพ. และ พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ ผกก.สายตรวจ พร้อมกำลังจับกุมนายกิตติศักดิ์ หรือแชมป์ พัดประไพ อายุ 33 ปี นายจักรพงษ์ หรือแจ๊ค โทเสริฐ อายุ 33 ปี และนายสายชล หรือเต๋า สว่างแจ้ง อายุ 35 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์ 162 กก. เฮโรอีน 120 แท่ง น้ำหนักประมาณ 35 กก. และเคตามีน 97 กก. มูลค่ากว่า 55 ล้านบาท ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติยี่ห้อรูเกอร์ 1 กระบอก ปืนลูกซอง 1 กระบอก ปืนไทยประดิษฐ์แบบพับท้ายได้ขนาด.380 จำนวน 1 กระบอก และรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 2 คัน แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์-เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหาร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตสืบเนื่องจากตำรวจ 191 สืบสวนทราบว่า นายกิตติศักดิ์กับพวกมีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดรายใหญ่ ใช้รถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ตระเวนส่งยา เสพติดให้ลูกค้าตามเส้นทางถนนกาญจนาภิเษก พื้นที่กรุงเทพฯและ จ.นนทบุรี ชุดสืบสวนสะกดรอยติดตามพฤติกรรม กระทั่งวันที่ 23 ต.ค. เวลา 03.00 น.พบว่า นายกิตติศักดิ์ขนยาเสพติดไปเก็บไว้บ้านเลขที่ 63/61 ซอย 19 หมู่บ้านฮาบิเทีย-บางใหญ่ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี และบ้านเลขที่ 89/134 ถนนประชาอุทิศ ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ก่อนนำไปกระจายให้ลูกค้ารายย่อย นำกำลังชุดสืบสวนตำรวจ 191 พร้อมอาวุธจู่โจมเข้าจับกุม ตรวจค้นพบอาวุธปืนทั้งหมดอยู่ภายในบ้านเลขที่ 63/61 ส่วนยาเสพติดทั้งหมดพบซุกซ่อนอยู่ที่บ้านเลขที่ 89/134 สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพว่า เช่าบ้านทั้ง 2 หลังไว้เป็นที่ซุกซ่อนยาเสพติดก่อนทยอยส่งลูกค้า ผู้สั่งการจ่ายค่าจ้างให้ 2-4 แสนบาทต่อเดือนขึ้นอยู่กับปริมาณยาเสพติดพล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก กล่าวว่า กลุ่มคนร้ายใช้รถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์เป็นพาหนะ ลักลอบขนยาเสพติด จากการตรวจสอบรถของกลางทั้ง 2 คัน ถูกดัดแปลงป้ายทะเบียนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ใช้รีโมตกดสามารถเปลี่ยนทะเบียนรถได้ทันทีใช้เวลาเพียง 3 วินาทีเท่านั้น ป้ายทะเบียนปลอมด้านหลังจะสลับมาอยู่ด้านหน้าแทน เหมือนในหนึ่งสายลับ เพื่อตบตาหลบเลี่ยงการตรวจจับของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ถือว่าเป็นวิธีการใหม่ สั่งการตำรวจเร่งกวดขัน หากพบรถที่มีกรอบป้ายทะเบียนลักษณะดังกล่าวจะเรียกตรวจสอบ เนื่องจากเป็นรถต้องสงสัยว่าเอาไว้กระทำความผิด นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ขยายผลและดำเนินคดีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เวลา 15.30 น.วันเดียวกัน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร.กล่าวว่า การจับกุมของตำรวจ 191 เป็นไปตามนโยบาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ทุกหน่วยเร่งจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คนในพื้นที่ จ.นนทบุรี พร้อมของกลางยาไอซ์ 162 กก. เฮโรอีน 120 แท่ง และเคตามีน 97 กก. กลุ่มเครือข่ายนี้มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล วิธีการแยบยลดัดแปลงใช้รีโมตกดเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถอัตโนมัติเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ใช้เวลาแค่ 3 วินาที ป้ายทะเบียนปลอมด้านหลังจะขึ้นมาแทนทะเบียนจริงทันที ผบ.ตร.กำชับให้ตำรวจทุกหน่วยโดยเฉพาะด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด และสายตรวจให้เพิ่มความเข้มตรวจตราแผ่นป้ายทะเบียน สังเกตความผิดปกติตามหลักยุทธวิธี หลังพบคนร้ายดัดแปลงป้ายทะเบียนรถใช้รีโมตกดเปลี่ยนทะเบียนรถเอง เนื่องจากกลุ่มคนร้ายอาจใช้วิธีการดังกล่าวเพื่อขนย้ายสิ่งผิดกฎหมาย หรือกระทำความผิดอื่นๆเพื่อตบตาและหลบเลี่ยงการจับกุม“ขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชน การแก้ไขเปลี่ยนแปลงทะเบียนรถโดยการปลอมขึ้นทั้งแผ่นหรือแก้ไขตัวเลขส่วนหนึ่งส่วนใด มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 และ 265 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี ปรับตั้งแต่ 1 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาท แม้กระทั่งการใช้ป้ายทะเบียนรถคันอื่น หรือใช้แผ่นป้ายทะเบียนที่ถูกเพิกถอนแล้วก็เป็นความผิด ส่วนคนขายอุปกรณ์ดังกล่าวอาจเข้าข่ายสนับสนุนการกระทำความผิดหากถูกนำไปใช้ทำผิดกฎหมาย ตร.จะเพิ่มความเข้มในการตรวจตราและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง” โฆษก ตร.กล่าว