นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยว่า ได้นำคนรุ่นใหม่จากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ไปศึกษาดูงานด้านน้ำบาดาลจากประเทศที่มีการใช้น้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคบริโภคมาเป็นร้อยๆ ปี อย่างเช่นยุโรปและสหรัฐฯ โดยได้ไปดูการพัฒนาน้ำบาดาลริมฝั่งแม่น้ำดานูบ แม่น้ำที่ยาวที่สุดในยุโรป มีความยาวถึง 2,850 กิโลเมตร ไหลผ่านและเป็นเส้นแบ่งอาณาเขตของ 10 ประเทศ มีการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดน สำหรับการแบ่งปันทรัพยากรน้ำผิวดินและน้ำบาดาลร่วมกัน สำหรับการพัฒนาน้ำบาดาลริมฝั่งแม่น้ำดานูบ โดยพัฒนาระบบประปาบาดาล Bank filtration ระดับตื้นความลึกไม่เกิน 30 เมตร ออกแบบก่อสร้างบ่อน้ำบาดาลขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 2-5 เมตร ไม่น้อยกว่า 10 บ่อ/สถานี สามารถสูบน้ำได้ 5,000-20,000 ลบ.ม./ชม. พร้อมส่งน้ำเข้าระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำตามมาตรฐานน้ำดื่มสะอาดของสหภาพยุโรป (EU) พร้อมทั้งติดตั้งระบบกระจายน้ำผ่านเส้นท่อให้แก่ประชาชนในเมืองต่างๆ สามารถรองรับความต้องการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคได้อย่างทั่วถึงนายศักดิ์ดา กล่าวต่อว่า ขณะที่สหรัฐฯไปเยี่ยมชมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำบาดาล ที่ United State Geological Survey (USGS) รับฟังการบรรยายเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำบาดาลของอเมริกา การค้นหาแหล่งน้ำบาดาลโดยใช้ดาวเทียม ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดเทคโนโลยีในโลกปัจจุบัน ได้ดูงานด้านกฎระเบียบ ข้อกฎหมายว่าด้วยการจัดการสิ่งแวดล้อมและน้ำบาดาล ที่ United State Environmental Protection Agency (US EPA) ที่มีการบริหารจัดการน้ำบาดาลควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ป้องกันการปนเปื้อนในแหล่งน้ำบาดาล เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งฝั่งยุโรปและอเมริกา คำนึงถึงคุณภาพน้ำที่จะนำมาทำเป็นน้ำประปาให้แก่ประชาชน โดยส่วนใหญ่จะใช้น้ำจากน้ำบาดาล.